Saturday, December 14, 2013

ความบังเอิญ เลข "3" ในสามก๊ก



เป็นความจงใจหรือความบังเอิญของผู้แต่งวรรณกรรมของสามก๊กเกี่ยวกับเลข "สาม"

3 แค้นใหญ่
1 วุยก๊ก
2 จ๊กก๊ก
3 ง่อก๊ก

3 พี่น้องสวนท้อ
คือการสาบานกันเป็นพี่น้องของคนสามคนที่สวนท้อได้แก่
1 เล่าปี่
2 กวนอู
3 เตียหุย

ลูก 3 พ่อ
คือคำด่าที่เตียวหุยด่าลิโป้ เนื่องจากลิโป้นั้นมีพ่อแท้ๆ 1 คนและพ่อบุญธรรม 2 คน
1 พ่อลิโป้
2 เต็งหงวน
3 ตั๋งโต๊ะ

3 ตระกูลโฮ ที่มีบทบาทในช่วงแรกของเรื่อง 
1 โฮเฮา
2 โฮจิ๋น
3 โฮเบี้ยว
(by Akati Mak)

เล่าปี่เยือนโงลังกั๋ง 3 ครั้ง
เป็นเหตุการณ์ที่เล่าปี่เดินทางไปหาขงเบ้งถึงสามครั้ง ในครั้งที่สามนั้นได้พบกับขงเบ้งและพาขงเบ้งมาทำราชการได้
1 เจอซุยเป๋ง เพื่อนขงเบ้ง
2 เจอน้องขงเบ้งและอุยสิง่านพ่อตาขงเบ้ง
3 เจอขงเบ้ง

เล่าปี่ยึด 3 เมืองครั้งที่หนึ่ง
1 เกงจิ๋ว
2 ลำกุ๋น
3 ซงหยง

เตียวเลี้ยวบอกถึงข้อดี 3 ประการให้กวนอูมีชีวิตอยู่ต่อไป
ครั้นเล่าปี่แตกทัพ กวนอยู่โดนทัพโจโฉล้อม กวนอูไม่ต้องการตกเป็นเชลยกวนอูจึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย แต่เตียวเลี้ยวผู้ซึ่งเป็นทหารของโจโฉและเคยสนิทสนมกับกวนอู จึงมาเกลี้ยกล่อมกวนอูและบอกข้อดีของการมีชีวิตกับกวนอูถึง สามประการ ได้แก่
1 ท่านกับเล่าปี่ เตียวหุย สามพี่น้องสาบานจะร่วมเป็นร่วมตายกัน บัดนี้ยังไม่ทราบข่าวคราวเล่าปี่และเตียวหุย ท่านจะชิงด่วนตายไปก่อนได้อย่างไร
2 เล่าปี่ได้มอบครอบครัวให้ท่านดูแลรักษา หากท่านตายแล้ว ภรรยาทั้งสองของเล่าปี่จะพึ่งพาผู้ใดเล่า
3 ท่านก็มีฝีมือกล้าหาญ แล้วแจ้งใจในขนบธรรมเนียมโบราณมาเป็นอันมาก เหตุใดท่านจึงไม่รักษาชีวิตไว้คอยท่าเล่าปี่ จะได้ช่วยกันคิดการทำนุบำรุงแผ่นดินให้อยู่เย็นเป็นสุข

กวนอูให้โจโฉถือสัตย์ 3 ประการ หากกวนอูยมจำนน
หลังจากที่เตียวเลี้ยวมากล่อมให้กวนอูนั้นมาทำราชการกับโจโฉ กวนอูจึงขอให้โจโฉรักษาคำสัตย์สามข้อ
1 จะต้องยอมรับว่าเป็นการอยู่รับราชการในพระเจ้าเหี้ยนเต้ ไม่ใช่รับใช้โจโฉ
2 ห้ามมิให้ผู้ใดเข้ามาใกล้พี่สะใภ้ทั้งสอง
3 วันเวลาใดถ้าหากเรารู้ว่าเล่าปี่พี่เราอยู่แห่งหนใด ถึงมาตรแม้นว่าเรายังมิได้ลาโจโฉ เราก็จะไปหาเล่าปี่ในทันที

โจโฉมอบใบเบิกทางให้กวนอู 3 ครั้ง

เมืองหลวง 3 เมือง
เมืองหลวงที่กล่าวในสามก๊กนั้นมีอยู่สามเมือง
1 ลกเอี๋ยง (ถูกตั๋งโต๊งเผาแล้วย้ายไปอยู่เมืองเตียงอัน)
2 เตียงอัน (เป็นเมืองเก่าโจโฉจึงเสนอให้ไปอยู่เมืองฮูโต๋)
3 ฮูโต๋

เล่าปี่ได้ลูกศิษย์ของสุมาเต๊กโชมาทำราชการด้วยถึง 3 คน
1 ชีซี
2 ขงเบ้ง
3 บังทอง

ขงเบ้งได้เสนอยุทธศาสตร์รวมแผ่นดิน ออกเป็น 3 step
1 ยึดเมืองเกงจิ๋ว
2 ยึดเมืองเสฉวน
3 ยึดดินแดนตงง้วน

ขงเบ้งส่ง 3 ขุนพลไล่ตามตีโจโฉ
หลังจากโจโฉแตกทัพ
1 จูล่ง
2 เตียวหุย
3 กวนอู

3 ขุนพลเฒ่าแห่งกังตั๋ง
1 เทียเภา
2 ฮันต๋ง
3 อุยกาย

เล่าปี่มีเมีย 3 คน
1 กำฮูหยิน
2 บิฮูหยิน
3 ซุนฮูหยิน

เล่าปี่มีลูก 3 คน
1 เล่าเสี้ยน
2 เล่าลี
3 เล่าเอ๋ง

ฮ่องเต้ 3 คน
1 พระเจ้าเลนเต้
2 หองจูเปียน
3 หองจูเหียบ

ซุนเซ็กตั้งตัวด้วยทหาร 3 พัน

ขงเบ้งสยบกลอุบายจิวยี่ 3 ครั้ง จิวยี่กระอักเลือด 3 ครา จะเสียชีวิต

ขงเบ้งเขียนหนังสือลับให้จูล่ง 3 ใบ
1 ให้ทหารทั้งปวงแต่งตัวจงโอ่โถง ปล่อยข่าวลือให้ชาวเมืองลำซีรู้ว่า เล่าปี่จะมาแต่งงานกับน้องสาวซุนกวน
2 ถ้าเล่าปี่หลงนางซุนฮูหยินจนไม่อยากกลับเมืองให้บอกเล่าปี่ว่าโจโฉยกทัพมาตีเกงจิ๋วให้รีบกลับมาช่วยเหลือด่วน และ เล่าความทั้งปวงให้นางซุนฮูหยินฟังถึงแผนการจิวยี่ หากนางซุนฮูหยินมีใจซื่อสัตย์ก็จะตามกลับมาเมืองเกงจิ๋วด้วย
3 หากโดนทหารซุนกวนตามล่า ให้ซุนฮูหยินคอยช่วยเหลือ ทหารเหล่านั้นก็จะยำเกรง

สงกครามการทูต 3 ครั้งของขงเบ้ง
1 ขุนนางเมืองกังตั๋ง
2 ซุนกวน
3 จิวยี่

ขงเบ้งสั่งเสีย 3 ข้อ 
1 เสนออุบายการถอยทัพกลับเมืองเสฉวนโดยปลอดภัย
2 เสนออุบายกำจัดอุยเอี๋ยนซึ่งจะเป็นกบฏ
3 เสนอแนะให้ทุกคนคอยช่วยเหลือพระเจ้าเล่าเสี้ยน

โตเกี๋ยมมอบซีจิ่วสามครั้ง

ทั้งหมดนี้บางข้อผมก็คิดลึกให้มันเชื่อมโยงเป็นเลข 3 หากข้อไหนไม่ตรงประการใดขอให้แจ้งด้วยนะครับ ผมจะได้แก้ไข หรือ หากมี ความบังเอิญของเลข 3 เพิ่มเติมก็แชร์กันได้นะครับ

Wednesday, December 4, 2013

#ขงเบ้งไม่ได้ทำเพื่อเล่าปี่ แต่ทำเพื่อราชวงศ์ฮั่น



จากวรรณกรรมสามก๊ก ย้อนไปถึงตอนที่เล่าปี่ไปเยือนที่โงลังกั๋ง 3 ครั้ง 3 ครา ขงเบ้งรู้อยู่แล้วว่าเล่าปี่จะต้องมาเชิญตนไปช่วยฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่น

- ขงเบ้งก็รู้เช่นเดียวกับที่ซุยเป๋งรู้ว่า ราชวงศ์ฮั่นนั้นสิ้นแล้ว หากจะฝืนชะตาฟ้านั้นลำบาก
- ขงเบ้งก็รู้เช่นเดียวกับที่สุมาเต็กโชรู้ว่า หากตนไปทำราชการกับเล่าปี่ ตนต้องรากเลือดตายแน่ๆ

แต่สุดท้ายขงเบ้งก็ใจอ่อนยอมมาทำราชการกับเล่าปี่ ขงเบ้งคิดว่าสติปัญญาของตน คงอาจจะช่วยแก้ไขได้

