Thursday, November 28, 2013

#การวางแผนและการกระจายงานของขงเบ้ง


ไม่มีใครไม่รู้จัก "จูเก่อเลี่ยง" ขงเบ้ง ที่มีความปรีชาสามารถในการรบ เป็นกุนซือคนสำคัญของเล่าปี่ ผู้เปลี่ยนชีวิตของเล่าปี่จากเชื้อพระวงศ์ตกอับ กลายเป็นจักรพรรดิบัลลังก์มังกร

ผมอ่านหลายต่อหลายครั้งในการบรรชาการรบของขงเบ้ง ซึ่งในวรรณกรรมแฝงอะไรไว้มากมาย

ก่อนทำศึกขงเบ้งจะศึกษาข้อมูลไว้มากมาย ทั้งภูมิประเทศ ภูมิอากาศ อุปนิสัยใจคอของคู่ต่อสู้ จำนวนทหาร จำนวนเสบียง มองภาพรวมทุกองค์ประกอบ จึงเริ่มวางแผน

ขงเบ้งจะเขียนแผนการลงกระดาษว่า แผนอะไรทำยังไง ซอยย่อยเป็นหลายๆแผ่น (ภาษาทำงานเรียกว่า Issue List, Job List) แล้วจากนั้นก็นำมากำหนดว่าใครจะเป็นคนทำ (Personal In charge)


บางครั้งขงเบ้งก็กำหนดไปเลยว่าใครจะทำอะไร บางครั้งก็ให้เหล่าขุนพลอาสาว่าใครจะไปทำการ ซึ่งแผนที่ขงเบ้งวางไว้ค่อนข้างที่จะมีเปอร์เซ็นความสำเร็จสูง บางครั้งขงเบ้งก็พลาดเหมือนกัน

หลังจากที่ขงเบ้งได้เขียนแผนเรียบร้อยขงเบ้งจะใส่แผนการไว้ในถุงผ้า แล้วเรียกเป็นคนๆมารับไป ขงเบ้งจะอธิบายแผนการคร่าวๆให้แก่ขุนพลผู้นั้นฟัง

"ท่านจงไปรบ ห้ามชนะ ลวงข้าศึกเข้ามายังจุดนี้ได้ นั่นคือผลงาน" แล้วก็ให้เปิดดูแผนการในถุงผ้าละเอียดอีกครั้ง ข้อ 1 ทำยังไง ข้อ 2 ทำยังไง

ขงเบ้งจะกำชับขุนพลเสมอว่าให้ทำตามแผน "ห้ามพลาดเป็นอันขาด" ซึ่งแผนทุกแผนนั้นจะเกี่ยวข้องกัน หากใครคนใดคนนึงพลาด เป็นอันว่าแผนนั้นพัง

ขุนพลทุกคนจะรู้แค่แผนคร่าวๆ บางครั้งก็ไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ว่าตัวเองต้องทำอะไร ทำเสร็จแล้ว แล้วยังไงต่อก็ยังงงๆ ขงเบ้งเคยสั่งให้อุ๋ยเอี๋ยนไปรบแกล้งแพ้เป็นประจำ จนบางครั้งอุ๋ยเอี๋ยนก็ยังเซ็งๆอยู่เหมือนกัน

พูดง่ายๆว่าทุกคนไม่จำเป็นต้องรู้แผนการทั้งหมด รู้แค่ว่าตัวเองทำอะไรได้ผลตามที่บอกในกระดาษ เท่านั้น จบ!! ขนาดขุนพลในกองทัพยัง งงตาแตก เลย ว่าสรุปอีขงเบ้งนี้ มันต้องการอะไรกันแน่ ซึ่งเป็นข้อดีที่ทำให้ "แผนไม่รั่วไหล"

ขงเบ้งเองก็พลาดเช่นกัน ขงเบ้งได้ส่งม้าเจ๊กไปทำการ ม้าเจ๊กพลาดที่ศึกเกเต๋ง สุมาอี้จึงยกทัพมาตีเมืองเสเสีย ขงเบ้งไม่ได้เตรียมการล่วงหน้าก็ได้แต่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าแล้วสั่งว่า

1.รีบปลดธง
2.ห้ามเคลื่อนไหวโดยพลการ
3.ข้าศึกมาถึงให้อยู่อย่างสงบ
4.เปิดประตูเมือง ทำตัวปรกติสุขทุกอย่าง

ใครไม่ทำตามนี้ให้ฆ่าทิ้ง!!


