Saturday, June 30, 2012

#152 เล่าปี่พบสุมาเต๊กโชครั้งที่ 2



เช้าวันรุ่งขึ้นสุมาเต็กโชมาเยือนหาเล่าปี่ สุมาเต๊กโชจึงว่า "มาครั้งนี้เนื่องเพราะได้ยินกิตติศัพท์ว่าชีซีมาอยู่รับราชการด้วยท่านแล้ว มีใจคิดถึงจึงมาเยี่ยม" เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นจึงว่าบัดนี้ชีซีได้เดินทางไปเมืองฮูโต๋แล้ว และได้เล่าความแต่หนหลังให้สุมาเต๊กโชฟังทุกประการ

สุมาเต๊กโชได้ฟังก็พูดว่า "ชีซีมั่นอยู่แต่ความกตัญญู ความคิดแลสติปัญญาจึงถูกบดบัง ไม่เฉลียวใจถึงกลของโจโฉ อันมารดาชีซีนี้มีความซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินและพระราชวงศ์ฮั่นนัก จึงต้องการให้ชีซีรับใช้ข้าราชวงศ์ฮั่น มารดาชีซีนี้ถึงมาตรแม้นว่าโจโฉจะจับกุมลงทัณฑ์ทรมานสักปานใด คงไม่ยินยอมพร้อมใจเรียกชีซีให้ไปทำราชการด้วยโจโฉ คงจะอดทนแม้สาหัสนักก็คงยอมตายเฉพาะตัว การที่มีจดหมายของมารดาชีซีมาครั้งนี้คงเป็นอุบายปลอมจดหมายของโจโฉ ชีซีไปเมืองฮูโต๋ครั้งนี้จึงเท่ากับเป็นการฆ่ามารดาของตัวเอง"

เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ รีบถามขึ้นว่า "ไฉนท่านจึงคาดการณ์ดั่งนี้"

สุมาเต๊กโชจึงว่า "เมื่อเห็นบุตรเสียทีแก่ความคิดของโจโฉย่อมเป็นที่ขัดเคืองใจและได้รับความอัปยศนัก คงจะฆ่าตัวตายเสียเป็นแน่"

เล่าปี่ได้ฟังก็รู้สึกสลดใจ เล่าปี่กล่าวต่อไปว่า "ก่อนที่ชีซีจะจากไปได้แนะนำให้ข้าพเจ้าไปเชิญขงเบ้งมาทำราชการด้วย อันขงเบ้งผู้นี้คือคนที่ชื่อฮกหลงซึ่งท่านได้เคยบอกเล่าแก่ข้าพเจ้าใช่หรือไม่?"

สุมาเต๊กโชจึงว่า "จูกัดเหลียง-ขงเบ้งก็คือฮกหลง คนเดียวกับที่ข้าพเจ้าได้บอกกล่าวแก่ท่าน คนผู้นี้รุ่นราวคราวเดียวกับชีซี บังทอง และยังคบหาเพื่อนสนิทอีกสองคน ล้วนมีสติปัญญาเป็นอันมาก"


จากนั้นสุมาเต๊กโชก็แหงนมองฟ้าแล้วรำพึงว่า "ชีซีเอ๋ย ตัวเจ้าจะจากไปไฉนจึงไม่ไปแต่ตัว จะให้ขงเบ้งได้ความระกำใจ รากโลหิตออกเมื่อภายหลังนี้หาควรไม่"

เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็ประหลาดใจจึงถามไปว่า "เหตุใดท่านถึงกล่าวความดังนี้"

สุมาเต๊กโชจึงแจ้งว่า "เราเห็นขงเบ้งจะมาอยู่ทำราชการด้วยท่านนี้เป็นการใหญ่หลวงนัก ต้องคิดอ่านตลอดเวลา อันขงเบ้งมีสติปัญญาเป็นอันมากเหมือนกับขวัญต๋ง งักเย"


กวนอูได้ฟังก็ไม่ค่อยเข้าหูคิดว่าสุมาเต๊กโชนั้นโม้เกินจริง หลังจากที่สุมาเต๊กโชคุยกับเล่าปี่ได้ไม่นานจึงขอลากลับ พอเดินออกมาถึงประตูจวน สุมาเต๊กโชก็เงยหน้าขึ้นมองฟ้า หัวเราะแล้วว่า "ฮกหลงจะได้นายบัดนี้ก็สมควรอยู่ แต่เราคิดเสียดายด้วยเป็นคนอาภัพหาบุญยิ่งนัก"

Friday, June 29, 2012

#151 ฮกหลง ฮองซู



ขงเบ้ง & บังทอง




ซุนเขียนเห็นชีซีจะไปจากเล่าปี่จึงเสนอความคิดให้เล่าปี่ฟังว่า อย่าให้ชีซีไป ถ้าโจโฉฆ่าแม่ชีซีแล้ว ชีซีก็คงโกรธช่วยท่านทำการสังหารโจโฉให้ถึงที่สุดแน่ เล่าปี่ได้ยินจึงบอกซุนเขียนไปว่า ได้อนุญาติให้ชีซีไปแล้วก็ต้องรักษาคำพูด


รุ่งเช้าเล่าปี่ก็เลี้ยงส่งชีซี เล่าปี่เสียใจเป็นอันมากที่ชีซีไปจะไป จึงทอดถอนใจว่า "การใหญ่ต่อไปคนจะขัดสน ข้าคงต้องหนีไปอยู่ป่าเขา"