ก่อนที่ขงเบ้งจะจากบ้าน ขงเบ้งได้บอกกับน้องตัวเองว่า ให้ดูแลสวนไร่นาให้ดี หากการณ์ใหญ่สำเร็จเราก็จะกลับมาทำไร่นาเช่นเดิม นี่เป็นคำพูดที่สื่อให้เห็นว่า ขงเบ้งนั้นมิได้ต้องการเป็นใหญ่แต่อย่างใด แต่ต้องการชีวิตที่สงบสุขในบั้นปลายเท่านั้นเอง

ขงเบ้งช่วยเหลือเล่าปี่จากเชื้อพระวงศ์ปลายแถว จนได้ขึ้นบัลลังก์มังกรได้ เมื่อครั้นกวนอูตาย เล่าปี่ยกทัพไปบุกซุนกวนเพื่อล้างแค้น ขงเบ้งได้บอกกับเล่าปี่ว่า ศรัตรูแผ่นดินมิใช่ซุนกวนแต่หากเป็นโจโฉ ขงเบ้งไม่เห็นด้วยจึงไม่เดินทางไปกับเล่าปี่ ตอนนี้แสดงให้เห็นว่า ขงเบ้งไม่ได้ทำเพื่อเล่าปี่

ภายหลังที่เล่าปี่ตาย เล่าปี่บอกให้ขงเบ้งยึดอำนาจหาอาเต้าไม่ได้อยู่ในศิลธรรม ขงเบ้งโขกหัวจนหัวแตกและรับปากว่าจะไม่ทำเช่นนั้น ในตอนนั้นเองเล่าปี่ก็ได้ฝากให้จูล่งช่วยดูแลอาเต้า ราวกับว่า สั่งให้ขงเบ้งยึดอำนาจ แต่สั่งให้จูล่งช่วยอาเต้า เอ๊ะ? ยังไง? เป็นข้อวิพากวิจารณ์เป็นอย่างมาก

นั่งไม่ใช่ประเด็นครับ หลังจูล่งตาย ขงเบ้งสามารถยึดอำนาจได้ แต่ขงเบ้งไม่ทำ ขงเบ้งอยู่กับคนโง่เง่า ไม่ใส่ใจราชการ มั่วสุรานารี อย่างเล่าเสี้ยน ขงเบ้งก็ทนได้จนถึงวันตายของตน ขงเบ้งไม่ทำรัฐประหาร แสดงว่าขงเบ้งจงรักภักดีต่อราชวงศ์ฮั่นปานใด

ตลอดการทำงานของขงเบ้ง ขงเบ้งไม่เคยทำเพื่อตัวเอง ทำเข้งมีตำแหน่งสูงส่ง แต่กลับไม่ได้วางทางอำนาจไว้ให้ลูกๆหลานๆของตน ก่อนขงเบ้งจะตาย ขงเบ้งกลัวว่าอุ๋ยเอี๋ยนจะขบถ จึงได้วางแผนฆ่าอุ๋ยเอี๋ยน นี่ก็เป็นอีกหนึ่งของความจงรักภักรดี

เมื่อขงเบ้งไกล้ตาย ขงเบ้งได้สั่งเสียแก่เล่าเสี้ยน จงประพฤตตัวดี อยู่ในสัตย์ อย่าฟังคนพาล ขงเบ้งยังบอกว่าลูกกับเมียของตนมีที่นาพอทำกินเลี้ยงชีพ ให้นำทรัพย์สมบัติของคนทั้งหมด ยกให้ท้องพระคลัง แจกจ่ายแก่เหล่าทหารที่เสียสละรับใช้ชาติ

จะเห็นได้ว่าขงเบ้งไม่ใช่เป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูง ไม่ต้องการเงินและอำนาจ ขงเบ้งทำงานหนักจนตาย หลังขงเบ้งตาย เตงงาย จงโฮย บุกตีจ๊กก๊ก ขงเบ้งได้ไปเข้าฝันจงโฮยว่า บัดนี้ราชวงศ์ฮั่นสิ้นแล้ว ท่านอย่าได้ทำร้ายประชาชน ขงเบ้งทำงานจนตาย ตายแล้วยังวางแผน ตายแล้วยังเป็นวิญญาณมาบอก จะเห็นได้ว่าขงเบ้งรักชาติรักแผ่นดินไม่แพ้กับจิวยี่เลยก็ว่าได้

หลอกว้านได้พรรณาเรื่องขงเบ้งตอนไกล้ตายเพื่อให้แสดงให้ขุนนางที่เป็นแบบอย่างของความซื่อสัตย์ ความรักชาติบ้านเมือง จึงเป็นบทสรุปที่ลงตัวสำหรับตัวละครขงเบ้ง

Thursday, November 28, 2013

#การวางแผนและการกระจายงานของขงเบ้ง


ไม่มีใครไม่รู้จัก "จูเก่อเลี่ยง" ขงเบ้ง ที่มีความปรีชาสามารถในการรบ เป็นกุนซือคนสำคัญของเล่าปี่ ผู้เปลี่ยนชีวิตของเล่าปี่จากเชื้อพระวงศ์ตกอับ กลายเป็นจักรพรรดิบัลลังก์มังกร

ผมอ่านหลายต่อหลายครั้งในการบรรชาการรบของขงเบ้ง ซึ่งในวรรณกรรมแฝงอะไรไว้มากมาย

ก่อนทำศึกขงเบ้งจะศึกษาข้อมูลไว้มากมาย ทั้งภูมิประเทศ ภูมิอากาศ อุปนิสัยใจคอของคู่ต่อสู้ จำนวนทหาร จำนวนเสบียง มองภาพรวมทุกองค์ประกอบ จึงเริ่มวางแผน

ขงเบ้งจะเขียนแผนการลงกระดาษว่า แผนอะไรทำยังไง ซอยย่อยเป็นหลายๆแผ่น (ภาษาทำงานเรียกว่า Issue List, Job List) แล้วจากนั้นก็นำมากำหนดว่าใครจะเป็นคนทำ (Personal In charge)


บางครั้งขงเบ้งก็กำหนดไปเลยว่าใครจะทำอะไร บางครั้งก็ให้เหล่าขุนพลอาสาว่าใครจะไปทำการ ซึ่งแผนที่ขงเบ้งวางไว้ค่อนข้างที่จะมีเปอร์เซ็นความสำเร็จสูง บางครั้งขงเบ้งก็พลาดเหมือนกัน

หลังจากที่ขงเบ้งได้เขียนแผนเรียบร้อยขงเบ้งจะใส่แผนการไว้ในถุงผ้า แล้วเรียกเป็นคนๆมารับไป ขงเบ้งจะอธิบายแผนการคร่าวๆให้แก่ขุนพลผู้นั้นฟัง

"ท่านจงไปรบ ห้ามชนะ ลวงข้าศึกเข้ามายังจุดนี้ได้ นั่นคือผลงาน" แล้วก็ให้เปิดดูแผนการในถุงผ้าละเอียดอีกครั้ง ข้อ 1 ทำยังไง ข้อ 2 ทำยังไง

ขงเบ้งจะกำชับขุนพลเสมอว่าให้ทำตามแผน "ห้ามพลาดเป็นอันขาด" ซึ่งแผนทุกแผนนั้นจะเกี่ยวข้องกัน หากใครคนใดคนนึงพลาด เป็นอันว่าแผนนั้นพัง

ขุนพลทุกคนจะรู้แค่แผนคร่าวๆ บางครั้งก็ไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ว่าตัวเองต้องทำอะไร ทำเสร็จแล้ว แล้วยังไงต่อก็ยังงงๆ ขงเบ้งเคยสั่งให้อุ๋ยเอี๋ยนไปรบแกล้งแพ้เป็นประจำ จนบางครั้งอุ๋ยเอี๋ยนก็ยังเซ็งๆอยู่เหมือนกัน

พูดง่ายๆว่าทุกคนไม่จำเป็นต้องรู้แผนการทั้งหมด รู้แค่ว่าตัวเองทำอะไรได้ผลตามที่บอกในกระดาษ เท่านั้น จบ!! ขนาดขุนพลในกองทัพยัง งงตาแตก เลย ว่าสรุปอีขงเบ้งนี้ มันต้องการอะไรกันแน่ ซึ่งเป็นข้อดีที่ทำให้ "แผนไม่รั่วไหล"

ขงเบ้งเองก็พลาดเช่นกัน ขงเบ้งได้ส่งม้าเจ๊กไปทำการ ม้าเจ๊กพลาดที่ศึกเกเต๋ง สุมาอี้จึงยกทัพมาตีเมืองเสเสีย ขงเบ้งไม่ได้เตรียมการล่วงหน้าก็ได้แต่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าแล้วสั่งว่า

1.รีบปลดธง
2.ห้ามเคลื่อนไหวโดยพลการ
3.ข้าศึกมาถึงให้อยู่อย่างสงบ
4.เปิดประตูเมือง ทำตัวปรกติสุขทุกอย่าง

ใครไม่ทำตามนี้ให้ฆ่าทิ้ง!!


