Sunday, April 29, 2012

#111 แผนล่อเสือออกจากถ้ำ





ฝ่ายบิต๊ก บิฮองและกันหยง ซึ่งเล่าปี่มอบหมายให้รักษาเมืองชีจิ๋วนั้น ครั้นทราบว่าโจโฉกำลังเคลื่อนทัพใหญ่มาที่เมืองชีจิ๋วจึงปรึกษาพร้อมกันว่า กองทัพเมืองชีจิ๋วเห็นจะรับมือกองทัพโจโฉไม่ได้ ขืนอยู่ในเมืองต่อไปก็จะเป็นอันตรายจึงพาพรรคพวกหนีออกจากเมือง เหลือแต่ตันเต๋งอยู่รักษาเมือง เมื่อเห็นเหตุการณ์จวนตัวเข้าตันเต๋งจึงสั่งทหารให้เปิดประตูเมืองรับกองทัพโจโฉ




โจโฉทราบความแล้วก็มีความยินดีสั่งให้ทหารเคลื่อนเข้าไปตั้งอยู่ในเมืองสั่งห้ามมิให้ทำอันตรายกับชาวเมืองเป็นอันขาด ต่อมาโจโฉจึงเรียกประชุมกัน ซุนฮกเสนอให้โจโฉรีบไปตีเมืองแห้ฝือที่กวนอูรักษาอยู่ก่อนที่เล่าปี่จะตั้งตัวได้ และซุนฮกยังคาดการณ์ว่าเล่าปี่นั้นต้องหนีไปพึ่งอ้วนเสี้ยวเป็นแน่แท้ โจโฉเห็นด้วยกับความคิดของซุนฮกทุกประการ แต่ใจโจโฉนั้นเคยเห็นฝีมือกวนอูเมื่อครั้งก่อนจึงใครอยากได้กวนอูมาทำราชการด้วย

กุยแกเห็นชอบกับความเห็น แต่คิดว่ากวนอูนั้นเป็นน้องร่วมสาบานของเล่าปี่ มีน้ำใจซื่อสัตย์ยิ่งนัก คงจะไม่ยอมตกลงปลงใจรับเกลี้ยกล่อม หากส่งผู้ใดไปเกลี้ยกล่อมคงจะถูกกวนอูสังหาร



เทียหยกแนะนำว่าให้ล่อกวนอูออกมาเสียก่อนแล้วค่อยเข้าไปยึดเมือง หากยึดเมืองได้กวนอูก็คงกลัวว่าพี่สะใภ้จะถูกทำร้ายต่อจากนั้นค่อยส่งเตียวเลี้ยวผู้ซึ่งมีไมตรีกับกวนอูเมื่อครั้งก่อนไปเกลี้ยกล่อมเสีย

โจโฉฟังแผนการของเทียหยกแล้วมีความยินดียิ่งนัก สั่งให้ดำเนินการตามที่เทียหยกเสนอทุกประการ




ตกกลางดึกโจโฉจึงสั่งให้ แฮหัวตุ้นจึงไปท้ารบกับกวนอู อีกทั้งยังส่งเคาทูกับซิหลงสุ้มเตรียมบุกยึดเมือง กวนอูรบกับแฮหัวตุ้นได้พักนึงแฮหัวตุ้นจึงชักม้าหนี กวนอูก็ไล่ตามจนออกนอกเมือง  เคาทูกับซิหลงได้คุมทหารออกมาสกัดกวนอูไว้ กวนอูจะเข้าเมืองก็ไม่ได้ ครั้นจะถอยกลับแฮหัวตุ้นก็ยกทหารตามมาสกัดด้านหลังไว้ล้อมกวนอูไว้แน่นหนา

จากนั้นทหารอีกส่วนก็เข้ายึดเมืองแห้ฝือได้สำเร็จ ฝ่ายกวนอูถูกล้อมอยู่บนเนินเขาเห็นแสงเพลิงลุกสว่างขึ้นในเมืองก็คิดว่าโจโฉยึดเมืองแห้ฝือได้แล้วก็ตกใจเป็นห่วงครอบครัวของเล่าปี่ จึงนำทหารตีฝ่าลงมาจากเนินเขาเพื่อจะออกไปที่เมืองแห้ฝือ แต่ถูกทหารโจโฉสกัดไว้อย่างแน่นหนา