ชีซีเห็นดังนั้นจึงปลอบเล่าปี่ว่า "ถ้าข้าพเจ้าถูกโจโฉบีบครั้นเพียงได้ ก็จะไม่ช่วยโจโฉวางแผน ถึงแม้นข้าพเจ้าจากไปก็ใช่ว่าจะสิ้นคนมีสติปัญญา ท่านจงลองออกเดินทางตามหาเถิด"

จากนั้นชีซีก็ควบม้าจากไป เล่าปี่เห็นก็ร้องไห้สั่งให้ทหารไปตัดต้นไม้ทิ้ง เพราะต้นไม้นั้นบังตาเล่าปี่ไม่ให้เห็นชีซี พอชีซีจากไปไม่ถึง 5 นาทีชีซีก็กลับมา เล่าความให้ "ข้าพเจ้ากังวนใจจนลืมบอกเรื่องสำคัญไป คือมีคนผู้หนึ่งอยู่นอกเมืองซงหยง มีปัญญาความคิดหลักแหลม ขอให้ท่านไปเชิญตัวผู้นั้นมาจะได้ช่วยคิดอ่านทำการสืบไป"


เล่าปี่ได้ยินจึงสงสัยถามชีซีว่า "ผู้มีสติปัญญาตามคำท่านนี้หากจะเทียบกับตัวท่านแล้ว จะเท่าท่านหรือไม่?"

ชีซีจึงตอบว่า "คนผู้นี้มีปัญญายิ่งนัก ความคิดและสติปัญญาของข้าพเจ้าไม่อาจนำไปเทียมเทียบได้ ข้าพเจ้าเปรียบดั่งกาแก่คนผู้นั้นเปรียบดั่งพญาหงส์ หรือเปรียบข้าพเจ้าเป็นม้าแก่คนผู้นั้นเปรียบได้ดั่งพญาราชสีห์"

เล่าปี่ได้ฟังก็ดีใจจึงถามว่า "คนผู้นี้มีชื่อว่าอะไร? ท่านจงว่าให้แจ้งเถิด"

ชีซีตอบไปว่า "คนผู้นี้มีแซ่จูกัด มีชื่อว่าเหลียง มีชื่อรองว่า ขงเบ้ง อายุรุ่นราวคราวเดียวกับข้าพเจ้า อยู่อาศัยอยู่กับจูกัดกิ๋นผู้เป็นน้องชาย ทำไร่ไถนาอยู่ที่เขาโงลังกั๋ง (มังกรซุ่ม) ชาวบ้านต่างก็พากันเรียกของเบ้งว่า ฮกหลง หมายถึง มังกรผู้ซ่อนกาย(มังกรหลับ)"


เล่าปี่ได้ยินคำว่า ฮกหลง ก็นึกถึงคำของสุมาเต๊กโชว่า ฮกหลง ฮองซู หากได้คนใดคนหนึ่งมาร่วมทำการแล้ว ก็จะสามารถกอบกู้แผ่นดินได้ จึงถามชีซีต่อไปว่า "คนผู้นี้คือคนใดคนหนึ่งตามที่สุมาเต๊กโชได้แจ้งให้ข้าพเจ้าทราบใช่หรือมิใช่?"


ชีซีจึงว่า "บุคคลผู้นี้คือฮกหลง ส่วนฮองซูนั้นมีชื่อว่าบังทอง อยู่เมืองซงหยง"

เล่าปี่ได้ฟังก็ดีใจเป็นอย่างยิ่ง ชีซีบอกความแก่เล่าปี่สิ้นแล้ว จึงคำนับลาเล่าปี่ไป เล่าปี่จึงเตรียมตัวไปเชิญขงเบ้งมาทำการ

ชีซีเกิดความกังวลว่าเล่าปี่จะไปเชิญขงเบ้งไม่สำเร็จ เล่าปี่จึงเดินทางไปที่บ้านขงเบ้ง ขงเบ้งเห็นชีซีมาหาอย่างรีบร้อนจึงถามชีซีว่า "ท่านแวะมาหาเราในครั้งนี้มีธุระประการใด?"

ชีซีจึงเล่าความที่ได้ไปอยู่กับเล่าปี่จนกระทั่งต้องพลัดพรากจากกันให้ขงเบ้งฟังทุกประการ แล้วว่าก่อนที่ข้าพเจ้าจะอำลาเล่าปี่มานี้ได้แนะนำเล่าปี่ให้มาเชิญท่านไปทำการด้วยเล่าปี่

ขงเบ้งได้ฟังดังนั้นก็โกรธชีซี แล้วตำหนิว่า "ท่านจะไปจากเล่าปี่นั้นไม่มีสิ่งใดจะให้เล่าปี่หรือ จึงจะมาเอาเราไปเป็นเครื่องเซ่น" ขงเบ้งกล่าวดังนั้นแล้วจึงสะบัดชายแขนเสื้อไพล่ไว้ข้างหลัง แล้วหันกลับเดินเข้าไปในบ้าน

ชีซีเห็นขงเบ้งโกรธก็รู้สึกผิดจึงรีบขึ้นม้าไปหาโจโฉที่เมืองฮูโต๋

วิเคราะห์
ตัวขงเบ้งเองรู้อยู่แล้วว่าไม่วันใดก็วันหนึ่ง เล่าปี่ต้องมาเชิญตนไปทำการด้วย และขงเบ้งก็รู้ว่าการที่ขงเบ้งไปการราชกับเล่าปี่นั้น คงเป็นงานที่ใหญ่และหนัก และขงเบ้งรู้อยู่แล้วว่าหากขงเบ้งไปช่วยเล่าปี่ ขงเบ้งก็จะรากเลือดถึงแก่ความตาย ขงเบ้งยังมี 2 จิต 2 ใจว่าจะไปช่วยทำการแก่เล่าปี่หรือไม่ ต่อจากนี้ขงเบ้งคงต้องวางอุบายหลอกดูน้ำใจเล่าปี่ว่าสมควรที่ขงเบ้งจะไปทำการด้วยหรือไม่ หากเป็นไปตามลิขิตฟ้า ขงเบ้งก็จะต้องไปทำการกับเล่าปี่และถึงแก่ความตาย แต่ขงเบ้งก็ไม่ได้กลัวประการใดและคิดว่าสติปัญญาของตนนั้นจะเปลี่ยนลิขิตฟ้านั้นได้...