ทหารทุกคนต่างก็งงสิครับ ขงเบ้งไม่ได้บอกว่าจะรับมือสุมาอี้ยังไง บอกแค่ว่าให้ทำตาม 1 2 3 4  ที่ขงเบ้งทำเช่นนี้ก็เพราะว่ามิให้แผนรั่วไหล ขงเบ้งนั่งดีดเครื่องสายอย่างสบายใจ ใช้อุบายเมืองร้าง ทำสงครามจิตวิทยากับสุมาอี้ จนสุมาอี้ต้องถอยหนีไป

ขงเบ้งบอกแค่ผลลัพธ์ง่ายๆ เช่น ท่านรบต้องแพ้ ห้ามชนะเด็ดขาด, ท่านจงลำเลียงโคยนต์ม้ากลไป พอโคยนต์ม้ากลถูกขโมยทหารต่างก็ตกใจ แต่ขงเบ้งกลับอมยิ้มอยู่เดียว

ข้อดีคือ ความลับไม่รั่วไหล ข้อเสียคือคนทำงานไม่รู้ว่าท้ายสุดสิ่งที่ทำทำไปทำไม มีผลต่อแผนการต่อไปยังไง หากล้มคนนึงก็อาจจะล้มทั้งกระดาน บางทีขงเบ้งก็ยังเตรียมแผนสองไว้รับมือ สิ่งที่จะเกิดขึ้น เพราะบางทีลูกน้องไม่สามารถแก้ปัญหาในงานของตนได้ ไม่รู้ที่มาที่ไป คุณแค่ทำตามเท่านั้นเอง...

ปล. แผนขงเบ้งในวรรณกรรมค่อนข้างเหนือเมฆไปหน่อย หากหัวหน้างานทำแบบขงเบ้งก็ระวังลูกน้องจะไม่สามารถคิดเองเป็น...

Wednesday, November 20, 2013

#สี่มหาอำนาจวังหลวง



- โฮจิ๋นมีอำนาจเพราะแต่ตั้งหองจูเปียนเป็นฮ่องเต้
- ตั๋งโต๊ะมีอำนาจเพราะช่วยหองจูเปียนกลับวัง และแต่งตั้งหองจูเหียบ
- โจโฉเข้ามาช่วยพระเจ้าเหี้ยนเต้ จากลิฉุยกุยกี
- สุมาอี้ทำรัฐประหารฆ่าโจซอง ทำให้ตระกูลสุมา ขึ้นครองอำนาจ


โฮจิ๋น ผู้ซึ่งมีอำนาจในวังหลวงแต่เดิมอยู่แล้ว ยิ่งมีอำนาจมากขึ้นอีก หลังจากพระเจ้าเลนเต้สิ้นพระชน โฮจิ๋นก็แต่งตั้ง หองจูเปียน ผู้ซึ่งเป็นลูกของโฮเฮา ที่เป็นน้องสาวของตนขึ้นครองราชสมบัติ จึงทำให้โฮจิ๋นมีอำนาจล้นฟ้าเป็นคนแรกในยุคสามก๊ก แต่ด้วยความที่โฮจิ๋นเบาปัญญานั้น จึงถูกขันทีสังหารตายอย่างน่าอนาถ