Saturday, April 28, 2012

#110 เล่าปี่แตกทัพ



โจโฉยกทัพมาแล้วเรียกประชุมเรื่องสงคราม ซุนฮกจึงว่าเล่าปี่นั้นอาจจะมาปล้นค่ายเราคืนนี้เป็นแน่แท้ โจโฉได้ฟังดังนั้งจึงจัดแจงวางแผนซ้อนกลเล่าปี่

ตกดึกเล่าปี่และเตียวหุยเดินทางมาปล้นค่ายโจโฉ โดยเตียวหุยนั้นลำพองในตัวเองจึงอาสาเป็นทัพหน้ามาก่อน แต่กลับเจอแต่ความเงียบสงบ จากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงประทัด ทหารโจโฉที่สุ้มอยู่ก็ออกมาล้อมเตียวหุยเป็นจำนวน 8 ทิศ









มีแม่ทัพ 8 คนคือ เตียวเลี้ยว เคาทู อิกิ๋ม ลิเตียน ซิหลง งักจิ้น แฮหัวตุ้น แฮหัวเอี๋ยน จากนั้นเตียวหุยก็ตีฝ่าวงล้อมออกมา แตกทัพยับเยินถอยหนีไปอยู่บนเขาบองเอี๋ยงสัน



ทางด้านเล่าปี่ขี่ม้านำกองทัพหลวงหนุนตามเตียวหุยจากนั้นก็มาเจอกองทัพโจโฉล้อมอีกเช่นเคย เล่าปี่ตกใจคิดว่าเตียวหุยคงเสียทีเช่นกัน ทันใดนั้นแฮหัวตุ้นก็ยกทัพมารบกับเล่าปี่ ต่อมาแฮหัวเอี๋ยนก็เข้ามาสมทบสังหารทหารของเล่าปี่ตายเป็นอันมาก เล่าปี่จึงรีบตีฝ่ายวงล้อมหนีมายังเมืองเสียวพ่าย


แต่ว่าเมืองเสียวพ่ายนั้นโดนโจโฉยึกครองไว้แล้ว เล่าปี่จึงหนีไปยังเมืองแห้ฝรือ แต่กองทัพโจโฉยกมาสกัดจึงเบนหน้าไปทางด้านเมืองชีจิ๋วก็เห็นทหารโจโฉตั้งสกัดอยู่อีก เล่าปี่จึกตัดสินใจฝ่าวงล้อมหนีไปยังเมืองกิจิ๋ว ไปพึ่งใบบุญของอ้วนเสี้ยว แต่ลิเตียนก็ยกทัพมาสกัดเส้นทาง ทหารของเล่าปี่เสียทีทั้งหมด เหลือแต่เล่าปี่หนีมาได้เพียงคนเดียว เล่าปี่จึงเร่งควบม้าไปหาอ้วนเสี้ยวอย่างเร่งด่วน ครั้นเล่าปี่หนีมาถึงเมืองเชียงจิ๋ว อ้วนเสี้ยวได้ยินเช่นกันก็ยินดีออกมาต้อนรับเป็นอย่างดี

Friday, April 6, 2012

#109 อ้วนเสี้ยววิตกเรื่องลูก




ด้านเมืองชีจิ๋ว ทหารได้แจ้งข่าวแก่ซุนเขียนว่าโจโฉกำลังยกทัพมา  ซุนเขียนจึงรีบไปแจ้งข่าวแก่กวนอูที่เมืองแห้ฝือ จากนั้นรีบเดินทางมาแจ้งเล่าปี่ที่เมืองเสียวพ่าย เล่าปี่ได้รับข่าวจึงส่งซุนเขียนถือหนังสือไปขอความช่วยเหลือจากอ้วนเสี้ยวที่เมืองกิจิ๋ว

แต่พออ้วนเสี้ยวทราบความกลับไม่โต้ตอบประการใด แสร้งตีหน้าเศร้าแล้วเฉยอยู่ เตียนห้องที่ปรึกษาจึงถามอ้วนเสี้ยวว่าเหตุใดท่านจึงมีอาการดั่งนี้