Thursday, June 28, 2012

#150 โจโฉวางแผนเอาตัวชีซี


เมื่อโจหยินแพ้ศึกจึงกลับมารายงานศึกกับโจโฉที่เมืองฮูโต๋ มีทหารมารายงานโจหยินว่า ผู้ที่มาช่วยเหลือเล่าปี่ผู้นั้นชื่อ ตันฮก จากนั้นโจหยินก็มารายงานให้โจโฉฟังทุกประการและขอรับโทษไว้ทั้งหมด

โจโฉเห็นทหารทั้ง 2 รับผิดจึงว่า "ธรรมดาการศึกสงคราม เราจะมุ่งแต่ชนะอย่างเดียวก็ไม่ได้ มีแพ้มีชนะบ้างเป็นเรื่องธรรมดา เล่าปี่ทำการชนะประการนี้สงสัยมีคนมีสติปัญญาช่วยเหลือเ็ป็นแน่"

โจหยินจึงเล่าความให้โจโฉฟังว่าึคนที่ช่วยเล่าปี่นั้นชื่อ ตันฮก โจโฉได้ฟังชื่อก็ไม่เคยได้ยินคนชื่อนี้มาก่อน เทียหยกจึงเข้ามาแจงให้ฟังว่า ตันฮก อันชื่อเดิมของชายผู้นี้คือชีซี แต่เมื่อครั้งหนหลังได้เคยกระทำผิดฆ่าขุนนางชั่วตายจึงเปลี่ยนชื่อมาเป็น ตันฮก คนผู้นี้มีสติปัญญาเป็นอันมาก


โจโฉได้ยินเทียหยกชมผู้นั้นมากจึงสงสัยถึงความสามารถจึงถามเทียหยกว่า "เทียหยกมีสติปัญญาเสมอท่านหรือไม่?"




เทียหยกจึงตอบว่า "ชีซีมีสติปัญญาเหนือกว่าข้าเจ้าประมาณ 10 เท่าได้"


โจโฉได้ฟังก็อึ้งจากนั้นจึงพูดขึ้นมาว่า "เล่าปี่ได้คนเก่งๆคอยช่วยเหลือ ไม่ช้าก็จะปีกกล้าขาแข็งเป็นศัตรูเรา ทำอย่างไรถึงจะได้ตัวชีซีมาไว้คอยช่วยเหลือ"

เทียหยกจึงเสนอให้โจโฉฟังว่า ชีซีผู้นี้เป็นคนกตันญู แม่ของชีซีอยู่เมืองฮูโต๋แต่ผู้เดียวจึงให้โจโฉไปเชิญแม่ชีซีมาอยู่ด้วยจากนั้นก็ให้แม่ชีซีเขียนจดหมายไปเรียกลูกมาหาก็จะได้ซีชีมาช่วยงานที่เมืองฮูโต๋


โจโฉได้ฟังก็เห็นด้วยและทำตามทุกประการ โจโฉจึงไปเชิญแม่ชีซีมาอยู่ด้วย แต่แม่ชีซีนั้นรักในตัวเล่าปี่และเกลียดโจโฉจึงไม่ยอมทำตามที่โจโฉเสนอ คว้างมึกที่โจโฉให้เขียนใส่โจโฉ โจโฉเห็นดังนั้นก็โกรธสั่งให้นำตัวแม่ชีซีไปประหาร เทียหยกได้มาห้ามโจโฉไว้แล้วแจงว่า หากประหารแม่ของชีซี ชีซีต้องโกรธและช่วยเล่าปี่ทำลายร้างท่านถึงทีุ่สุด โจโฉได้ยินดังนั้นก็ระงับการประหาร


จากนั้นเทียหยกก็ปลอมแปลงลายมือของแม่ชีซี เขียนจดหมายถึงไปชีซีว่า บัดนี้โจโฉได้จับตัวแม่มาจองจำไว้ โจโฉโกรธที่ลูกไปกระทำการช่วยเล่าปี่ เมื่อได้รับจดหมายนี้โปรดรีบมารับราชการกับโจโฉ โจโฉก็จะปล่อยตัวแม่ไป




ชีซีได้อ่านจดหมายก็เห็นว่าเป็นลายมือแม่ของตนก็ร้องไห้ จึงขอเล่าปี่ไปช่วยแม่เสียก่อนค่อยกลับมาช่วยเล่าปี่ เล่าปี่เห็นดังนั้นก็อนุญาติแล้วบอกชีซีว่า "อันธรรมดาแม่กับลูกนั้นเหมือนหนึ่งมีชีวิตเดียวกัน"