ตั๋งโต๊ะ ผู้ซึ่งมีอำนาจในวังหลวงต่อจากโฮจิ๋น เป็นเพราะโฮจิ๋นนั้นเรียกตัวตั๋งโต๊ะเข้ามาปราบขันที (ขันที 10 คน) หลังจากโฮจิ๋นตาย โจโฉและอ้วนเสี้ยวไปฆ่า 10 ขันที ทำให้วังหลวงวุ่นวาย หองจูเปียนฮ่งเต้และหองจูเหียบน้องชาย ก็หนีออกจากวังหลวงเพื่อลี้ภัย แต่แล้วเมื่อทัพของตั๋งโต๊ะยกเข้ามาได้พบกับ หองจูเหียบ จึงเข้าอารักขาหองจูเหียบกลับวังหลวง อย่างสง่า ราวกับว่าตั๋งโต๊ะเป็นพระเอกขี่ม้าข่าวเข้ามาช่วย
แต่แล้วไม่นานเพื่อต่ออำนาจของตน ตั๋งโต๊ะจึงสั่งปลดหองจูเปียนออกจากราชสมบัติ ตั้งหองจูเหียบผู้น้องขึ้นครองราช ทำให้ตั๋งโต๊ะมีอำนาจล้นฟ้าในที่สุด

โจโฉ ผู้ซึ่งมีอำนาจในวังหลวงต่อจากโฮจิ๋น เมื่อตั๋งโต๊ะทำหยาบช้าจนทำให้เหล่าขุนพล 18 หัวเมืองร่วมมือกันปราบก็ยังไม่สำเร็จ อ้องอุ่นขุนนางผู้ภักดีก็ทำการล้มล้างอำนาจของตั๋งโต๊ะได้ เมื่อตั๋งโต๊ะได้อ้องอุ่นก็กุมอำนาจ แต่ก็มิได้มีอำนาจแต่อย่างใด จนลิฉุยและกุยกี เข้าสังหารอ้องอุ้นจนถึงแก่ความตาย ทำให้บ้านเมืองปั่นป่วน จนลิฉุยกุยกีคิดที่จะสังหารพระเจ้าเหี้ยนเต้ แต่แล้วพระเจ้าเหี้ยนเต้จึงรับสั่งให้โจโฉเข้ามาวังหลวง เพื่อปราบลิฉุยกุยกี โจโฉกับกองทัพที่พร้อมที่สุดในขณะนั้นจึงเข้ามาวังหลวงปราบลิฉุยกุยกีจนสิ้นซาก
จากนั้นโจโฉจึงได้สืบต่ออำนาจเป็นคนต่อไป ยกทัพปราบก๊กต่างๆที่ตั้งตัวเป็นใหญ่ จนเหลือที่ยังปราบไม่ได้ 2 ก๊กคือ ก๊กของเล่าปี่ และ ก๊กของซุนกวน แต่อย่างไรก็ตาม โจโฉได้วางรากฐานอำนาจให้แก่ลูกหลานของตัวเอง จนลูกหลานของตนได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ในเวลาต่อมา

สุมาอี้ ผู้ซึ่งมีอำนาจในวังหลวงต่อจากสกุลโจ หลังจากที่ลูกหลานโจโฉได้ขึ้นครองราชสมบัติ ก็ทำการรบกับจ๊กก๊ก โดยมีจูกัดเหลียง ขงเบ้ง เป็นผู้นำทัพ ซึ่งตรงกับสมัยของโจยอยผู้หลานของโจโฉครองราช ขงเบ้งทำการรุกรานวุยก๊กจนวุยก๊กนั้นไกล้จะแตก ไม่มีใครสู้ขงเบ้งได้ พระเจ้าโจยอยจึงรับสั่งแต่งตั้งสุมาอี้เป็นแม่ทัพไปรับมือกับขงเบ้ง จนขงเบ้งตายทำวุยก๊กอยู่รอดปลอดภัย
ต่อมาพระเจ้าโจยอยสิ้นพระชน พระเจ้าโจฮองผู้ที่เป็นเหลนของโจโฉขึ้นเป็นฮ่องเต้ แต่เนื่องด้วยวัยยังเล็กอยู่ จึงแต่งตั้งให้โจซองเป็นผู้สำเร็จราชการแทน โจซองประพฤตตัวไม่ดี ไม่ใส่ใจการบ้านเมือง สุมาอี้จึงถือโอกาสทำรัฐประหารโจซอง แล้วจากนั้นตระกูลสุมาก็ขึ้นไปกุมอำนาจในวังหลวงแบบเบ็ดเสร็จ หลังจากสุมาอี้ตายไปทำให้ สุมาสู สุมาเจียว ผู้ที่เป็นลูกกุมอำนาจต่อ จนในที่สุดสุมาเอี๋ยนผู้หลานของสุมาอี้ ได้ขับไล่โจฮวนและแต่งตั้งตัวเองเป็นฮ่องเต้ในเวลาต่อมา

