จูล่งรู้ข่าวว่าเล่าปี่โดนรอบสังหารจึงรีบขี่ม้าตามค้าหาเล่าปี่ จนไปถึงริ่มฝั่งแม่น้ำเห็นรอยเท้าม้าโดนขึ้นอีกฝั่งหนึ่งจึงรู้ว่าเล่าปี่หนีรอดปลอดภัย เล่าปี่หลังจากหนีขึ้นฝั่งได้ก็ได้ยินเสียงขลุ่ยดังพร้อมบทกวี ฟังแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองอาภัพยิ่งนักสู้เด็กน้อยชาวนาคนหนึ่งก็ไม่ได้
เด็กน้อยชาวนาจำเล่าปี่ได้จึงเดินมาหาเล่าปี่ถามว่า "ท่านคือพระเจ้าอาเล่าปี่ใช่หรือไม่?" เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็แปลกใจว่าไฉนเด็กน้อยชาวนาผู้นี้จึงรู้จักตัวเรา เด็กน้อยคนนั้นจึงกว่าว่าแต่ครูสอนหนังสือของข้าพเจ้านี้ได้คบหาเพื่อนฝูงเป็นอันมาก ข้าพเจ้าเคยได้ยินครูสนทนากับเพื่อนถึงผู้ชายชื่อเล่าปี่แล้วเห็นรูปลักษณ์ท่านตรงกับที่เค้าคุยกัน
เล่าปี่จึงถามว่า "ครูของเจ้าคือผู้ใด" เด็กน้อยจึงตอบว่า "ครูของข้าชื่อสุมาเต็กโช" เล่าปี่จึงถามต่อไปว่า "ครูของเจ้ามีสำนักอยู่ที่ใด จงพาเราไปพบครูของเจ้าสักหน่อยสิ" จากนั้นเด็กน้อยจึงพาเล่าปี่ไปหาสุมาเต็กโช
พอเล่าปี่ไปถึงได้ยินเสียพิณไพเราะจึงฟัง ไม่ทันนานเสียงพิณนั้นก็หยุดลงพร้อมได้ยินเสียงขึ้นมาว่า "วันนี้เราดีดพิณไม่สะดุดเลย เหมือนจะมีผู้มีสติปัญญามาแอบฟัง"
เล่าปี่เห็นและได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดียิ่งนัก ราวกับว่าได้มายืนอยู่เบื้องหน้านักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ สุมาเต็กโชจึงกล่าวว่า "ตัวท่านนี้มีบุญแลวาสนาเป็นอันมาก ภัยมาถึงตัวแล้วก็หนีเอาตัวรอดได้" เล่าปี่ก็ตกใจที่นักปราชญ์ผู้นี้ล่วงรู้ในตัวของตน
เล่าปี่จึงตอบไปว่า "ตัวข้าพเจ้าทุกวันนี้วาสนาน้อย ทั้งชะตาราศีก็อาภัพจึงได้ความลำบากยิ่งนัก"
สุมาเต๊กโชจึงว่า "เกิดเป็นชายเหตุไฉนจึงโทษวาสนาหล่ะ ตัวท่านนี้ร่อนแร่พเนจรอยู่นี้ก็เพราะว่า ท่านหาคนดีมีสติปัญญาเป็นที่ปรึกษานั้นยังมิได้"
เล่าปี่จึงว่า "อันคนดีมีสติปัญญาที่ปรึกษาข้าพเจ้าก็มี ซุนเขียน บิต๊ก บิฮอง และกันหยง เป็นที่ยอมรับนับถือว่าเป็นบัณฑิต ส่วนฝ่ายทหารนั้นมี กวนอู เตียวหุย จูล่ง ทั้ง 3 นี้มีฝีมือเป็นอันมาก มีทั้งบุ๋นและบู้ พร้อมถ้าไม่เพราะวาสนาจะเป็นเพราะอะไรอีกเล่า"
สุมาเต๊กโชจึงว่า "อันซุนเขียน บิต๊ก บิฮอง แลกันหยงนั้น ถึงจะมีสติปัญญาก็เป็นเพียงสติปัญญาระดับคนทั่วไป ไม่อาจอาศัยความรู้มากอบกู้แผ่นดินได้ เป็นเพียงแค่คนรู้หนังสือเท่านั้น มีก็เหมือนไม่มี ส่วน กวนอู เตียวหุย จูล่งนั้น แม้เป็นทหารมีฝีมือกล้าแข็ง แต่ก็ยังไม่ได้ดึงความสามารถสูงสุดมาใช้ได้"
เล่าปี่จึงว่า "แล้วผู้มีสติปัญญาสามารถกอบกู้แผ่นดินได้นั้น เป็นเช่นใด?"
สุมาเต๊กโชจึ่งว่า "คือผู้ที่รอบรู้ด้าน พิชัยสงครามสามารถวางยุทธศาสตร์รอบรู้ทางภูมิประเทศ รู้กฎแห่งธรรมชาติ มีความรู้ในด้านการเมือง การทูต การทหาร รอบรู้ด้านวิถีโคจรของดวงดาวบนนภากาศและความผันแปรต่างๆได้"
สุมาเต๊กโชต่อไปว่า "ผู้รอบรู้ทั้งหมดนี้ได้ชื่อว่า กุนซือ ท่านมีดังนี้หรือไม่?"
เล่าปี่ได้ฟังก็ตะลึงกับสติปัญญาอันกว้างไกลของสุมาเต็กโชจึงว่าต่อไปว่า "ข้าพเจ้าไม่มีคนที่มีความสามารถดั่งคำที่ท่านกล่าว ข้าพเจ้าจะตามหาคนดั่งที่ท่านกล่าวได้จากที่ไหน"
สุมาเต๊กโชจึงว่า "10 คนจะมีผู้กล้าหาญ 1 คน , 100 คนจะมีผู้มีสติปัญญาเพียง 1 คน ผู้มีสติปัญญาผู้นั้นอยู่ไม่ไกล้ไม่ไกลจงตั้งความวิริยะอุตสาหะสืบเสาะหาด้วยใจสุจริตก็จะพบ"
เล่าปี่จึงว่า "แผนดินนี้กว้างใหญ่ไพศาลยิ่งนักจะไปหาในที่แห่งใด ขอให้ท่านจงชี้แนะด้วย"
สุมาเต๊กโชจึงว่า "อัน ฮกหลงกับฮองซู สองคนนี้ถ้าได้มาเป็นที่ปรึกษาด้วยแต่ผู้ใดผู้หนึ่งก็อาจสามารถจะคิดอ่านปราบปรามศัตรูแผ่นดินให้สงบได้"
เล่าปี่จึงถามต่อไปว่า "ฮกหลง กับ ฮองซู นั้นเป็นชื่อหรือฉายา ช่วยชี้แนะให้กระจ่างด้วย"
สุมาเต็กโชจึงว่า "บัดนนี้มือค่ำแล้วรีบพักผ่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่" เล่าปี่เห็นดังนั้นก็เกรงใจจึงรีบเข้านอน