Wednesday, June 27, 2012

#149 โจหยิน vs ชีซี



หลังจากโจโฉกำจัดอ้วนเสี้ยวภาคเหนือเรียบร้อย ก็ได้รวบรวมทหารและเสบียงกรีฑาทัพปราบขุนศึกทางใต้ต่อไป เริ่มต้นคือกวาดล้างเล่าปี่และเล่าเปียวแห่งดินแดนเกงจิ๋ว จากนั้นจึงขยายอาณาเขตไปยังดินแดนกังตั๋งของซุนกวน

จากนั้นโจโฉจึงสั่งให้โจหยิ่นเป็นแม่ทัพใหญ่ โดยมีลิเตียนเป็นแม่ทัพรอง ไปรักษาเมืองที่อยู่ประชิดดินแดนเกงจิ๋ว คุมเชิงกับทัพเล่าปี่

ลิเซียงและลิกองทหานเก่าของอ้วนเสี้ยวจึงขออาสาออกไปรบเพื่อกำจัดเล่าปี่ไม่ให้มีกำลังเติบใหญ่ โจหยินและลิเตียนก็มิได้ขัดอะไร จึงยกทัพมาตีเล่าปี่


ทางเล่าปี่เมื่อรู้ว่าโจโฉส่งทหารมาทำศึกจึงเรียกชีซีมาปรึกษาการศึก ชีซีเสนอให้แบ่งทัพออกเป็น 3 ทัพ คุมโดย กวนอู เตียวหุย จูล่ง ออกรบ ลิเซียงและลิกองสู้ทัพของเล่าปี่ไม่ได้ถูกสังหารตายเป็นจำนวนมาก ส่วนที่เหลือหนีกลับไปได้จึงรายงานต่อโจหยิน

โจหยินรู้ข่าวว่าทหารที่ส่งไปรบแพ้ก็โกรธจึงต้องการยกทัพมาตีเล่าปี่ด้วยตัวเอง ลิเตียนเห็นดังนั้นจึงแจ้งแก่โจหยินให้ใจเย็นอย่าพึ่งทำศึกเพราะเล่าปี่เองก็มีสติปัญญาระดับหนึ่ง โจหยินได้ฟังลิเตียนพูดก็โกรธหาว่าลิเตียนมีใจออกห่าง แต่ลิเตียนก็แจ้งโจหยินต่อไปว่า การทำศึกนั้นควรดูให้แน่ชัดเสียก่อนซึ่งทัพเราเองยังไม่รู้กำลังของเล่าปี่มีมากน้อยเพียงใด

โจหยินได้ฟังลิเตียนเตือนก็โกรธ หาว่าลิเตียนดูถูกตน จึงให้ลิเตียนเฝ้าเมืองแล้วโจหยินจะยกทัพไปตีเล่าปี่ด้วยตัวเอง



โจหยินกรีฑาทัพ 24,00 คนจากเมืองห้วนเสียหมายจะเหยียบแผ่นดินเมืองซินเอี๋ยให้จมลงในมหาสมุทร ในขณะที่เล่าปี่มีกำลังพลเพียง 10,000 คนเท่านั้น ตันฮกจึงต้องประเมิณสถานการณ์และวางแผนให้ดี

แผนแรกตันฮกคิดว่าโจหยินยกทัพมาครั้งนี้เพราะความโกรธและประมาทยกทัพมาเกือบทั้งเมืองเพื่อมาตีเล่าปี่ ตันฮกจึงสั่งกวนอูนำทหารจำนวนหนึ่งไปยึดเมืองห้วนเสีย

แผนที่สองตันฮกคิดว่าโจหยินจะแตกพ่ายกลับไปจึงสั่งให้เตียวหุยนำทหารสุ้มกำลังไว้คอยไล่ตามตีกองทัพโจหยินที่แตกพ่ายไป



จากนั้นตันฮกจึงพาเล่าปี่และจูล่งยกทัพออกไปประจันบานกับโจหยินที่ทุ่งกว้างเมืองซินเอี๋ย หลังจากที่โจหยินยกทัพมาได้ไม่นานกวนอูก็สามารถยึดเมืองห้วยเสียได้ตามแผนของตันฮก

โจหยินยกทัพใหญ่มาที่ลานทุ่งกว้างเมืองซินเอี๋ยน โจหยินจึงจัดขบวนทัพพายุหะประตู 8 ทิศ ตันฮกเห็นการจัดทัพของโจหยินจึงสั่งให้จูล่งตีค่ายพายุหะที่ศูนย์กลาง จูล่งทำการตีตามแผนของตันฮกก็สำเร็จ

เล่าปี่เห็นได้ทีจึงนำทัพตีกองทัพของโจหยินช่วยจูล่ง ทหารของโจหยินถูกทหารของเล่าปี่ฆ่าฟันบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก โจหยิเห็นท่าไม่ดีนถอยทัพกลับเข้าค่ายแล้วสูญเสียทหารไปเป็นอันมาก

โจหยินจึงปรึกษากับลิเตียนการศึกว่า "การศึกครั้งนี้เล่าปี่คิดอ่านตีค่ายกลพยุหะประตู 8 ทิศ แตกไปได้แสดงให้เห็นว่าในกองทัพของเล่าปี่มีคนมีสติปัญญาช่วยคิดอ่านการศึก" โจหยินจึงรู้สึกผิดที่ประมาทกองทัพของเล่าปี่พร้อมขอโทษลิเตียนที่เคยเตือนแต่ไม่ฟัง