เป็นยังไงหล่ะครับเส้นทางอำนาจของแต่ละคนเป็นใหญ่ค้ำฟ้าได้ แต่ก็ต้องผลัดเปลี่ยนมือกันไป ไม่จีรังยั่งยืน มีตัวรายขึ้นมาก็ต้องมาตัวร้ายต่อๆไปขึ้นมาแทน จนไม่รู้จักจบจักสิ้น

Sunday, November 17, 2013

#218 งอก๊กไถ้ดูตัวเล่าปี่


ครั้นเล่าปี่มาถึงเมืองกังตั๋ง ก็เจอกับความเงียบน่าสะพรึงกลัว โดนซุนกวนนั้นกำชับเล่าทหารห้ามให้ใครรู้แผนการนี้เป็นอันขาด

เล่าปี่เห็นเงียบวังเวงเกรงว่าจะเป็นกลอุบายจึงวิตกกังวล จูล่งเห็นขัดสนจึงเปิดจดหมายฉบับที่ 1 ขึ้นมาอ่าน ในจดหมายเขียนไว้ว่า

"ให้ทหารแต่งตัวแล้วไปหาซื้อของที่ตลาด ตีคล้องราวกับงานมงคล หากชาวบ้านที่ตลาดสอบถามก็ให้บอกไปว่า เล่าปี่จะมาแต่งงานกับน้องสาวซุนกวน และประกาศให้ชาวเมืองรู้ จากนั้นก็เข้าไปคำนับเกียวก๊กโล"

อันเกียวก๊กโลนั้น มีฐานะเป็นถึงรัฐบุรุษอาวุโสแห่งเมืองกังตั๋ง พูดง่ายๆว่าสั่งให้เล่าปี่นั้นเข้าทางผู้ใหญ่

เมื่อเล่าปี่ไปพบเกียวก๊กโลแล้วก็เล่าความให้เกียวก๊กโลฟังทุกประการ เกียวก๊กโลได้ฟังก็แปลกใจและรู็สึกน้อยใจว่าทำไมข่าวใหญ่ขนาดนนี้ตนไม่รู้ เกียวก๊กโลจึงออกเดินทางไปพบงอก๊กไถ้ ผู้ซึ่งเป็นแม่แท้ๆของซุนฮูหยิน ผู้ที่เล่าปี่จะมาแต่งงานด้วย (งอก๊กไถ้เป็นน้องสาวของแม่ซุนกวน ซึ่งแม่ซุนกวนได้ฝากฝังไว้แก่งอก๊กไถ้ให้ดูแลซุนกวน และซุนกวนก็เคารพงอก๊กไถ้เป็นดั่งแม่ของตนเอง)

จากนั้นเกียวก๊กโลจึงรีบไปหางอก๊กไถ้ เพื่อแสดงความยินดีแบบแอบน้อยใจนิดๆ งอก๊กไถ้ได้ฟังก็มึนงงสงสัยแปลกใจว่าตนเองก็ไม่รู้เช่นกัน เกียวก๊กโลจึงแจงว่าบัดนี้ชาวเมืองลำซีรู้กันหมดทุกคนแล้ว งอก๊กไถ้ยังไม่ปักใจเชื่อจึงส่งคนไปสืบ ได้ความดั่งที่เกียวก๊กโลแจงทุกประการ


งอก๊กไถ้ยังไม่สิ้นสงสัยจึงสั่งคนให้ไปตามซุนกวนมาพบ งอก๊กไถ้กำลังอยู่ในความโกรธที่ซุนกวนนั้นเอาลูกของตนไปให้คนอื่นโดยที่ตนเองนั้นไม่รู้ความ เมื่อซุนกวนมาพบ งอก๊กไถ้ก็ด่าซุนกวนไม่ขาดปาก ซุนกวนรู้สึกผิดจึงเล่าความให้งอก๊กไถ้ฟังทุกประการ