อ้วนเสี้ยว : "บัดนี้เราใกล้จะตายแล้ว"

เตียนห้องตกใจจึงถามต่อไปว่า : "ท่านมีวิตกด้วยเหตุใด หรือมีเรื่องราวประการใดเกิดขึ้นจึงได้เจรจาความอันเป็นอัปมงคลเช่นนี้"


อ้วนเสี้ยว : "ชีวิตเรานี้จะตายเร็ว ตายช้าก็ไม่อาจรู้ได้ แต่วิตกด้วยบุตรห้าคน บุตรทุกคนยกเว้นคนสุดท้องไร้สติปัญญาความสามารถ เห็นจะรักษาเมืองกิจิ๋วและอำนาจของตระกูล “อ้วน” ไว้ไม่ได้ ส่วนบุตรคนสุดท้องมีสติปัญญาแต่อายุยังน้อย และยังป่วยหนัก เหตุนี้เราจึงเป็นทุกข์ไม่เป็นอันคิดอ่านทำการสิ่งใด"

เตียนห้อง : "บัดนี้โจโฉกำลังยกกองทัพไปตีเมืองชีจิ๋ว เมืองหลวงก็ย่อมมีทหารน้อยลง ทั้งเล่าปี่ก็ได้ขอให้ท่านยกกองทัพไปช่วย ดังนั้นหากท่านช่วยเล่าปี่โดยยกกองทัพไปตีเมืองฮูโต๋ ก็จะสำเร็จประโยชน์ทั้งสองฝ่าย คือช่วยเล่าปี่ได้สำเร็จอย่างอีกทั้งยังจะได้เมืองฮูโต๋ด้วย"

อ้วนเสี้ยว : "แต่ใจเรานั้นยังเป็นห่วงเรื่องบุตร เพราะถ้าบุตรเป็นอันตรายเราก็จะถึงแก่ความตายด้วย เรายังไม่สบายก็คงจะไม่ได้ชัยชนะ ดังนั้นในครั้งนี้เราเห็นจะยกกองทัพไปช่วยเล่าปี่ไม่ได้ ให้ซุนเขียนกลับไปแจ้งให้เล่าปี่ทราบเถิด"


เตียนห้องได้ฟังดังนั้นก็โกรธกระทืบเท้าจูงมือซุนเขียนเดินออกไป ซุนเขียนเดินทางกลับเมืองไปเล่าความให้เล่าปี่ฟังทุกประการ เล่าปี่ได้ฟังแล้วก็วิตกเป็นอย่างยิ่ง


ว่าแล้วเล่าปี่จึงสั่งให้จัดกำลังทหารเป็นสองกอง ให้เตียวหุยคุมทหารกองหนึ่งเป็นกองหน้า ยกไปโจมตีกองทัพโจโฉในทันทีที่โจโฉปลงทัพเตรียมตั้งค่าย ส่วนเล่าปี่คุมทหารอีกกองหนึ่งเป็นกองหนุนเตรียมหนุนช่วยเตียวหุย

Thursday, April 5, 2012

สารบัญบทวิเคราะห์

สารบัญบทวิเคราะห์




1. โจโฉประหารตังสินและพรรคพวก
2. สามยุคผู้นำแห่งกังตั๋ง
3. วิเคราะห์การตายของ บังทอง
4. ห้าทหารเสือวุยก๊ก

(จะเพิ่มเรื่อยๆ เมื่อมีการเขียนบทความวิเคราะห์)

บทวิเคราะห์ ตอนโจโฉประหารตังสินและพรรคพวก







บทวิเคราะห์ ตอนโจโฉประหารตังสินและพรรคพวก


ในเหตุการณ์ตอนที่แล้ว (ตอนที่ #108) ที่ตังสินเ เล่าปี่ และม้าเท้ง ได้ลงรายชื่อร่วมกันกำจัดโจโฉ แล้วโจโฉก็จับได้จึงล้างบางประหารตังสินและพรรคพวกไปหลายร้อยคน นั้นแฟนๆ สามก๊กก็วิจารณ์กันหลายมุมมองเลยทีเดียว ส่วนผมนั้นจะวิจารณ์ทั้ง 2 มุมมองให้ฟัง