ทหารทุกคนต่างก็งงสิครับ ขงเบ้งไม่ได้บอกว่าจะรับมือสุมาอี้ยังไง บอกแค่ว่าให้ทำตาม 1 2 3 4  ที่ขงเบ้งทำเช่นนี้ก็เพราะว่ามิให้แผนรั่วไหล ขงเบ้งนั่งดีดเครื่องสายอย่างสบายใจ ใช้อุบายเมืองร้าง ทำสงครามจิตวิทยากับสุมาอี้ จนสุมาอี้ต้องถอยหนีไป

ขงเบ้งบอกแค่ผลลัพธ์ง่ายๆ เช่น ท่านรบต้องแพ้ ห้ามชนะเด็ดขาด, ท่านจงลำเลียงโคยนต์ม้ากลไป พอโคยนต์ม้ากลถูกขโมยทหารต่างก็ตกใจ แต่ขงเบ้งกลับอมยิ้มอยู่เดียว

ข้อดีคือ ความลับไม่รั่วไหล ข้อเสียคือคนทำงานไม่รู้ว่าท้ายสุดสิ่งที่ทำทำไปทำไม มีผลต่อแผนการต่อไปยังไง หากล้มคนนึงก็อาจจะล้มทั้งกระดาน บางทีขงเบ้งก็ยังเตรียมแผนสองไว้รับมือ สิ่งที่จะเกิดขึ้น เพราะบางทีลูกน้องไม่สามารถแก้ปัญหาในงานของตนได้ ไม่รู้ที่มาที่ไป คุณแค่ทำตามเท่านั้นเอง...

ปล. แผนขงเบ้งในวรรณกรรมค่อนข้างเหนือเมฆไปหน่อย หากหัวหน้างานทำแบบขงเบ้งก็ระวังลูกน้องจะไม่สามารถคิดเองเป็น...

Wednesday, November 20, 2013

#สี่มหาอำนาจวังหลวง



- โฮจิ๋นมีอำนาจเพราะแต่ตั้งหองจูเปียนเป็นฮ่องเต้
- ตั๋งโต๊ะมีอำนาจเพราะช่วยหองจูเปียนกลับวัง และแต่งตั้งหองจูเหียบ
- โจโฉเข้ามาช่วยพระเจ้าเหี้ยนเต้ จากลิฉุยกุยกี
- สุมาอี้ทำรัฐประหารฆ่าโจซอง ทำให้ตระกูลสุมา ขึ้นครองอำนาจ


โฮจิ๋น ผู้ซึ่งมีอำนาจในวังหลวงแต่เดิมอยู่แล้ว ยิ่งมีอำนาจมากขึ้นอีก หลังจากพระเจ้าเลนเต้สิ้นพระชน โฮจิ๋นก็แต่งตั้ง หองจูเปียน ผู้ซึ่งเป็นลูกของโฮเฮา ที่เป็นน้องสาวของตนขึ้นครองราชสมบัติ จึงทำให้โฮจิ๋นมีอำนาจล้นฟ้าเป็นคนแรกในยุคสามก๊ก แต่ด้วยความที่โฮจิ๋นเบาปัญญานั้น จึงถูกขันทีสังหารตายอย่างน่าอนาถ

ตั๋งโต๊ะ ผู้ซึ่งมีอำนาจในวังหลวงต่อจากโฮจิ๋น เป็นเพราะโฮจิ๋นนั้นเรียกตัวตั๋งโต๊ะเข้ามาปราบขันที (ขันที 10 คน) หลังจากโฮจิ๋นตาย โจโฉและอ้วนเสี้ยวไปฆ่า 10 ขันที ทำให้วังหลวงวุ่นวาย หองจูเปียนฮ่งเต้และหองจูเหียบน้องชาย ก็หนีออกจากวังหลวงเพื่อลี้ภัย แต่แล้วเมื่อทัพของตั๋งโต๊ะยกเข้ามาได้พบกับ หองจูเหียบ จึงเข้าอารักขาหองจูเหียบกลับวังหลวง อย่างสง่า ราวกับว่าตั๋งโต๊ะเป็นพระเอกขี่ม้าข่าวเข้ามาช่วย
แต่แล้วไม่นานเพื่อต่ออำนาจของตน ตั๋งโต๊ะจึงสั่งปลดหองจูเปียนออกจากราชสมบัติ ตั้งหองจูเหียบผู้น้องขึ้นครองราช ทำให้ตั๋งโต๊ะมีอำนาจล้นฟ้าในที่สุด

โจโฉ ผู้ซึ่งมีอำนาจในวังหลวงต่อจากโฮจิ๋น เมื่อตั๋งโต๊ะทำหยาบช้าจนทำให้เหล่าขุนพล 18 หัวเมืองร่วมมือกันปราบก็ยังไม่สำเร็จ อ้องอุ่นขุนนางผู้ภักดีก็ทำการล้มล้างอำนาจของตั๋งโต๊ะได้ เมื่อตั๋งโต๊ะได้อ้องอุ่นก็กุมอำนาจ แต่ก็มิได้มีอำนาจแต่อย่างใด จนลิฉุยและกุยกี เข้าสังหารอ้องอุ้นจนถึงแก่ความตาย ทำให้บ้านเมืองปั่นป่วน จนลิฉุยกุยกีคิดที่จะสังหารพระเจ้าเหี้ยนเต้ แต่แล้วพระเจ้าเหี้ยนเต้จึงรับสั่งให้โจโฉเข้ามาวังหลวง เพื่อปราบลิฉุยกุยกี โจโฉกับกองทัพที่พร้อมที่สุดในขณะนั้นจึงเข้ามาวังหลวงปราบลิฉุยกุยกีจนสิ้นซาก
จากนั้นโจโฉจึงได้สืบต่ออำนาจเป็นคนต่อไป ยกทัพปราบก๊กต่างๆที่ตั้งตัวเป็นใหญ่ จนเหลือที่ยังปราบไม่ได้ 2 ก๊กคือ ก๊กของเล่าปี่ และ ก๊กของซุนกวน แต่อย่างไรก็ตาม โจโฉได้วางรากฐานอำนาจให้แก่ลูกหลานของตัวเอง จนลูกหลานของตนได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ในเวลาต่อมา

สุมาอี้ ผู้ซึ่งมีอำนาจในวังหลวงต่อจากสกุลโจ หลังจากที่ลูกหลานโจโฉได้ขึ้นครองราชสมบัติ ก็ทำการรบกับจ๊กก๊ก โดยมีจูกัดเหลียง ขงเบ้ง เป็นผู้นำทัพ ซึ่งตรงกับสมัยของโจยอยผู้หลานของโจโฉครองราช ขงเบ้งทำการรุกรานวุยก๊กจนวุยก๊กนั้นไกล้จะแตก ไม่มีใครสู้ขงเบ้งได้ พระเจ้าโจยอยจึงรับสั่งแต่งตั้งสุมาอี้เป็นแม่ทัพไปรับมือกับขงเบ้ง จนขงเบ้งตายทำวุยก๊กอยู่รอดปลอดภัย
ต่อมาพระเจ้าโจยอยสิ้นพระชน พระเจ้าโจฮองผู้ที่เป็นเหลนของโจโฉขึ้นเป็นฮ่องเต้ แต่เนื่องด้วยวัยยังเล็กอยู่ จึงแต่งตั้งให้โจซองเป็นผู้สำเร็จราชการแทน โจซองประพฤตตัวไม่ดี ไม่ใส่ใจการบ้านเมือง สุมาอี้จึงถือโอกาสทำรัฐประหารโจซอง แล้วจากนั้นตระกูลสุมาก็ขึ้นไปกุมอำนาจในวังหลวงแบบเบ็ดเสร็จ หลังจากสุมาอี้ตายไปทำให้ สุมาสู สุมาเจียว ผู้ที่เป็นลูกกุมอำนาจต่อ จนในที่สุดสุมาเอี๋ยนผู้หลานของสุมาอี้ ได้ขับไล่โจฮวนและแต่งตั้งตัวเองเป็นฮ่องเต้ในเวลาต่อมา

เป็นยังไงหล่ะครับเส้นทางอำนาจของแต่ละคนเป็นใหญ่ค้ำฟ้าได้ แต่ก็ต้องผลัดเปลี่ยนมือกันไป ไม่จีรังยั่งยืน มีตัวรายขึ้นมาก็ต้องมาตัวร้ายต่อๆไปขึ้นมาแทน จนไม่รู้จักจบจักสิ้น

Sunday, November 17, 2013

#218 งอก๊กไถ้ดูตัวเล่าปี่


ครั้นเล่าปี่มาถึงเมืองกังตั๋ง ก็เจอกับความเงียบน่าสะพรึงกลัว โดนซุนกวนนั้นกำชับเล่าทหารห้ามให้ใครรู้แผนการนี้เป็นอันขาด

เล่าปี่เห็นเงียบวังเวงเกรงว่าจะเป็นกลอุบายจึงวิตกกังวล จูล่งเห็นขัดสนจึงเปิดจดหมายฉบับที่ 1 ขึ้นมาอ่าน ในจดหมายเขียนไว้ว่า

"ให้ทหารแต่งตัวแล้วไปหาซื้อของที่ตลาด ตีคล้องราวกับงานมงคล หากชาวบ้านที่ตลาดสอบถามก็ให้บอกไปว่า เล่าปี่จะมาแต่งงานกับน้องสาวซุนกวน และประกาศให้ชาวเมืองรู้ จากนั้นก็เข้าไปคำนับเกียวก๊กโล"

อันเกียวก๊กโลนั้น มีฐานะเป็นถึงรัฐบุรุษอาวุโสแห่งเมืองกังตั๋ง พูดง่ายๆว่าสั่งให้เล่าปี่นั้นเข้าทางผู้ใหญ่