ซุนกวน : "แผนการครั้งนี้เป็นกลอุบายของจิวยี่ที่ทำขึ้นเพื่อจะเอาเมืองเกงจิ๋วคืน ทีแรกต้องการหลอกใครเล่าปี่มาแล้วก็จับตัวไว้เพื่อแลกกับเมืองเกงจิ๋ว ไม่คิดว่าเรื่องราวจะเลยเถิดเพียงนี้"


งอก๊กไถ้ได้ฟังก็โกรธจิวยี่เป็นอันมาก "อ้ายจิวยี่ มันเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่แห่งเมืองกังตั๋ง มันคิดแผนการได้แค่นี้เองหรอกหรือ จะเอาลูกสาวเราไปลวงเล่าปี่ บัดนี้คนเค้ารู้กันทั้งเมืองแล้ว หากเล่าปี่ตายลูกสาวเราจะมิเป็นหม้าหรอกหรือ ภายภาคหน้าใครหล่ะจะกล้ามาขอลูกสาวเรา"

เกียวก๊กโลจึงว่าไหนๆเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เล่าปี่เองก็เป็นเชื้อพระวงศ์มีศักดิ์เป็นถึงพระเจ้าอาพระเจ้าเหี้ยนเต้ งอก๊กไถ้ได้ฟังจึงว่า

งอก๊กไถ้ : "พรุ่งนี้ให้ไปเชิญเล่าปี่มาพบเรา เราจะทำการดูตัว หากเราไม่ชอบใจ ก็ปล่อยให้ซุนกวนจัดการต่อตามใจชอบ"

ซุนกวนกลับมายังที่พักจึงเรียกลิห้อมมาปรึกษา ซุนกวนวิตกกว่าแม่ของตนจะชอบคอกับเล่าปี่ ลิห้อมจึงเสนอว่าให้จัดเตรียมทหารไปดักสุ้มสังหารเล่าปี่เสีย ซุนกวนได้ฟังเช่นนั้นก็เห็นด้วย

ฝ่ายเล่าปี่เมื่อได้ข่าวว่างอก๊กไถ้จะดูตัวก็เตรียมพร้อมไม่ได้ประมาท สั่งให้จูล่งและทหารคอยระวัง ครั้งนี้อาจจะเป็นอุบายได้

ชาววันรุ่งขึ้นล่าไปจึงออกเดินทางเพื่อให้งอก๊กไถ้ดูตัว ซุนกวนจึงเตรียมการไว้และบอกกับทหารว่าจะให้สัญญาณเมื่อทิ้งจอกสุราลงให้ทหารเข้าไปสังหารเล่าปี่

เมื่อเล่าปี่เดินทางไปถึงซุนกวนก็มารับเข้าไปหางอก๊กไถ้ เล่าปี่มาพบหน้างอก๊กไถ้ก็ ทำตัวอ่อนน้อมถ่อมตน อ่อนโยนพูดจานุ่มนวล ดูสง่าน่าเกรงขาม งอก๊กไถ้ได้พบได้คุยด้วยก็ถูกใจเล่าปี่เป็นอันมาก


จูล่งซึ่งอยู่ข้างนอกมองเห็นว่ามีทหารสุ้มโจมตีอยู่จึงรีบเข้ามากระซิบบอกเล่าปี่ เล่าปี่ได้ฟังก็ตกใจ แต่ก็ยังนิ่งอยู่พร้อมทั้งแสร้งกลอุบายและร้องไห้ออกมาว่า

เล่าปี่ : "ท่านจะฆ่าข้าพเจ้าเสียก็ตามเถิด แต่โปรดอย่าให้ข้าพเจ้าได้ความลำบากเลย"

งอก๊กไถ้ : "ท่านพูดอะไรเราไม่เข้าใจ"

เล่าปี่ : "บัดนี้จูล่งได้มารายงานว่าข้างนอกนั้นมีทหารติดอาวุธแอบสุ้มอยู่"