มุมมองแรกโจโฉนั้นเป็นคนหยาบช้าประหารผู้คนเป็นว่าเล่นแถมยังประหารสนมเอกที่กำลังตั้งครรภ์และมีรัชธาญาติในท้องอีกด้วย จนโจโฉเหมือนพวกโหดและเป็นกบฎบ้าอำนาจ ยกทัพไปตีคนนั้นคนนี้เพื่อที่ตัวเองจะได้เป็นใหญ่เพียงผู้เดียว

อีกมุมนึงโจโฉนั้นได้ช่วยพระเจ้าเหี้ยนเต้จากลิฉุยและกุยกี โจโฉทำนุบำรุงบ้านเมืองอย่างดี แต่บรรดาขุนนางต่างก็อิจฉาโจโฉจึงได้คิดแผนสังหารโจโฉเสีย ไม่ว่าจะเป็นม้าเท้ง ตังสิน หรือเล่าปี่ ต่างก็ต้องการแย่งชิงอำนาจกันทั้งนั้น จึงรวมตัวกันล้มล้างอำนาจของโจโฉ แต่โดนโจโฉจับได้เสียก่อน โจโฉรู้ว่าตัวเองจะเป็นภัยจึงต้องสังหารเค้าเสียก่อนที่ตัวเองจะถูกสังหารจึงได้มีตอนล้างบางเช่นนี้มาให้เห็น

แฟนๆสามก๊กคิดยังไงก็ลองวิเคราะห์ดูนะครับ ผมคิดว่าหากท่านอ่านสามก๊กเยอะๆแล้วจะมีมุมมองที่แตกต่างกันออกไปเพราะวรรณกรรมสามก๊กนั้น สามารถมองวิเคราะห์ได้หลายมุมมาก อ่านรอบแรกอาจจะไม่ชอบโจโฉ อ่านรอบสองอาจจะชอบโจโฉ อ่านรอบสามอาจจะกลับมาเกลียดโจโฉอีกก็ได้

แต่สำหรับผม ผมไม่ได้มองถึงความโหดเหี้ยมหรือการแย่งชิงประการใด แต่มองถึงเรื่องกลยุทธและมองโลกให้กว้างขึ้น ไม่สำคัญว่าโจโฉจะดีหรือไม่ดี ไม่สำคัญว่าเล่าปี่จะเลวหรือไม่ ไม่สำคัญว่าทั้ง 2 จะเป็นอะไร แต่สำคัญว่าทั้ง 2 นั้น "ทำอะไร" เส้นทางแห่งอำนาจนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไรและมีการวางแผนปกครองยังไงแล้วเราได้อะไรจากวรรณกรรมนี้บ้าง นี่แหละน่าจะเป็นแก่นแท้ของสามก๊ก

สามก๊กนั้นแท้จริงแล้วหลักๆเลยคือสงครามระหว่างเล่าปี่และโจโฉ (จนผมเกือบจะลืมซุนกวนไปแล้วเพราะช่วงแรกๆยังไม่ค่อยมีบททาทเท่าไหร่) และผมเชื่อว่าแฟนๆ page isamkok ทุกคนย่อมมีมุมมองที่แตกต่างกัน และถ้ายังไงก็สามารถแชร์มุมมองกันได้นะครับ เผื่อจะได้รสชาติแปลกใหม่ในสามก๊กอีกหลายๆแบบ :)

Monday, April 2, 2012

#108 โจโฉล้างบาง


หลังจากหมอเกียดเป๋งตายแล้วโจโฉจึงสั่งให้ทหารค้นบ้านของตังสิน ทหารจึงได้พบกับพระบรมราชโองการลับ โจโฉโมโหมากที่พระเจ้าเหี้ยนเต้คิดจะทำร้ายตนจึงคิดจะถอดพระเจ้าเหี้ยนเต้เสีย เทียหยกได้แย้งว่าไม่ควรทำเพราะถ้ากระทำเช่นนั้นเมืองต่างๆก็จะยกเข้ามาตีเมืองหลวง โจโฉได้ฟังเช่นนั้นก็เห็นชอบด้วย