Tuesday, June 26, 2012

#148 เล่าปี่พบชีซี



หลังจากเล่าปี่เข้านอน แต่ก็นอนไม่หลับครุ่นคิดถึงนาม "ฮกหลง" และ "ฮองซู" อยู่ไม่ขาด จากนั้นก็ได้ยินเสียงเคาะประตู ที่ด้านนอก แล้วได้ยินเสียงสุมาเต๊กโชเอ่ยขึ้นว่า ชีซีท่านมาเยือนข้าพเจ้าในยามค่ำมืดด้วยสีหน้ากังวลผิดหวังดังนี้ มีทุกข์ร้อนสิ่งใด

ชีซีจึงว่า "ข้าพเจ้าได้ไปทำกับราชการกับเล่าเปียวแต่ก็ไม่เห็นเล่าเปียวเป็นดั่งสมคำรำรือไม่ เราต้องการที่จะได้ไปทำราชการด้วยกับผู้มีน้ำใจโอบอ้อมอารีมีสติปัญญา ใจร้อนเกินไปที่ไปทำกับเล่าเปียว"

เล่าปี่เห็นดังนั้นก็อยากจะออกไปสนทนาด้วยอยากจะเห็นปราชญ์ที่เข้ามาแต่ก็เกรงใจที่ตัวเองเป็นผู้พักอาศัย จึงรอจนเช้าจึงได้เข้าไปถามสุมาเต็กโชว่าผู้ที่มาเมื่อคืนนี้คือใคร


สุมาเต๊กโชจึงว่า คนที่มาเมื่อคืนชื่อชีซี เมื่อสนทนากับข้าพเจ้าอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ได้ขอลาข้าพเจ้ากลับไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว

เล่าปี่จึงว่า "จงกรุณาบอกนามของคนที่ท่านเรียกว่าชีซีให้ข้าพเจ้าได้รู้จักว่าเป็นผู้ใด"

สุมาเต๊กโชได้ยินเล่าปี่ถามก็หัวเราะพลางพูดว่า "ดีแล้ว"

เล่าปี่ยังไม่หายสงสัยจึงถามไปอีกว่า "บุคคลผู้นี้คือหนึ่งในฮกหลงหรือฮองซูตามที่ท่านได้เอ่ยนามเมื่อวานหรือไม่? "

สุมาเต๊กโชได้ยินเล่าปี่ถามอีกครั้งก็ก็หัวเราะพลางพูดว่า "ดีแล้ว" อีกครั้ง

เล่าปี่มิรู้จะทำยังไงจึงคุกเข่าของร้างสุมาเต็กโชว่า "ขอเชิญท่านไปทำราชการกับข้าพเจ้าเหมือนช่วยทำนุบำรุงพระเจ้าเหี้ยนเต้ด้วยเถิด"

สุมาเต๊กโชก็รีบไปประคองเล่าปี่แล้วพูดว่า "ข้าพเจ้าเป็นชาวป่าชาวดง มีความรู้และสติปัญญาน้อยนัก ไม่ถึงขั้นที่จะเป็นกุนซือท่านได้ จงตั้งใจสุจริตสืบเสาะหาก็คงจะพบสมความปรารถนา"


จากนั้นไม่นานจูล่งก็มาพบเล่าปี่และรับเล่าปี่กลับไป เล่าปี่จึงลาสุมาเต๊กโชบัดนั้น เล่าเปียวรู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของชัวมอก็โกรธชัวมอเป็นอันมากเกรงว่าเล่ากี๋จะมีอันตรายจึงสั่งให้เล่ากี่ไปอยู่ที่เมืองซินเอี๋ยกับเล่าปี่

วันหนึ่งเล่าปี่ได้ขี่ม้านอกเมืองเจอชายผู้หนึ่ง


นอนไขว่ห้างอยู่ข้างทาง แล้วร้องเพลง แท้จริงแล้วชายผู้นี้ก็คือชีซีที่เคยไปหาสุมาเต็กโชเมื่อกลางดึก บัดนี้ชีซีมาครั้งนี้เพื่อที่จะมาลองใจเล่าปี่ เล่าปี่คิดว่าชายที่อยู่ไม่ไกล้ไม่ไกลก็คือชายผู้นี้ก็ดีใจ จึงเข้าไปพบ

จากนั้นเล่าปี่ก็ถามชีซีว่า "ท่านชื่ออะไร เหตุใดจึงมานอนร้องเพลงที่นี่"

ชายผู้นั้นตอบว่า "ข้าพเจ้าชื่อตันฮก ข้าพเจ้าแจ้งว่าท่านนี้มีน้ำใจโอบอ้อมอารี จะมุ่งเข้าไปาเลยก็ไม่สมควรก็เลยได้แต่นอนร้องเพลง"

เล่าปี่ได้ยินชื่อก็ดีใจคิดว่า ตันฮก นั้นคือ 1 ใน 2 คนที่ชื่อว่า ฮกหลง ฮองซู จึงคำนับตันฮกแล้วเชิญให้ตันฮกอยู่ทำราชการด้วยกัน

ชายผู้นั้นก็คาราวะแล้วก็ยินดีที่จะไปทำราชการด้วย จากนั้นชายผู้นั้นก็ทักเล่าปี่ว่า "ลักษณะม้าที่ท่านขี่ชอบกลอยู่ ม้าตัวนี้ชื่อเต๊กเลา มีกำลังมาก ฝีเท้าก็รวดเร็ว แต่ทว่าจะเป็นอันตรายแก่เจ้าของ หากท่านขี่ม้านี้สืบไป อันตรายถึงชีวิตก็จะเกิดแก่ท่านเ"