งอก๊กไถ้ได้ฟังก็โกรธซุนกวนเป็นอันมาก ขว้างจอกสุราทิ้งแล้วด่าซุนกวนว่า

งอก๊กไถ้ : "เล่าปี่เป็นบุตรเขยเรา เหตุไฉนเจ้าจึงล่วงเกินคิดจะสังหารเล่าปี่อีกเล่า"

ซุนกวนได้ฟังก็ก้มหน้าขอโทษผู้เป็นแม่ แล้วแสร้งทำเป็นไม่รู้จึงเรียกลิห้อมเข้ามา ลิห้อมจึงเห็นซุนกวนกลัวแม่อยู่จึงบอกว่า ทั้งหมดนี้แกหัวเป็นคนทำ งอก๊กไถ้จึงสั่งให้ทหารลากแกหัวไปตัดศีรษะ แกหัวได้ยินก็ตกใจ หันหน้าไปมองซุนกวน ซุนกวนก็นิ่งอึ้ง หันไปหาลิห้อม ลิห้อมก็เบือนหน้าหนี จากนั้นตนจึงได้แต่นั่งนิ่งรอความตาย

เล่าปี่เห็นสบโอกาสจึงบอกกับงอก๊กไถ้ว่า บัดนี้กำลังเข้าสู่งานมงคลไม่ควรฆ่า ขอให้ไว้ชีวิตแกหัวด้วย งอก๊กไถ้จึงยอมปล่อยแกหัวไป

วิเคราะห์
ตอนนี้จะเห็นความเอาเปรียบของซุนกวนและลิห้อม ทั้ง 2 คนกลัวความผิด ทำผิดแล้วไม่กล้ายอมรับแถมยังโยนความผิดไปให้ลูกน้องอย่างแกหัว ฝ่ายแกหัวก็เป็นลูกน้องที่ดี ไม่ฆ่านายตัวเองทั้งที่ตัวเองต้องตาย

เล่าปี่เองนั้นพลิกวิกฤตเป็นโอกาส ซื้อใจงอก๊กไถ้แล้วยังซื้อใจแกหัวซึ่งเป็นลูกน้องของซุนกวนอีก อีกทั้งงอก๊กไถ้ก็ได้เห็นอีกว่าเล่าปี่นั้นเป็นคนมีเมตตา

กลายเป็นว่าแผนการของจิวยี่ต้องพังลายลงเพราะขงเบ้งนั้นแก้หมากโดยการให้เล่าปี่ประกาศให้ชาวเมืองรู้และจากนั้นก็ให้เล่าปี่เข้าหาทางผู้ใหญ่ ขงเบ้งเชื่อว่าเล่าปี่นั้นจะเป็นที่พอใจของงอก๊กไถ้และเกียวก๊กโล จึงทำให้เล่าปี่รอดตายมาได้

Saturday, November 16, 2013

#217 อุบายนางงาม

โลซกได้หนังสือคืนเมืองเกงจิ่วจากเล่าปี่แล้วก็เดินทางไปพบกับจิวยี่แล้วมอบหนังสือนี้ให้แก่จิวยี่ จิวยี่ได้อ่านหนังสือของยืมเมืองของเล่าปี่โกรธโลซกเป็นอันมาก

จิวยี่ : "ท่านหลงกลขงเบ้งเสียแล้ว ซึ่งเล่าปี่จะยืมเมืองเกงจิ๋วถึงเมื่อไหร่ก็มิได้มีกำหนดระยะเวลา เล่าปี่จะยึดเมืองเสฉวนได้เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อีกทั้งท่านเองก็ยังเซ็นเป็นนายประกันอีกเสียด้วย ตัวท่านนั้นเป็นคนซื่อ อย่าคิดว่าเล่าปี่และขงเบ้งจะซื่อตามท่านด้วย"

โลซกได้ฟังก็เห็นตามความของจิวยี่ แล้วรู้สึกผิดเป็นอันมาก จิวยี่เห็นความซื่อของเพื่อนจึงปลอบโลซกไป

จิวยี่ : "เราคิดถึงบุญคุณท่าน ท่านเคยให้อาหารแก่เราเมื่อยามเราขัดสน อีกทั้งท่านยังคอยตืนสติเราในอีกหลายๆด้าน เราจะคิดหาอุบายใหม่ในการจัดการเรื่องนี้เอง"