เมื่อเล่าปี่ไปพบเกียวก๊กโลแล้วก็เล่าความให้เกียวก๊กโลฟังทุกประการ เกียวก๊กโลได้ฟังก็แปลกใจและรู็สึกน้อยใจว่าทำไมข่าวใหญ่ขนาดนนี้ตนไม่รู้ เกียวก๊กโลจึงออกเดินทางไปพบงอก๊กไถ้ ผู้ซึ่งเป็นแม่แท้ๆของซุนฮูหยิน ผู้ที่เล่าปี่จะมาแต่งงานด้วย (งอก๊กไถ้เป็นน้องสาวของแม่ซุนกวน ซึ่งแม่ซุนกวนได้ฝากฝังไว้แก่งอก๊กไถ้ให้ดูแลซุนกวน และซุนกวนก็เคารพงอก๊กไถ้เป็นดั่งแม่ของตนเอง)

จากนั้นเกียวก๊กโลจึงรีบไปหางอก๊กไถ้ เพื่อแสดงความยินดีแบบแอบน้อยใจนิดๆ งอก๊กไถ้ได้ฟังก็มึนงงสงสัยแปลกใจว่าตนเองก็ไม่รู้เช่นกัน เกียวก๊กโลจึงแจงว่าบัดนี้ชาวเมืองลำซีรู้กันหมดทุกคนแล้ว งอก๊กไถ้ยังไม่ปักใจเชื่อจึงส่งคนไปสืบ ได้ความดั่งที่เกียวก๊กโลแจงทุกประการ


งอก๊กไถ้ยังไม่สิ้นสงสัยจึงสั่งคนให้ไปตามซุนกวนมาพบ งอก๊กไถ้กำลังอยู่ในความโกรธที่ซุนกวนนั้นเอาลูกของตนไปให้คนอื่นโดยที่ตนเองนั้นไม่รู้ความ เมื่อซุนกวนมาพบ งอก๊กไถ้ก็ด่าซุนกวนไม่ขาดปาก ซุนกวนรู้สึกผิดจึงเล่าความให้งอก๊กไถ้ฟังทุกประการ

ซุนกวน : "แผนการครั้งนี้เป็นกลอุบายของจิวยี่ที่ทำขึ้นเพื่อจะเอาเมืองเกงจิ๋วคืน ทีแรกต้องการหลอกใครเล่าปี่มาแล้วก็จับตัวไว้เพื่อแลกกับเมืองเกงจิ๋ว ไม่คิดว่าเรื่องราวจะเลยเถิดเพียงนี้"


งอก๊กไถ้ได้ฟังก็โกรธจิวยี่เป็นอันมาก "อ้ายจิวยี่ มันเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่แห่งเมืองกังตั๋ง มันคิดแผนการได้แค่นี้เองหรอกหรือ จะเอาลูกสาวเราไปลวงเล่าปี่ บัดนี้คนเค้ารู้กันทั้งเมืองแล้ว หากเล่าปี่ตายลูกสาวเราจะมิเป็นหม้าหรอกหรือ ภายภาคหน้าใครหล่ะจะกล้ามาขอลูกสาวเรา"

เกียวก๊กโลจึงว่าไหนๆเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เล่าปี่เองก็เป็นเชื้อพระวงศ์มีศักดิ์เป็นถึงพระเจ้าอาพระเจ้าเหี้ยนเต้ งอก๊กไถ้ได้ฟังจึงว่า

งอก๊กไถ้ : "พรุ่งนี้ให้ไปเชิญเล่าปี่มาพบเรา เราจะทำการดูตัว หากเราไม่ชอบใจ ก็ปล่อยให้ซุนกวนจัดการต่อตามใจชอบ"

ซุนกวนกลับมายังที่พักจึงเรียกลิห้อมมาปรึกษา ซุนกวนวิตกกว่าแม่ของตนจะชอบคอกับเล่าปี่ ลิห้อมจึงเสนอว่าให้จัดเตรียมทหารไปดักสุ้มสังหารเล่าปี่เสีย ซุนกวนได้ฟังเช่นนั้นก็เห็นด้วย

ฝ่ายเล่าปี่เมื่อได้ข่าวว่างอก๊กไถ้จะดูตัวก็เตรียมพร้อมไม่ได้ประมาท สั่งให้จูล่งและทหารคอยระวัง ครั้งนี้อาจจะเป็นอุบายได้

ชาววันรุ่งขึ้นล่าไปจึงออกเดินทางเพื่อให้งอก๊กไถ้ดูตัว ซุนกวนจึงเตรียมการไว้และบอกกับทหารว่าจะให้สัญญาณเมื่อทิ้งจอกสุราลงให้ทหารเข้าไปสังหารเล่าปี่

เมื่อเล่าปี่เดินทางไปถึงซุนกวนก็มารับเข้าไปหางอก๊กไถ้ เล่าปี่มาพบหน้างอก๊กไถ้ก็ ทำตัวอ่อนน้อมถ่อมตน อ่อนโยนพูดจานุ่มนวล ดูสง่าน่าเกรงขาม งอก๊กไถ้ได้พบได้คุยด้วยก็ถูกใจเล่าปี่เป็นอันมาก


จูล่งซึ่งอยู่ข้างนอกมองเห็นว่ามีทหารสุ้มโจมตีอยู่จึงรีบเข้ามากระซิบบอกเล่าปี่ เล่าปี่ได้ฟังก็ตกใจ แต่ก็ยังนิ่งอยู่พร้อมทั้งแสร้งกลอุบายและร้องไห้ออกมาว่า

เล่าปี่ : "ท่านจะฆ่าข้าพเจ้าเสียก็ตามเถิด แต่โปรดอย่าให้ข้าพเจ้าได้ความลำบากเลย"

งอก๊กไถ้ : "ท่านพูดอะไรเราไม่เข้าใจ"

เล่าปี่ : "บัดนี้จูล่งได้มารายงานว่าข้างนอกนั้นมีทหารติดอาวุธแอบสุ้มอยู่"

งอก๊กไถ้ได้ฟังก็โกรธซุนกวนเป็นอันมาก ขว้างจอกสุราทิ้งแล้วด่าซุนกวนว่า

งอก๊กไถ้ : "เล่าปี่เป็นบุตรเขยเรา เหตุไฉนเจ้าจึงล่วงเกินคิดจะสังหารเล่าปี่อีกเล่า"

ซุนกวนได้ฟังก็ก้มหน้าขอโทษผู้เป็นแม่ แล้วแสร้งทำเป็นไม่รู้จึงเรียกลิห้อมเข้ามา ลิห้อมจึงเห็นซุนกวนกลัวแม่อยู่จึงบอกว่า ทั้งหมดนี้แกหัวเป็นคนทำ งอก๊กไถ้จึงสั่งให้ทหารลากแกหัวไปตัดศีรษะ แกหัวได้ยินก็ตกใจ หันหน้าไปมองซุนกวน ซุนกวนก็นิ่งอึ้ง หันไปหาลิห้อม ลิห้อมก็เบือนหน้าหนี จากนั้นตนจึงได้แต่นั่งนิ่งรอความตาย

เล่าปี่เห็นสบโอกาสจึงบอกกับงอก๊กไถ้ว่า บัดนี้กำลังเข้าสู่งานมงคลไม่ควรฆ่า ขอให้ไว้ชีวิตแกหัวด้วย งอก๊กไถ้จึงยอมปล่อยแกหัวไป

วิเคราะห์
ตอนนี้จะเห็นความเอาเปรียบของซุนกวนและลิห้อม ทั้ง 2 คนกลัวความผิด ทำผิดแล้วไม่กล้ายอมรับแถมยังโยนความผิดไปให้ลูกน้องอย่างแกหัว ฝ่ายแกหัวก็เป็นลูกน้องที่ดี ไม่ฆ่านายตัวเองทั้งที่ตัวเองต้องตาย

เล่าปี่เองนั้นพลิกวิกฤตเป็นโอกาส ซื้อใจงอก๊กไถ้แล้วยังซื้อใจแกหัวซึ่งเป็นลูกน้องของซุนกวนอีก อีกทั้งงอก๊กไถ้ก็ได้เห็นอีกว่าเล่าปี่นั้นเป็นคนมีเมตตา

กลายเป็นว่าแผนการของจิวยี่ต้องพังลายลงเพราะขงเบ้งนั้นแก้หมากโดยการให้เล่าปี่ประกาศให้ชาวเมืองรู้และจากนั้นก็ให้เล่าปี่เข้าหาทางผู้ใหญ่ ขงเบ้งเชื่อว่าเล่าปี่นั้นจะเป็นที่พอใจของงอก๊กไถ้และเกียวก๊กโล จึงทำให้เล่าปี่รอดตายมาได้

Saturday, November 16, 2013

#217 อุบายนางงาม

โลซกได้หนังสือคืนเมืองเกงจิ่วจากเล่าปี่แล้วก็เดินทางไปพบกับจิวยี่แล้วมอบหนังสือนี้ให้แก่จิวยี่ จิวยี่ได้อ่านหนังสือของยืมเมืองของเล่าปี่โกรธโลซกเป็นอันมาก

จิวยี่ : "ท่านหลงกลขงเบ้งเสียแล้ว ซึ่งเล่าปี่จะยืมเมืองเกงจิ๋วถึงเมื่อไหร่ก็มิได้มีกำหนดระยะเวลา เล่าปี่จะยึดเมืองเสฉวนได้เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อีกทั้งท่านเองก็ยังเซ็นเป็นนายประกันอีกเสียด้วย ตัวท่านนั้นเป็นคนซื่อ อย่าคิดว่าเล่าปี่และขงเบ้งจะซื่อตามท่านด้วย"