 เล่าปี่จึงว่า "ใคร ๆ เขาก็ว่าม้าเต๊กเลานี้มีลักษณะร้าย เป็นอันตรายแก่เจ้าของ หากเป็นดังคำท่านและคำที่เขาว่าไฉนม้านี้จึงพาข้าพเจ้าหนีชัวมอกระโจนข้ามแม่น้ำกว้างได้อย่างนั้นหล่ะ"


ตันฮกจึงว่า "ม้าเต๊กเลาช่วยชีวิตท่านครั้งนี้ก็จริงอยู่ สืบไปเบื้องหน้าท่านก็จะเป็นอันตรายเพราะม้านี้ แต่ข้าพเจ้ามีวิธีคือ บุคคลใดก็ตามที่ท่านไม่ชอบใจ หรือที่ท่านประสงค์จะล้างผลาญให้สูญสิ้น จงหากลวิธีเอาม้านี้ไปให้ผู้นั้นขี่ ผู้นั้นก็จะได้รับเคราะห์และอันตรายแทนท่านก่อน จากนั้นท่านจึงเอาม้ามาขี่ก็จักไม่มีอันตรายใดๆ"

เล่าปี่ได้ยินก็โกรธ "ท่านนี้มีความปรารถนามาอยู่กับเรา เราก็คิดว่าจะช่วยสั่งสอนทำนุบำรุงเราให้เป็นธรรม แต่เหตุใดจึงมาให้ข้าพเจ้าทำเช่นนี้ จะให้ทำร้ายแก่ผู้อื่นฉะนี้เราไม่ต้องการ"

ตันฮกได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะแล้วว่า "น้ำใจท่านช่างประเสริฐนัก ข้าพเจ้ากล่าวความทั้งนี้เพียงเพื่อจะลองน้ำใจท่านว่าตั้งอยู่ในธรรม อย่างที่คนเขาเล่าลือหรือปล่าว"

เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็หายโกรธ แล้วกล่าวขอโทษตันฮกที่ได้กล่าวคำล่วงเกินในลักษณะที่รุนแรง จากนั้นเล่าปี่จึงแต่งตั้งให้ตันฮกเป็นที่ปรึกษา และเป็นผู้บัญชาการใหญ่ของกองทัพเล่าปี่ตั้งแต่นั้นมา

อันชื่อเดิมของชายผู้นี้คือชีซี แต่เมื่อครั้งหนหลังได้เคยกระทำผิดฆ่าขุนนางชั่วตายจึงเปลี่ยนชื่อมาเป็น ตันฮก ตั้งแต่บัดนั้นมา



Sunday, June 24, 2012

#147 เล่าปี่พบสุมาเต๊กโช




จูล่งรู้ข่าวว่าเล่าปี่โดนรอบสังหารจึงรีบขี่ม้าตามค้าหาเล่าปี่ จนไปถึงริ่มฝั่งแม่น้ำเห็นรอยเท้าม้าโดนขึ้นอีกฝั่งหนึ่งจึงรู้ว่าเล่าปี่หนีรอดปลอดภัย เล่าปี่หลังจากหนีขึ้นฝั่งได้ก็ได้ยินเสียงขลุ่ยดังพร้อมบทกวี ฟังแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองอาภัพยิ่งนักสู้เด็กน้อยชาวนาคนหนึ่งก็ไม่ได้

เด็กน้อยชาวนาจำเล่าปี่ได้จึงเดินมาหาเล่าปี่ถามว่า "ท่านคือพระเจ้าอาเล่าปี่ใช่หรือไม่?"  เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็แปลกใจว่าไฉนเด็กน้อยชาวนาผู้นี้จึงรู้จักตัวเรา เด็กน้อยคนนั้นจึงกว่าว่าแต่ครูสอนหนังสือของข้าพเจ้านี้ได้คบหาเพื่อนฝูงเป็นอันมาก ข้าพเจ้าเคยได้ยินครูสนทนากับเพื่อนถึงผู้ชายชื่อเล่าปี่แล้วเห็นรูปลักษณ์ท่านตรงกับที่เค้าคุยกัน

เล่าปี่จึงถามว่า "ครูของเจ้าคือผู้ใด" เด็กน้อยจึงตอบว่า "ครูของข้าชื่อสุมาเต็กโช" เล่าปี่จึงถามต่อไปว่า "ครูของเจ้ามีสำนักอยู่ที่ใด จงพาเราไปพบครูของเจ้าสักหน่อยสิ"  จากนั้นเด็กน้อยจึงพาเล่าปี่ไปหาสุมาเต็กโช

พอเล่าปี่ไปถึงได้ยินเสียพิณไพเราะจึงฟัง ไม่ทันนานเสียงพิณนั้นก็หยุดลงพร้อมได้ยินเสียงขึ้นมาว่า "วันนี้เราดีดพิณไม่สะดุดเลย เหมือนจะมีผู้มีสติปัญญามาแอบฟัง"

เล่าปี่เห็นและได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดียิ่งนัก ราวกับว่าได้มายืนอยู่เบื้องหน้านักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ สุมาเต็กโชจึงกล่าวว่า "ตัวท่านนี้มีบุญแลวาสนาเป็นอันมาก ภัยมาถึงตัวแล้วก็หนีเอาตัวรอดได้" เล่าปี่ก็ตกใจที่นักปราชญ์ผู้นี้ล่วงรู้ในตัวของตน

เล่าปี่จึงตอบไปว่า "ตัวข้าพเจ้าทุกวันนี้วาสนาน้อย ทั้งชะตาราศีก็อาภัพจึงได้ความลำบากยิ่งนัก"