จิวยี่นั้นคิดว่าถึงจะด่าว่ากล่าวโลซกไปเท่าไรก็ไร้ประโยชน์ในเมื่อเรื่องมันผ่านมาแล้วสู้เดินหน้าคิดแผนใหม่ดีกว่า อีกทั้งยังรักษามิตรภาพระหว่างเพื่อนได้อีกด้วย

อยู่มาวันหนึ่งทหารได้มารายงานจิวยี่ว่าบัดนี้แม่นางกำฮูหยินนั้นเสียชีวิตไปแล้ว จิวยี่ได้ฟังก็ยิ้มพร้อมทั้งเอ่ยปากขึ้นมาว่า เราคิดอุบายอะไรดีๆออกแล้ว โลซกสงสัยในอุบายนั้นจึงสอบถามกับจิวยี่

จิวยี่ : "ในเมื่อภรรยาเล่าปี่เสียไปแล้ว จึงคิดว่าจะทำอุบายยกนางซุนฮูหยินน้องของซุนกวนนายเราให้ จากนั้นให้ซุนกวนส่งเชิญเล่าปี่มาแต่งงานโดยอ้างว่าต้องการเชื่อมความสัมพันธ์ พอเล่าปี่มาถึงเราก็จะจัดตัวเล่าปี่เป็นตัวประกันเพื่อแลกกับเมืองเกงจิ๋ว"




จากนั้นโลซกจึงนำความไปแจงกับซุนกวนทุกประการโดยจิวยี่เสนอให้ลิห้อมเป็นพ่อสื่อ ซุนกวนได้ฟังก็เห็ยด้วยจึงส่งลิห้อมไปหาเล่าปี่

ลิห้อมได้เข้าพบกับเล่าปี่เล่าความทุกประการให้เล่าปี่ฟัง ขงเบ้งหลบอยู่หลังฉากแอบฟังเล่าปี่และลิห้อมคุยกัน ลิห้อมจึงแจงว่าบัดนี้ซุนกวนต้องการจะยกน้องสาวให้แก่เล่าปี่ เล่าปี่ขอเวลาตันสินใจ ลิห้อมจึงลากลับไป


ขงเบ้งได้แนะนำแก่เล่าปี่ว่านี่คืออุบายของจิวยี่แต่ไม่น่ากลัวแต่อย่างใด จึงเสนอให้เล่าปี่ตกลงรับคำ ขงเบ้งมองเห็นว่าหากเล่าปี่และน้องสาวซุนกวนได้แต่งงานกันจริงๆคงเป็นต้องเป็นพันธมิตรที่ดี ขงเบ้งจึงเรียกซุนเขียนและจูล่งมาสั่งการให้เดินทางไปสู่ขอซุนฮูหยิน ซึ่งเป็นน้องสาวของซุนกวน


จากนั้นขงเบ้งจึงนำจดหมายลับ 3 ชิ้นมาให้แก่จู่ล่ง หากขัดสนประการใดให้เปิดอ่านทีละฉบับก็จะสามารถแก้ปัญหาได้ลุล่วงและกลับมาเมืองเกงจิ๋วอย่างปลอดภัย จากนั้นเล่าปี่ จูล่งและซุนเขียนก็เดินทางไปยังเมืองกังตั๋ง

วิเคราะห์
แผนอุบายนางงามนั้นใช้กันในทุกยุคทุกสมัย เสมือนเป็นการเกี่ยวดองกัน บ้างก็เอาลูกสาวเค้ามาไว้เพื่อเป็นตัวประกัน แต่แผนจิวยี่นั้นมิใช่ต้องการเกี่ยวดองแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการหลอกเล่าปี่มาสังหารโหดก็เท่านั้นเอง ตอนถัดๆไป เป็นบททดสอบ ยอดคนอย่างเล่าปี่ว่าจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เพียงใด

พี่จะพลาดไม่ได้คือ เทคนิคการใช้คนของขงเบ้ง ทำไม?? ขงเบ้งถึงต้องใช้ จูล่ง ? คนอื่นมีเยอะแยะ กวนอู เตียวหุย ฮองตง แต่ใช้จูล่ง