โลซกได้ฟังก็เห็นตามความของจิวยี่ แล้วรู้สึกผิดเป็นอันมาก จิวยี่เห็นความซื่อของเพื่อนจึงปลอบโลซกไป

จิวยี่ : "เราคิดถึงบุญคุณท่าน ท่านเคยให้อาหารแก่เราเมื่อยามเราขัดสน อีกทั้งท่านยังคอยตืนสติเราในอีกหลายๆด้าน เราจะคิดหาอุบายใหม่ในการจัดการเรื่องนี้เอง"

จิวยี่นั้นคิดว่าถึงจะด่าว่ากล่าวโลซกไปเท่าไรก็ไร้ประโยชน์ในเมื่อเรื่องมันผ่านมาแล้วสู้เดินหน้าคิดแผนใหม่ดีกว่า อีกทั้งยังรักษามิตรภาพระหว่างเพื่อนได้อีกด้วย

อยู่มาวันหนึ่งทหารได้มารายงานจิวยี่ว่าบัดนี้แม่นางกำฮูหยินนั้นเสียชีวิตไปแล้ว จิวยี่ได้ฟังก็ยิ้มพร้อมทั้งเอ่ยปากขึ้นมาว่า เราคิดอุบายอะไรดีๆออกแล้ว โลซกสงสัยในอุบายนั้นจึงสอบถามกับจิวยี่

จิวยี่ : "ในเมื่อภรรยาเล่าปี่เสียไปแล้ว จึงคิดว่าจะทำอุบายยกนางซุนฮูหยินน้องของซุนกวนนายเราให้ จากนั้นให้ซุนกวนส่งเชิญเล่าปี่มาแต่งงานโดยอ้างว่าต้องการเชื่อมความสัมพันธ์ พอเล่าปี่มาถึงเราก็จะจัดตัวเล่าปี่เป็นตัวประกันเพื่อแลกกับเมืองเกงจิ๋ว"




จากนั้นโลซกจึงนำความไปแจงกับซุนกวนทุกประการโดยจิวยี่เสนอให้ลิห้อมเป็นพ่อสื่อ ซุนกวนได้ฟังก็เห็ยด้วยจึงส่งลิห้อมไปหาเล่าปี่

ลิห้อมได้เข้าพบกับเล่าปี่เล่าความทุกประการให้เล่าปี่ฟัง ขงเบ้งหลบอยู่หลังฉากแอบฟังเล่าปี่และลิห้อมคุยกัน ลิห้อมจึงแจงว่าบัดนี้ซุนกวนต้องการจะยกน้องสาวให้แก่เล่าปี่ เล่าปี่ขอเวลาตันสินใจ ลิห้อมจึงลากลับไป


ขงเบ้งได้แนะนำแก่เล่าปี่ว่านี่คืออุบายของจิวยี่แต่ไม่น่ากลัวแต่อย่างใด จึงเสนอให้เล่าปี่ตกลงรับคำ ขงเบ้งมองเห็นว่าหากเล่าปี่และน้องสาวซุนกวนได้แต่งงานกันจริงๆคงเป็นต้องเป็นพันธมิตรที่ดี ขงเบ้งจึงเรียกซุนเขียนและจูล่งมาสั่งการให้เดินทางไปสู่ขอซุนฮูหยิน ซึ่งเป็นน้องสาวของซุนกวน


จากนั้นขงเบ้งจึงนำจดหมายลับ 3 ชิ้นมาให้แก่จู่ล่ง หากขัดสนประการใดให้เปิดอ่านทีละฉบับก็จะสามารถแก้ปัญหาได้ลุล่วงและกลับมาเมืองเกงจิ๋วอย่างปลอดภัย จากนั้นเล่าปี่ จูล่งและซุนเขียนก็เดินทางไปยังเมืองกังตั๋ง

วิเคราะห์
แผนอุบายนางงามนั้นใช้กันในทุกยุคทุกสมัย เสมือนเป็นการเกี่ยวดองกัน บ้างก็เอาลูกสาวเค้ามาไว้เพื่อเป็นตัวประกัน แต่แผนจิวยี่นั้นมิใช่ต้องการเกี่ยวดองแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการหลอกเล่าปี่มาสังหารโหดก็เท่านั้นเอง ตอนถัดๆไป เป็นบททดสอบ ยอดคนอย่างเล่าปี่ว่าจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เพียงใด

พี่จะพลาดไม่ได้คือ เทคนิคการใช้คนของขงเบ้ง ทำไม?? ขงเบ้งถึงต้องใช้ จูล่ง ? คนอื่นมีเยอะแยะ กวนอู เตียวหุย ฮองตง แต่ใช้จูล่ง

ในเมื่อฝีมือเท่าเทียมกัน ก็ต้องใช้คนที่เป็นมืออาชีพมากที่สุด หากแค่อารักขา กวนอูหรือเตียวหุยก็ได้ แต่นี่คืองานค่อนข้างใหญ่และต้องใจเย็น หากกวนอูหรือเตียวหุยไป คงต้องฆ่าทหารของซุนกวนไปหลายคนเป็นแน่แท้ แทนที่จะผูกมิตรแต่กลับไปสร้างศรัตรู ซึ่งคนที่ใจเย็นที่สุดในบรรดาขุนพล ก็มีแต่จูล่งเท่านั้น

Friday, November 15, 2013

#แผนผังตระกูลโจโฉ


มาดูกระกูลใหญ่ของโจโฉ ซึ่งเป็นราชวงศ์วุย กันดีกว่า

โจโฉ : แซ่เดิมคือแฮหัว เป็นลูกของโจโก๋ ซึ่งโจโก๋นั้นเป็นลูกบุญธรรมของโจเท้ง โจโฉจึงเป็นหลานโจเท้ง ซึ่งโจโฉนั้นมีเมียหลายคนมากในวรรณกรรมก็เอ่ยอยู่ไม่กี่คน แต่เยอะอยู่เหมือนกัน ลูกก็เยอะเช่นกัน

โจงั่ง : เกิดจากแม่นางเล่าซี โจงั่งเป็นลูกคนโต เสียชีวิตตอนที่โจโฉยกทัพไปรบกับเตียวสิ้ว

โจผี : เป็นลูกคนโตที่เกิดจากแม่นางเปียนซีซึ่งเป็นสนมเอกของโจโฉ โจผีได้ครองราชสมบัติ แต่งตั้งตัวเองเป็นฮ่องเต้ ได้เป็นปฐมกษัตริย์ราชวงศ์วุย

โจเจียง : เป็นลูกคนรองของโจโฉ มีฝีมือเชี่ยวชาญการรบยิ่งนัก

โจสิด : เป็นลูกคนที่สามของโจโฉ ชอบแต่งกลอน กวี กินเหล้าเคล้านารี เป็นคนติ๊ดๆหน่อย

โจหิม : เป็นลูกคนที่สี่ของโจโฉ ครั้นโจโฉตาย ไม่ได้มางานศพของโจโฉ โจผีจึ่งสั่งให้ทหารไปฆ่า แต่โจหิมรู้ทันก่อน จึงผูกคอตาย

โจฮู : เป็นลูกของโจโฉ ไม่มีการกล่าวถึงในวรรณกรรม แต่พ่อของโจฮวนที่ได้เป็นฮ่องเต้คนสุดท้ายของราชวงศ์วุย

โจฉอง : เป็นลูกของโจโฉ รือกันว่ามีสติปัญญามากที่สุดในบรรดาลูกของโจโฉ

โจยอย : เป็นลูกโจผีก็ได้เป็นฮ่องเต้เช่นกัน เป็นผู้คืนอำนาจให้แก้สุมาอี้

โจฮอง : เป็นลูกโจยอยก็ได้เป็นฮ่องเต้เช่นกัน แต่ตอนที่เป็นยังเด็กอยู่ ก็เลยมีโจซองมาสำเร็จราชการแทน และก็โดนสุมาอี้ทำรัฐประหารภายหลัง

โจมอ : เป็นลูกโจฮองก็ได้เป็นฮ่องเต้เช่นกัน โจมอต้องการโค่นอำนาจของสุมาเจีย แต่โดนสุมาเจียวจับได้ จึงต้องจบชีวิตลง

โจโฮวน : เป็นลูกโจฮู ก็ได้เป็นฮ่องเต้เช่นกัน โจฮวนนั้นมีศักดิ์เป็นหลายของโจโฉ ซึ่งเป็นคนรุ่นเดียวกับโจยอย เป็นคนสุดท้ายของราชวงศ์วุย ซึ่งโดนสุมาเอี๋ยนยึดอำนาจ

Thursday, October 24, 2013

มองเจงกิสข่าน มองสามก๊ก



เจงกิสข่าน เค้าว่ากันว่า
ยิ่งใหญ่กว่า จิ๋นซีฮ่องเต้ที่รวมรวมแผ่นดินจีน
ยิ่งใหญ่กว่า พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ของกรีก
ยิ่งใหญ่กว่า นโปเลียนของฝรั่งเศส

จากชนเผ่าแร่ร่อนสามารถเข้ายึดจีนได้ทั้งประเทศ
- ขยายอานาเขตตะวันออกถึงมหาสมุทแปรซิฟิก
- ตะวันตกจรดทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเกือบครึ่งยุโรป
- ด้านเหนือกว่าครึ่งประเทศรัสเซีย
- ด้านใต้ครองดินแดนตะวันออกกลาง