สุมาเต๊กโชจึงว่า "เกิดเป็นชายเหตุไฉนจึงโทษวาสนาหล่ะ ตัวท่านนี้ร่อนแร่พเนจรอยู่นี้ก็เพราะว่า ท่านหาคนดีมีสติปัญญาเป็นที่ปรึกษานั้นยังมิได้"



เล่าปี่จึงว่า "อันคนดีมีสติปัญญาที่ปรึกษาข้าพเจ้าก็มี ซุนเขียน บิต๊ก บิฮอง และกันหยง เป็นที่ยอมรับนับถือว่าเป็นบัณฑิต ส่วนฝ่ายทหารนั้นมี กวนอู เตียวหุย จูล่ง ทั้ง 3 นี้มีฝีมือเป็นอันมาก มีทั้งบุ๋นและบู้ พร้อมถ้าไม่เพราะวาสนาจะเป็นเพราะอะไรอีกเล่า"


สุมาเต๊กโชจึงว่า "อันซุนเขียน บิต๊ก บิฮอง แลกันหยงนั้น ถึงจะมีสติปัญญาก็เป็นเพียงสติปัญญาระดับคนทั่วไป ไม่อาจอาศัยความรู้มากอบกู้แผ่นดินได้ เป็นเพียงแค่คนรู้หนังสือเท่านั้น มีก็เหมือนไม่มี ส่วน กวนอู เตียวหุย จูล่งนั้น แม้เป็นทหารมีฝีมือกล้าแข็ง แต่ก็ยังไม่ได้ดึงความสามารถสูงสุดมาใช้ได้"

เล่าปี่จึงว่า "แล้วผู้มีสติปัญญาสามารถกอบกู้แผ่นดินได้นั้น เป็นเช่นใด?"

สุมาเต๊กโชจึ่งว่า "คือผู้ที่รอบรู้ด้าน พิชัยสงครามสามารถวางยุทธศาสตร์รอบรู้ทางภูมิประเทศ รู้กฎแห่งธรรมชาติ มีความรู้ในด้านการเมือง การทูต การทหาร รอบรู้ด้านวิถีโคจรของดวงดาวบนนภากาศและความผันแปรต่างๆได้"

สุมาเต๊กโชต่อไปว่า "ผู้รอบรู้ทั้งหมดนี้ได้ชื่อว่า กุนซือ ท่านมีดังนี้หรือไม่?"

เล่าปี่ได้ฟังก็ตะลึงกับสติปัญญาอันกว้างไกลของสุมาเต็กโชจึงว่าต่อไปว่า "ข้าพเจ้าไม่มีคนที่มีความสามารถดั่งคำที่ท่านกล่าว ข้าพเจ้าจะตามหาคนดั่งที่ท่านกล่าวได้จากที่ไหน"

สุมาเต๊กโชจึงว่า "10 คนจะมีผู้กล้าหาญ 1 คน  ,  100 คนจะมีผู้มีสติปัญญาเพียง 1 คน ผู้มีสติปัญญาผู้นั้นอยู่ไม่ไกล้ไม่ไกลจงตั้งความวิริยะอุตสาหะสืบเสาะหาด้วยใจสุจริตก็จะพบ"

เล่าปี่จึงว่า "แผนดินนี้กว้างใหญ่ไพศาลยิ่งนักจะไปหาในที่แห่งใด ขอให้ท่านจงชี้แนะด้วย"

สุมาเต๊กโชจึงว่า "อัน ฮกหลงกับฮองซู สองคนนี้ถ้าได้มาเป็นที่ปรึกษาด้วยแต่ผู้ใดผู้หนึ่งก็อาจสามารถจะคิดอ่านปราบปรามศัตรูแผ่นดินให้สงบได้"

เล่าปี่จึงถามต่อไปว่า "ฮกหลง กับ ฮองซู นั้นเป็นชื่อหรือฉายา ช่วยชี้แนะให้กระจ่างด้วย"

สุมาเต็กโชจึงว่า "บัดนนี้มือค่ำแล้วรีบพักผ่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่" เล่าปี่เห็นดังนั้นก็เกรงใจจึงรีบเข้านอน



#146 ชัวมอวางแผนสังหารเล่าปี่


แม่นางชัวฮูหยินจึงปรึกษากับชัวมอวางแผนสังหารเล่าปี่ อีเจี้ยขุนนางเมืองเกงจิ๋วรู้ข่าวจึงรีบมาบอกแก่เล่าปี่ เล่าปี่ตกใจจึงรีบหนีตามที่อีเจี้ยแจ้งเล่าปี่จึงหนีได้สำเร็จ แต่แล้วชัวมอเห็นเล่าปี่หนีไปได้ก็โกรธ จึงปลอบจดหมายเล่าปี่ติดไว้ที่กำแพงเพื่อใส่ร้ายเล่าปี่แล้วก็ไปแจ้งความกับเล่าเปียว



เล่าเปียวเห็นจดหมายเล่าปี่(ปลอม) ที่เขียนประมาณว่าต้องการที่จะตั้งตัวเป็นใหญ่ เล่าเปียวก็โกรธคิดว่าเล่าปี่ทรยศ ชัวมอจึงยุให้เล่าเปียวยกทหารไปสังหารเล่าปี่ที่เมืองซินเอี๋ยเสีย แต่เล่าเปียวเมืองใจเย็นลงจึงวิเคราะห์ว่าอาจจะมีผู้ที่ใส่ร้ายเล่าปี่ ชัวมอโกรธที่เล่าเปียวมิฟังตามความเห็นตน