ในเมื่อฝีมือเท่าเทียมกัน ก็ต้องใช้คนที่เป็นมืออาชีพมากที่สุด หากแค่อารักขา กวนอูหรือเตียวหุยก็ได้ แต่นี่คืองานค่อนข้างใหญ่และต้องใจเย็น หากกวนอูหรือเตียวหุยไป คงต้องฆ่าทหารของซุนกวนไปหลายคนเป็นแน่แท้ แทนที่จะผูกมิตรแต่กลับไปสร้างศรัตรู ซึ่งคนที่ใจเย็นที่สุดในบรรดาขุนพล ก็มีแต่จูล่งเท่านั้น

Friday, November 15, 2013

#แผนผังตระกูลโจโฉ


มาดูกระกูลใหญ่ของโจโฉ ซึ่งเป็นราชวงศ์วุย กันดีกว่า

โจโฉ : แซ่เดิมคือแฮหัว เป็นลูกของโจโก๋ ซึ่งโจโก๋นั้นเป็นลูกบุญธรรมของโจเท้ง โจโฉจึงเป็นหลานโจเท้ง ซึ่งโจโฉนั้นมีเมียหลายคนมากในวรรณกรรมก็เอ่ยอยู่ไม่กี่คน แต่เยอะอยู่เหมือนกัน ลูกก็เยอะเช่นกัน

โจงั่ง : เกิดจากแม่นางเล่าซี โจงั่งเป็นลูกคนโต เสียชีวิตตอนที่โจโฉยกทัพไปรบกับเตียวสิ้ว

โจผี : เป็นลูกคนโตที่เกิดจากแม่นางเปียนซีซึ่งเป็นสนมเอกของโจโฉ โจผีได้ครองราชสมบัติ แต่งตั้งตัวเองเป็นฮ่องเต้ ได้เป็นปฐมกษัตริย์ราชวงศ์วุย

โจเจียง : เป็นลูกคนรองของโจโฉ มีฝีมือเชี่ยวชาญการรบยิ่งนัก

โจสิด : เป็นลูกคนที่สามของโจโฉ ชอบแต่งกลอน กวี กินเหล้าเคล้านารี เป็นคนติ๊ดๆหน่อย

โจหิม : เป็นลูกคนที่สี่ของโจโฉ ครั้นโจโฉตาย ไม่ได้มางานศพของโจโฉ โจผีจึ่งสั่งให้ทหารไปฆ่า แต่โจหิมรู้ทันก่อน จึงผูกคอตาย

โจฮู : เป็นลูกของโจโฉ ไม่มีการกล่าวถึงในวรรณกรรม แต่พ่อของโจฮวนที่ได้เป็นฮ่องเต้คนสุดท้ายของราชวงศ์วุย

โจฉอง : เป็นลูกของโจโฉ รือกันว่ามีสติปัญญามากที่สุดในบรรดาลูกของโจโฉ

โจยอย : เป็นลูกโจผีก็ได้เป็นฮ่องเต้เช่นกัน เป็นผู้คืนอำนาจให้แก้สุมาอี้

โจฮอง : เป็นลูกโจยอยก็ได้เป็นฮ่องเต้เช่นกัน แต่ตอนที่เป็นยังเด็กอยู่ ก็เลยมีโจซองมาสำเร็จราชการแทน และก็โดนสุมาอี้ทำรัฐประหารภายหลัง

โจมอ : เป็นลูกโจฮองก็ได้เป็นฮ่องเต้เช่นกัน โจมอต้องการโค่นอำนาจของสุมาเจีย แต่โดนสุมาเจียวจับได้ จึงต้องจบชีวิตลง

โจโฮวน : เป็นลูกโจฮู ก็ได้เป็นฮ่องเต้เช่นกัน โจฮวนนั้นมีศักดิ์เป็นหลายของโจโฉ ซึ่งเป็นคนรุ่นเดียวกับโจยอย เป็นคนสุดท้ายของราชวงศ์วุย ซึ่งโดนสุมาเอี๋ยนยึดอำนาจ