จากนั้นโจโฉจึงต้องล้างบางครั้งยิ่งใหญ่จับตัวผู้สมคบคิดได้ 700 กว่าคนแล้วสั่งประหารหมู่รวมทั้งครอบครัวของตังสิน จากนั้นโจโฉจึงนำทหารบุกเข้าไปพระราชวังเข้าไปหาพระเจ้าเหี้ยนเต้ โจโฉจึงเล่าความทั้งปวงให้พระเจ้าเหี้ยนเต้ฟัง พร้อมทั้งถามถึงพระราชโองการเลือดและนำหลักฐานมาให้ดู พระเจ้าเหี้ยนเต้จำนนต่อความ จากนั้นโจโฉจึงสั่งให้ประหารตังกุ๋ยซึ่งเป็นสนมเองที่ตั้งครรภ์ได้ 5 เดือนแล้ว ทั้งนี้พราะตังกุ๋ยนั้นมีสายเลือดของตังสิน

พอตังกุ๋ยรู้ว่าตนกำลังจะตายจึงเลือดผูกคอตายจบชีวิตตัวเองลง พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็เสียใจเป็นอันมาก


หลังจากโจโฉได้ล้างบางครั้งยิ่งใหญ่แล้วก็เรียกเล่าขุนนางที่ปรึกษาต่างๆมาประชุม พร้อมทั้งบอกว่าผู้ร่วมขบวนการครั้งนี้ยังเลือกอีก 2 คนก็คือ เล่าปี่และม้าเท้ง โจโฉจึงพร้อมที่จะยกทัพกำจัดทั้ง 2 ทิ้งเสีย


เทียหยกได้ให้ความเห็นว่าม้าเท้งแห่งเมืองเสเหลียงนั้นมีทหารมากเก่งกาจมากนัก อีกทั้งยังอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวง ควรที่จะเรียกม้าเท้งเข้ามายังเมืองหลวงและสังหารเสียจะดีกว่า ส่วนเล่าปี่นั้นควรที่จะพักไว้ก่อนเพราะถ้ายกทัพไปตีเล่าปี่เกรงว่าอ้วนเสี้ยวจะลอบเข้ามาตีเมืองหลวง ดังนั้นเห็นควรที่จะกำจัดมาเท้งเสียก่อน

โจโฉได้ฟังก็ไม่เห็นด้วยโจโฉจึงให้ความเห็นว่าควรกำจัดเล่าปี่ก่อนเพราะเล่าปี่นั้นมีสติปัญหาหากปล่อยไว้จะเป็นภัยในอนาคตเป็นแน่แท้ จากนั้นกุยแกก็ได้เดินเข้ามายังที่ประชุมโจโฉจึงเล่าความทั้งปวงให้กุยแกฟัง


กุยแกได้ฟังจึงบอกโจโฉว่าอย่าไปห่วงกองทัพของอ้วนเสี้ยวเลย กองทัพของอ้วนเสี้ยไม่พร้อมใจรบ ให้ท่านเร่งยกทัพไปกำจัดเล่าปี่เสียดีกว่า

โจโฉได้ฟังความเห็นของกุยแกก็ปรบมือดีใจ จากนั้นโจโฉจึงเตรียมยกทัพไปปราบเล่าปี่

วิเคราะห์
ความเห็นของเทียหยกนั้นฟังแล้วก็ดูดี แต่ความเห็ฯของกุยแกนั้นเหนือขึ้นไปอีก กุยแกวิเคราะห์แล้วแลเห็นว่าเล่าปี่คือภัยอันน่ากลัวของโจโฉและอีกทั้งยังวิจารณ์กองทัพของอ้วนเสี้ยวได้อย่างทะลุปรุโปรงว่าอ้วนเสี้ยวนั้นไม่มีน้ำยาพอที่จะยกทัพมายืดเมืองหลวงได้ อีกทั้งทหารก็มิพร้อมใจกันรบแก่งแย่งยิงดีกัน

ส่วนทางด้านโจโฉนั้น โจโฉเองมีที่ปรึกษาเก่งๆอยู่หลายคนแต่โจโฉก็ฟังคำปรึกษาแล้วก็คิดตัดสินใจเองในสิ่งที่เหมาะสม ไม่ได้เออออตามซะทีเดียว