ต่อมาชัวมอจึงจัดนัดเล่าปี่มากินโต๊ะจากนั้นก็สังหารเสีย เล่าปี่ไม่รู้กลจึงมาตามคำขอทั้งๆที่ซุนเขียนก็ได้ห้ามปรามไว้ว่าอาจจะเกิดอันตราย จูล่งจึงติดตามเล่าปี่ไป ชัวมอจึงสั่งทหารให้ไปพาจูล่งมาดื่มเพื่อที่จะให้เล่าปี่อยู่ตามลำพัง อีเจี้ยทราบแผนแล้วก็ตกใจจึงรีบไปแจ้งเล่าปี่อีกหนว่าตัวเล่าปี่กำลังอยู่ในอันตราย จึงเสนอทางออกให้เล่าปี่หนีไปทางด้านหลัง


เล่าปี่ตกใจจึงทำตามแผนของอีเจี้ยหนีไปได้ ชัวมอทราบว่าเล่าปี่หนีไปได้จึงสั่งทหารไล่ตามเล่าปี่ไป เล่าปี่ควบม้าเต็กเลาหนีไปทางแม่น้ำจนสิ้นทางหนี เล่าปี่เห็นสิ้นหนทางก็ร้องไห้เกิดม้าหวังพึ่งปาฎิหาร หลังจากนั้นม้าเต็กเลาก็กระโดนข้ามน้ำอันแสนยาวเหยียดได้ขึ้นไปอีกฝั่งหนึ่ง แล้วก็หนีรอดไป

Friday, June 22, 2012

#145 โจโฉชนะศึกภาคเหนือ



อ้วนซงและอันฮีบัดนนี้หนีไปพึ่งกองซุนของที่ฝั่งเหนือ หนังจากที่กุยแกตาย กุยแกได้เขียนหนังสือไว้ให้โจโฉอ่านเป็นแผนลับบอกให้โจโฉไม่ต้องจัดทัพไล่ตีอ้วงซงและอ้วนฮี เพราะหลังจากนี้ 90 วัน อ้วงซงและอ้วนซีจะต้องถูกกองซุนของตัดหัวมาให้เป็นแน่แท้


โจโฉได้อ่านจดหมายของกุยแกก็ทำตาม เวลา 90 วันผ่านไปกองซุนของก็ได้ตัดหัวของอ้วงซงและอ้วนฮีตามแผนของกุยแก โจโฉนึกสรรเสริญและคิดถึงกุยแกเป็นอันมาก หลังจากปราบหัวเมืองภาคเหนือเสร็จสิ้น เทียหยกจงเสนอให้โจโฉกลับเมืองหลวง โจโฉเห็นด้วยและสั่งให้กินเลี้ยงชนะศึกสงคราม


ต่อมาโจโฉได้ขุดพบแป้นนกยูงทองแดง จากนั้นโจโฉจึงสร้างเมืองใหม่ขึ้นที่ริมแม่น้ำเจียงโห เบื่อบูชานกยูงทองแดง โจโฉปราบปรามหัวเมืองภาคเหนือราบคาบแล้วยกกองทัพกลับเมืองหลวง บำรุงทหารและปรับปรุงกองทัพ เพื่อเตรียมปราบปรามหัวเมืองฝ่ายใต้ต่อไป


ทางด้านเล่าเปียวได้สั่งให้เล่าปี่ไปปราบโจรที่ดินแดนเมืองกังแฮ เล่าปี่จึงพากวนอู เตียวหุย จูล่ง ไปทำศึกชนะกลับมา เล่าเปียวก็ยินดีเป็นอันมาก จัดให้กวนอู เตียวหุย จูล่ง รักษาด่านสำคัญๆไว้



ชัวมอเห็นเล่าเปียวไว้วางใจเล่าปี่มากกว่าตนก็รู้สึกโกรธ จึงคิดวางแผนกำจัดเล่าปี่ หลังจากเล่าปี่อยู่ที่เมืองเกงจิ๋วไม่นานภรรยาเล่าปี่ก็คลอดบุตรชาย เล่าปี่ดีใจเป็นอันมาก จึงตั้งชื่อบุตรนั้นว่า  อาเต๊า  ต่อมาเล่าเปียวจึงเรียกเล่าปี่ไปคุยราชการ เล่าเปียวรู้ว่าตัวเองแก่ตัวแล้วต้องการที่จะยกตำแหน่งให้เจ้าเมืองให้ ซึ่งเล่ากี๋นี้เกิดกับภรรยาเก่าของเล่าเปียวแต่ภรรยาเก่านั้นได้ตายไปแล้ว



แต่เล่าเปียวก็ยังเป็นห่วงอีกคนคือเล่าจ๋องซึ่งเป็นบุตรกับภรรยาอีกคนคือชัวฮูหยิน ซึ่งตอนนี้ชัวฮูหยินและพี่ชายชื่อชัวมอนั้นกุมอำนาจอยู่ หากแต่ตั้งเล่ากี๋ เล่ากี๋ก็จะอยู่ในอันตราย


เล่าปี่จึงให้ความเห็นว่าให้เล่าเปียวริดรอนอำนาจของเหล่าผู้ที่จะคิดร้ายทำลายเล่ากี๋เสียแต่ขณะที่เล่าเปียวยังมีชีวิตอยู่ ในขณะนั้นชัวฮูหยินก็แอบฟังและได้ยินความเห็นเล่าปี่ทุกประการ