ความโหดเหี้ยมของเขา แค่ได้ยินชื่อว่าเจงกิสข่าน จะผ่านมาก็พากันกลัว บ้างก็ยอมแพ้ เพราะใครขัดขืนจะถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

เจงกิสข่าน หมายถึง ผู้เป็นใหญ่ในจักรวาล, คนเหนือคน, จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่

เจงกิสข่านนั้นอยู่เผ่าแร่ร่อนแถบมองโกลเลีย ซึ่งสมัยนั้นเป็นทหารม้าชาวมองโกลเป็นที่เล่าขานอย่างมาก หลายคนอาจจะสงสัยว่าทหารม้าของเจงกิสข่านถึงเก่งกาจและชำนาญการต่อสู้

มองโกลนั้นได้ชื่อว่าเป็นเผ่าเร่ร่อน อยู่ไม่เป็นที่เป็นทางเปลี่ยนที่อยู่ไปตามสภาพอากาศ เกิดมาปุ๊บถ้าเป็นผู้ชายก็ต้องเริ่มฝึกล่าสัตว์ เอาชีวิตรอดไปวันๆ ออกล่าสัตว์ทุกวันก็เปรียบดั่งได้ฝึกฝีมือสงครามไปในตัว แล้วพาหนะก็คือม้าไงครับ แทบจะเรียกว่าเกิดมาบนหลังม้า

เจงกิสข่านหรือเตมูจิน ชีวิตวัยเด็กของเจงกิสข่านเล่าแล้วมันยาว เอาเป็นว่าชีวิตรันทนมากๆ สู้ชีวิต เอาตัว แถมยังสังหารพี่ชายตัวเองอีกเพื่อตัวเองจะได้เป็นใหญ่ เจงกิสข่านนั้นเชี่ยวชาญในการรบ เค้าโหดเหี้ยมมากได้ขึ้นมาเป็นตำแหน่งสูงๆ พ่อของเจงกิสข่านนั้นถูกฆ่าตาย ท่านโมโหมากฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่สังหารพ่อตัวเองจนหมดสิ้น

เจงกิสข่านนั้นมีศัตรูอยู่รอบทิศ ท่านเองก็มีพ่ายแพ้บ้างแถมเมียยังโดนจับตัวไป เจงกิสข่านโมโหอีกตามเลยตามไปเชคบิลเผ่านั้นทั้งเผ่าเลย ฆ่าล้างเผ่าอื่นๆจนได้เป็นใหญ่

เจงกิสข่านนั้นเป็นคนที่มีความเป็นผู้นำสูง ผูกใจคนเป็น ทะเยอทะยาน รบเก่ง มียุทธศาสตร์ พูดง่ายๆว่าถ้าเค้าไม่เก่งคงไม่มาถึงจุดนี้ ฝีมือล้วนๆ บุคลิคเค้าคล้ายๆกับโจโฉ ไม่ค่อยสนใจระบบญาติมิตร เน้นผลงาน เน้นฝีมือ เน้นความจงรักภักดี และท่านก็รักลูกน้องตัวเองมากๆๆๆ รักลูกน้องไม่แพ้กับโจโฉ เล่าปี่ ซุนกวนเลย

ในสงครามสามก๊กนั้นโจโฉเองก็เคยสร้างข่าวลือทหารร้อยหมื่นก่อนบุกกังตั๋ง เจงกิสข่านก็เช่นกันสร้างข่าวความโหดเหี้ยมของตัวเอง หากเป็นขงเบ้ง ขงเบ้งจะซื้อใจ ซื้อใจเป็นหลักตีเมืองเป็นรอง ท่านเจงกิสข่านเราตีเมืองเป็นหลัก คนไหนไม่ยอมก็ฆ่ามัน แถมยังกุข่าวลือว่ากองทัพตนเป็นกองทัพเทพประทานไม่เคยแพ้ผู้ใด ท่านใช้สงครามจิตวิทยาไม่แพ้ขงเบ้งเลย บ้างก็ขนาดนามว่ากองทัพ "ทูตจากนรก"

ก่อนขงเบ้งจะออกรบ ขงเบ้งจะส่ง spy ไปดูภูมิประเทศและอากาศ ท่านเจงกิสข่านก็เช่นกัน ส่งม้าเร็วไปตรวจหาแหล่งน้ำแหล่งอาหาร

ถ้าการรบในสามก๊กนั้นนอกจากทหารและอาวุธแล้ว ยังมีกองเสบียงเป็นสิ่งสำคัญ จะเห็นว่าในศึกครั้งอ้วนเสี้ยวในศึกกัวต๋อ อ้วนเสี้ยวโดนโจโฉเผาคลังสะเบียง ขงเบ้งบุกกิสานต้องพ่ายแพ้กลับก็เพราะกองเสบียง ม้าเจ๊กพ่าย เพราะโดนดักกองลำเลียง แล้วท่านเจงกิสข่านหล่ะจัดการยังไงกับเรื่องนี้

คำตอบคือสบายมาก ผมบอกตั้งแต่ต้นแล้วว่าชาวทหารม้ามองโกลนั้นเก่งเรื่องล่าสัตว์ ดังนั้นปากท้องไปหาเอาข้างหน้า การศึกแต่ละทีไม่ต้องรอเสบียง หรือรอข้าวสุก เหอะๆๆ

การรบของท่านเจงกิสข่านนั้นเน้นรวดเร็วเปรียบได้ดั่งกองทัพล่องหน ไม่ได้ใช้วิชายุบแผ่นดินแบบขงเบ้ง แต่เดินทัพด้วยการขี่ม้านี่แหละ ทัพเท้าไม่ค่อยมี ทัพท่านเน้นเร็ว

พาเข้าบุกใครไม่ยอมแพ้ก็ฆ่าอย่างโหดเหี้ยม ไม่ฆ่าธรรมดา จับทรมาน เผ่าที่ยังไม่ยอมแพ้พอได้ข่าวก็กลัวกันสิครับ เจงกิสข่านจึงชนะโดยไม่ต้องรบ ใครแข็งเมืองก็จะกลับไปฆ่าล้างเผ่าอีกครั้ง โอ้ววจ๊อด โหดเกิ้นนนน

น่าจะพอเห็นความเกรียงไกรของทหารม้าเจงกิสข่านไม่เป็นรองทหารม้าโรฮานในเรื่อง the lord of the ring เลยก็ว่าได้

เราอาจจะเห็นมุมโหดๆของท่านเจงกิสข่านไปแล้วนะครับ ในมุมดีท่านก็มีอยู่บ้าง ทหารของท่านนั้นมีวินัย ท่านจะสั่งเสมอว่าห้ามลักเล็กขโมยน้อย ห้ามมีชู้ ใครทำโดนฆ่า

ภายหลังการล่มสลายของราชวงศ์ถัง แผ่นดินจีนก็เกิดกลียุคขึ้นอีกครั้ง ซึ่งไม่ต่างกับในยุคสมัยของสามก๊ก ซึ่งต่อมาราชวงศ์ซ่งได้ขึ้นมา (ราชวงศ์ถังนี้คือสมัยไซอิ๋ว ราชวงศ์ซ่งนี้สมัยเปาบุ้นจี้น)

นอกจากอาณาจักรซ่งแล้วก็ยังมีแต่ก็มีอาณาจักรกิม (แมนจู)  ซึ่งพวกกิมหรือพวกจิน นั้นเข้าไปตีเมืองไคฟงแตก ซ่งจึงย้ายหนีไปกลายไปเป็นซ่งใต้

จากนั้นเหนือและตะวันตกของจีนนั้นเกิดศึกสามก๊ก มีอาณาจักรกิม อาณาจักรซีเซี่ย แล้วก็มองโกล  แล้วชาวมองโกลก็เข้ายึด ซีเซี่ยตามด้วยกิม เจงกิสข่านฆ่าหมด เว้นไว้แต่พวกมีความรู้ทางด้านการแพทย์ วิศวะกร ช่างฝีมือ และเหล่าบัณฑิต

ท่านเจงกิสข่านนั้นสามารถเอาชนะอาณาจักรกิมได้ ทั้งๆที่ฝ่ายกิมนั้นมีจำนวนพลมากกว่า เจงกิสข่านถึง 4 เท่า (สมัยสามก๊กนั้นโจโฉมีกำลังทหารน้อยกว่าอ้วนเสี้ยว 10 เท่า ก็ยังชนะมาได้)

เจงกิสข่านนั้นต้องการจะเดินหน้ายึดซ่งใต้ต่อไป แต่อากาศไม่เป็นใจทหารล้มป่วย ท่านจึงหยุดไว้เพียงแค่นี้ แต่ฝ่ายซ่งใต้เองก็ไม่สามารถเข้ายึดมองโกลได้เช่นกัน

เจงกิสข่านนั้นมองว่าชาวมองโกลนั้นยอมรับว่าเผ่าตนยังด้อยวัฒนธรรมมากกว่าเผ่าอื่นๆ เปิดรับศิลปะ วัฒนธรรม วิชาการ ปรัชญา ศาสนา จากเผ่าอื่นๆ จนสามารถประดิษฐ์อักษรมองโกลขึ้นเป็นครั้งแรก

ต่อมาเจงกิสข่านได้ยกทัพข้ามเทือกเขาหิมาลัยไปรบกับชาวมุสลิมและได้ชัยชนะในที่สุด ต่อมาก็บุกรัสเซีย เอาทหารรัชเสียรวมกันมากองไว้จุดไฟเผา ฉลองกันอย่างสนุกสนาน

ใครทำให้ท่านโกรธท่านก็จะไปถล่มที่นั่น ท่านข่านรบมาทั้งชีวิตและก็จากไปอย่างสงบ โดยไม่ได้แต่งตั้งรัชทายาทที่แน่นอนเอาไว้ ซึ่งต่างจากโจโฉที่ได้ให้โจผีและโจสิดมาปะลองกัน ท้ายสุดคนที่เหมาะสมนั้นก็คือโจผี

เรื่องยังอีกยาว ผมย่อได้ประมาณนี้เอาไว้มีเวลาผมจะเขียนใหม่นะครับ ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม :)

เจงกิสข่านจนถึงลูกถึงหลานสามารถยึดดินแดนได้เกือบครึ่งซีกโลก


Wednesday, October 9, 2013

#216 เมืองเกงจิ๋วควรเป็นสิทธิ์ของใคร?