#107 สมรู้ร่วมคิด




โจโฉไม่ได้ข่าวคราวทางด้านเมืองเกงจิ๋วว่าจะสวามิภักดิ์หรือไม่ ดังนั้นจึงคิดยกกองทัพไปตีเมืองเกงจิ๋วเสียก่อน แล้วจึงค่อยทำสงครามใหญ่กับอ้วนเสี้ยว

ซุนฮกบอกว่า "ตอนนี้ยังไม่รู้แน่ชัดว่าเล่าเปียวจะยืนอยู่ข้างไหนหากท่านยกทัพไปตีก็จะบีบบังคับให้เล่าเปียวนั้นเข้าร่วมด้วยกันอ้วนเสี้ยว" โจโฉได้ยินเช่นนั้นก็เห็นชอบด้วย

ทางด้านตังสินหลังจากเล่าปี่และม้าเท้งออกจากเมืองหลวงไปแล้ว ได้ร่วมปรึกษาหารือกับเพื่อนขุนนางที่ได้ร่วมลงนามในปฏิญญากันอยู่เรื่อยๆ ตังสินคิดมากจนตัวเองต้องป่วย เกียดเป๋งซึ่งเป็นหมอก็ได้มาดูแลอาการของตังสิน




ในขณะที่ตังสินหลับ ตังสินได้ฝันว่า ม้าเท้ง เล่าปี่ หันซุยและอ้วนเสี้ยว เข้ามารุมตีเมืองหลวงแลัวสังหารโจโฉได้สำเร็จ ตังสินจึงเผลอละเมอขึ้นมาว่า "โจโฉศัตรูราชสมบัติถูกตัดศีรษะแล้ว" จากนั้นก็สะดุ้งตื่น

หมดเกียดเป๋งที่เฝ้าไข้อยู่นั้นก็ได้ยินก็ขอเข้าร่วมอุดมการณ์ด้วย แต่แล้วเหตุการก็ไม่คาดคิดความรู้ไปถึงหูของโจโฉ โจโฉโกรธมาก โจโฉจึงแกล้งป่วยเรียกหมดเกียดเป๋งมารักษา จากนั้นหมอเกียดเป๋งก็ผสมยาพิษนำมาให้โจโฉดื่ม

โจโฉรู้ทันก็ไม่ยอมดื่มและยังบอกว่าให้หมอนั้นดื่มให้ดูก่อน แต่หมอเกียดเป๋วก็ไม่ดื่ม หมอเกียดเป๋งพยายามจับหัวโจโฉให้ดื่มยา โจโฉจึงเอามือปัดยาหกลงพื้น ฟองฟูจนพื้นอิฐกลายเป็นสีดำและยุ่ยเปื่อย

ว่าแล้วโจโฉก็สั่งให้ทหารตัดหัวหมอเกียดเป๋งเสียแต่ก่อนที่จะประหารนั้นได้ทรมานเป็นอย่างหนักโจโฉถามถึงผู้ร่วมอุดมการณ์แต่หมอเกียดเป๋งก็มิยอมพูด โจโฉจึงสั่งให้จับขังไว้เสียก่อน

จากนั้นโจโฉจึงจับตัว จูฮก จูลัน ตันอิบ โงห้วน มาไต่ถามแต่ 4 คนนี้ก็ไม่ยอมบอก โจโฉจึงไปถามตังสิน ตังสินก็มิปริปากบอก โจโฉจึงเรียกตัวหมอเกียดเป๋งมายืนยันต่อหน้า หมอเกียดเป๋งก็ไม่ยอมพูด

โจโฉโกรธมาจึงสั่งให้ทหารตัดนิ้วออกให้หมด แต่หมอเกียดเป๋งก็ยังไม่พูดแม้แต่ความเดียวซ้ำยังด่าว่าโจโฉ โจโฉจึงสั่งให้ทหารตัดลิ้นหมดเกียดเป๋งเสีย หมอเกียดเป๋งได้รำพึงว่าตนข้าราชการของพระเจ้าเหี้ยนเต้บัดนี้ไม่สมความคิด จากนั้นจึงเอาหัววิ่งชนเสาจนจบชีวิต