ทางด้านขงเบ้งซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวของซุนกวนและเตียวเลี้ยวอย่างไกล้ชิด ต่อมาขงเบ้งได้มองดูดวงดาว เห็นดาวดวงหนึ่งตก พอพินิจวิเคราะห์แล้วเห็นทีจะเป็นเครือญาติของเล่าปี่เสียชีวิตลงเป็นแน่แท้

เล่าปี่ก็สัยอีกทั้งแม่นางลิฮูหยินก็กำลังป่วย ต่อมาไม่ได้ทหารจึงมารายงานว่าบัดนี้เล่ากี๋ได้เสียชีวิตลงแล้ว เล่าปี่ได้ฟังก็ร้องไห้เสียใจเป็นอันมาก ขงเบ้งก็ได้แต่ปลอบโยน


หลังจากนั้นไม่นาน ขงเบ้งจึงว่า อีกไม่นานเมืองกังตั๋งต้องส่งโลซกมาทวงเมืองคืนแน่ ขงเบ้งจึงวางแผนรับมือ วันต่อมาโลซกก็เกิดนทางมาถึงเมืองเกงจิ๋วแสร้งมาคำนับศพเล่ากี๋ แต่แท้จริงแล้วต้องการมาทวงเมืองเกงจิ๋วที่เล่าปี่และขงเบ้งเคยตกลงไว้

โลซกถามเล่าปี่ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เล่าปี่ก็อั้มอึ้งตอบแบบปัดๆ ขงเบ้งเห็นอาการเช่นนั้นก็ทนไม่ได้ จึงพูดออกมาด้วยอารมณ์โมโหไปว่า


ขงเบ้ง : "ตัวท่านเองก็มีสติปัญญา เล่าปี่นายเราเป็นเชื่อพระวงศ์อีกทั้งยังเป็นพระเจ้าอาของพระเจ้าเหี้ยนเต้ จะปกครองเมืองเก๋งจี๋วเพียงเท่านี้ไม่ได้หรอกหรือ ซุนกวนนายท่านเป็นแค่เชื้อสายผู้คุมเมือง บัดนี้พอได้เป็นใหญ่เมืองกังตั๋ง มีเมืองเอก เมืองโท มากกมาย เท่านี้ยังไม่พอใจ อีกทั้งยังมาแย่งเมืองเกงจิ๋วอีก ครั้นโจโฉบุกมากฝ่ายเราก็ยกทัพไปช่วย ตัวเราเองยังช่วยเรียกลมให้ ซุนกวนนายของท่านจึงพ้นอันตราย มิต้องเป็นขี้ข้าโจโฉและภรรยาของท่านก็จะตกเป็นของโจโฉอีกด้วย"

โลซกได้ฟังขงเบ้งพูดก็ได้แต่นิ่งอึ้งมิรู้จะพูดประการใด พอได้สติคิดได้จึงหาข้อโต้แย้ง

โลซก : "เมื่อครั้งเล่าปี่นายของท่านโดนโจโฉตีแตกมาได้ความลำบาก เราเองก็ได้พาท่านไปพบซุนกวนนายเรา แล้วฝ่ายเราก็ช่วยรบกับโจโฉท่านเองก็ได้ประโยชน์ไปด้วย เมื่อครั้งก่อนท่านได้รับปากเราว่าจะคืนเมืองให้แก่เราเมื่อเล่ากี๋ตาย เราก็ได้นำความไปบอกซุนกวนและจิวยี่ ทั้ง 2 ก็ไว้ใจท่านเห็นว่าตัวท่านนั้นมีความสัตย์ หากท่านไม่ยอมคืนเมืองให้ เราเองก็คงโดนซุนกวนตัดหัว และความสัมพันธ์ระหว่างเล่าปี่และซุนกวนก็จะถึงคราวแตกหัก จิวยี่คงต้องยกทัพมาตีท่านแน่ๆ"

ขงเบ้ง : "ฮ่าๆๆๆ เราจะกลัวอะไรกะอีแค่จิวยี่ แม้โจโฉยกทัพมาร้อยหมื่นเรายังไม่กลัว เราเห็นแก่ท่านเราจะเขียนหนักสือยืมเมืองแก่ซุนกวน ให้เล่าปี่นายเราได้ยืมเมืองไว้ก่อน เอาไว้ให้เราตีได้เมืองเสฉวนให้ได้เสียก่อน เราจะย้ายไปอยู่ที่เมืองเสฉวนและคืนเมืองเก่าให้แก่ซุนกวน"

โลซกเองก็จนมุมมิรู้จะทำยังไงจึงยอมรับหนังสือของเล่าปี่ ขงเบ้งจึงเซ็นหนังสือที่เล่าปี่เขียนโดยมีโลซกเซ็นเป็นนายประกันอีกคน

วิเคราะห์
อุบายนี้ได้ถูกใช้กันแพร่หลาย โดยที่ขงเบ้งอ้างว่า "จะคืนเมืองให้ซุนกวนจนกว่าเล่าปี่จะตีเมืองเสฉวนสำเร็จ"  แหม แล้วเมื่อไหร่จะยึดได้หล่ะ กี่เดือน กี่วัน กี่ปี?

ข้ออ้างนี้ถูกผู้บริหารส่วนมากนำเอาไปใช้เช่น "จำให้โบนัสแก่พนักงานจนกว่าเศรฐกิจจะดี" เอ๊ะว่าแต่เมื่อไหร่จะเศรฐกิจจะดีหล่ะ พนักงานต่างก็รอคอยความหวังว่าวันหนึ่งเศรฐกิจจะดี เป็นอุบายประวิงเวลา

หลายคนคงสงสัยว่าแท้จริงแล้ว เมืองเกงจิ๋วควรเป็นสิทธิ์ของใคร? ซุนกวนหรือเล่าปี่? คนไหนมีความชอบธรรมในการครองเมืองมากที่สุด

ผมวิเคราะห์ว่า
1.คนที่มาก่อนยึดก่อน ย่อมมีสิทธิ์ครอบครองทรัพยาการ เมืองเกงจิ๋วนั้นมิได้เป็นของซุนกวนแต่ก่อน เมื่อเล่าปี่ยึดได้ก่อนก็ควรเป็นของเล่าปี่

2.ขงเบ้งนั้นฉวยโอกาสช่องโหว่ที่จิวยี่แกล้งตาย ซึ่งเงื่อนไขข้างต้นคือ ให้จิวยี่ยึดก่อนหากจิวยี่ยึดไม่ได้ขงเบ้งจะไปยึด  จิวยี่ควรเพิ่ม condition อีก 1 อย่างคือ ห้ามให้ขงเบ้งมายึดภายในเวลา 1 ปีไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หากจิวยี่ยึดไม่ได้ภายใน 1 ปี ให้ขงเบ้งมายึดได้ หากตกลงอย่างนี้แล้วขงเบ้งมาแอบยึดไปก่อน ฝ่ายขงเบ้งก็จะเป็นฝ่ายมิชอบธรรม

3.ขงเบ้งยึดได้แล้วกลับหลอกว่าจะคืนเมืองเกงจิ๋วให้เมื่อเล่ากี๋ตาย แต่เมื่อเล่ากี๋ตายแล้วขงเบ้งก็ยังไม่ยอมคืนเมืองอีก อันนี้ความชอบธรรมก็ต้องตกเป็นของจิวยี่  หากขงเบ้งยืนยันว่าจะไม่คืน ก็ต้องไม่คืนตั้งแต่แรก

ตีความกันไปกันมาก็ยากเหมือนกันนะครับ แล้วแต่มุมมอง ใจนึงก็สงสารซุนวน ใจนึงก็สงสารเล่าปี่ แต่แท้จริงแล้วคนที่มีความชอบธรรมที่สุด อาจจะเป็นโจโฉก็ได้ใครจะไปรู้ ในเมืองโจโฉครองอำนาจเมืองหลวงอยู่ ทุกเมืองก็ควรที่จะตกเป็นของพระเจ้าเหี้ยนเต้โดยมีโจโฉเป็นผู้ช่วยสิ

ท้ายสุดแล้วผมก็จะพูดงง แบบกลางๆ หลายมุมของทั้งด้านของเล่าปี่ และ ซุนกวน มาให้ฟัง แฟนๆสามก๊กคิดว่า เมืองเกงจิ๋วควรเป็นสิทธิ์ของใครกัน ?

Tuesday, October 8, 2013

#215 ซุนกวนพ่ายศึกหับป๋า อาลัยไทสูจู้



ในช่วงที่โจโฉกลับไปพื้นตัวที่เมืองหลวง และซุนกวนกำลังยกทัพไปตีเมืองหับป๋าที่เตียวเลี้ยวคุมอยู่ จิวยี่เองก็รักษาอาการพิษเกาทัณฑ์ ทำให้เล่าปี่ไม่ต้องพะวงอะไรอีกแล้ว จึงถือโอกาสบุกยึดหัวเมืองในแคว้นเกงจิ๋วได้สำเร็จ

เมื่อก่อนเล่าปี่เป็นคนแร่ร่อนไม่มีเมืองอยู่ ต้องอาศัยซุนกวนช่วยเหลือจากภัยของโจโฉ บัดนนี้เล่าปี่สามารถหายใจได้ด้วยตนเอง มีเมืองเกงจิ๋วซึ่งเป็นหัวเมืองใหญ่เป็นที่มั่น มีเสบียงพร้อม มีกำลังทหารเพิ่มขึ้น จากที่เคยเป็นรองในทุกๆก๊กบัดนี้เล่าปี่ได้ยกความยิ่งใหญ่เทียบเท่าก๊กซุนกวนได้แล้ว แต่ก็ยังคงมิอาจชนะโจโฉได้ ยังไงก็ตามก็ยังสามารถตั้งรับสู้กับโจโฉได้

สถานการณ์เล่าปี่ตอนนี้ก็คือ "ผู้ไม่แพ้ แต่ก็ยังไม่ชนะ" ยังคงต้องอาศัยก๊กซุนกวนมาช่วยเหลือ แต่ทางฝ่ายจิวยี่นั้นยังคอยหาโอกาสแย่งชิงเมืองเกงจิ๋วกลับคืน




ทางด้านซุนกวนนั้นยกทัพไปรบกับเตียวเลี้ยวยังมิรู้แพ้หรือชนะ จิวยี่เห็นว่าศึกติดพันมานานจึงส่งให้เทียเภาและโลซกยกทัพไปช่วยซุนกวน เตียวเลี้ยวซึ่งเป็นแม่ทัพยกทัพมาพร้อมกับ ลิเตียนและงักจิ้นมาเผชิญหน้ากับทัพของซุนกวน


ไทสูจู้จึงขออาสาออกไปรบกับเตียวเลี้ยว ไทสูจู้นั้นเป็นทหารที่มีฝีมือสามารถรบกับเตียวเลี้ยวได้อย่างสูสี อีกด้านกองทัพของลิเตียนและงักจิ้นก็เข้ารบกับเทียเภาและซุนกวน


ไทสูจู้ปะทะกับเตียวเลี้ยวอยู่นานแต่เห็นกองทัพของซุนกวนเสียทึจึงรีบไปช่วยซุนกวน หนีออกมาได้ ซุนกวนนั้นสุญเสียทหารเป็นอันมาก จึงเรียกแม่ทัพเข้ามาประชุม ทางด้านไทสูจู้นั้นบอกว่าบัดนี้มีคนเลี้ยงม้าของเตียวเลี้ยวโดนโบยเป็นอย่างหนักโดยไม่มีความผิด ซึ่งเพื่อนของคนเลี้ยงม้านั้นหนีออกมาได้จึงมาแจ้งแก่ไทสูจู้ ให้ยกทัพไปกำจัดเตียวเลี้ยวโดยมีพรรคพวกคนเลี้ยงม้าคอยเป็นไส้ศึก



ซุนกวนเห็นไม่มีทางใดแล้วจึงเห็นตรงกับความเห็นของไทสูจู้ จูกัดกิ๋นจึงทัดท้วงว่า อย่าประมาท เพราะเตียวเลี้ยวนั้นมีสติปัญญา แต่ไทสูจู้ได้ฟังก็ไม่พอใจจูกัดกิ๋นที่ดูถูกตน

ฝ่ายเตียวเลี้ยวเมื่อชนะศึกสงครามแต่ก็มิได้นิ่งนอนใจ พร้อมทั้งประกาศให้ทหารทุกคนฟังว่า

เตียวเลี้ยว : "อันธรรมดาการสงคราม ถ้าแพ้ก็อย่ามัวแต่เสียใจ แม้ได้ชัยชนะก็อย่าทะนงตน เวลาวันนี้เราได้ชัยชนะแก่ซุนกวนก่อน ครั้นประมาทซุนกวนมีใจเจ็บแค้นคิดเห็นว่าคงหาโอกาสโจมตีเรา"

จากนั้นเตียวเลี้ยวจึงตักเตือนทหารให้อยู่ในวินัยอย่าประมาท ทางด้านคนเลี้ยงมาดำเนินตามแผนสังหารเตียวเลี้ยวแต่ก็มิสำเร็จ จึงโดนเตียวเลี้ยวสังหาร ทางด้านไทสูจู้เห็นกองไฟเป็นสัญญาณคิดว่าเป็นแผนของคนเลี้ยงม้า จึงยกทัพเข้าไปแต่โดนทหารของเตียวเลี้ยวล้อม ระดมยิงเกาทัณฑ์ จำนวนมากใส่ ไทสูจู้พยายามปัด แต่เกาทัณฑ์นั้นพุ่งเข้ามามาก ทำให้ไทสูจู้โดนเกาทัณฑ์ยิงเข้าไปหลายดอก



ไทสูจู้ตีแหวกวงล้อมออกมา แต่ลินเตียนงักจิ้นก็ไล่ตามตีไม่หยุด ซุนกวนเห็นไทสูจู้เสียทีจึงสั่งให้ ตังสิดและลกซุนไปช่วย ไทสูจู้กลับมาไว้ได้


ซุนกวนเห็นไทสูจู้มีบาดแผลสาหัสนักก็รู้สึกเสียใจ เตียวเจียวเห็นสถานการณ์ไม่ดี จึงแจ้งว่า บัดนี้กองทัพเราสูญเสียทหารเป็นอันมาก ทั้งไทสูจู้ก็บาดเจ็บ ควรชอบที่จะยกทัพกลับเมืองกังตั๋งเสียก่อน ซุนกวนจึงเห็นด้วยและยกทัพกลับทันที

ไทสูจู้เมื่อกลับมาถึงเมืองหลวงอาการก็ไม่ดีขึ้นโดนพิษเกาทัณฑ์ ซุนกวนจึงมาพบกับไทสูจู้โดยด่วน ไทสูจู้เห็นว่าตัวเองจะไม่รอดจึงรำพันกับเตียวเจียวว่า

ไทสูจู้ : "อันชายชาติทหารจะตายในสนามรบนั้นก็ไม่เสียดายชีวิต แต่ไหนเลยตัวเราถึงสิ้นอายุไขเสียยังหนุ่ม"

แล้วไทสูจู้ก็สิ้นใจ... ซุนกวนเสียใจเป็นอันมากที่ยอดขุนพลที่ซุนเซ็กพี่ชายได้ฝากไว้ให้นั้นต้องจบชีวิตลง



วิเคราะห์
ซุนกวนผู้นำหนุ่มนั้น ยังอ่อนประสบการณ์การสงครามยิ่งนัก เมื่อเทียบกับโจโฉและเล่าปี่แล้ว ยังถึงว่าห่างชั้นกันมาก แต่กระนั้นเองซุนกวนนั้นมีลูกน้องฝึมือดีหลายคนทั้งบุ๋นและบู้ ตัวไทสูจู้เองก็เป็นทหารที่มีฝีมือดี เคยรบสูสีกับซุนเซ็กพี่ชายซุนกวนมาแล้ว แต่อย่างไรก็ตามไทสูจู้นั้นมีฝีมือเก่ง แต่สติปัญญาในการทำสงครามนั้นยังห่างชั้นกับจิวยี่เป็นอันมาก จูกัดจิ๋นที่พอมีสติปัญญาอยู่บ้างคอยตักเตือนแต่ก็ไม่ฟัง แต่จูกัดกิ๋นก็มิได้แนะนำทางออกแต่อย่างใด ทำให้ซุนกวนนั้นหมดที่พึ่งจึงรับฟังความเห็นของไทสูจู้ ตัวไทสูจู้เองก็มิได้โชคโชนสงครามเมื่อเทียบกับเตียวเลี้ยวจึงทำให้เตียวเลี้ยวนั้นมีชัยชนะ จนทำให้ไทสูจู้ต้องจบชีวิตลง..

Monday, October 7, 2013

#214 อุ๋ยเอี๋ยนคนเนรคุณ?

อุ๋ยเอี๋ยน

อุยเอี๋ยนซึ่งเมื่อก่อนนั้นเคยรับราชการกับเล่าเปียว เมื่อครั้งเล่าปี่หนีทัพโจโฉมาที่เมืองเกงจิ๋ว อุ๋ยเอี๋ยนนั้นเป็นคนขัดคำสั่งชัวมอและก็เปิดประตูเมืองต้อนรับเล่าปี่ แต่ชัวมอไม่ยอม อุ๋ยเอี๋ยนกับชัวมอจึงรบกัน หลังจากนั้นมาอุ๋ยเอี๋ยนจึงนี้มาอยู่กับฮันเหียนจนถึงทุกวันนี้ (อ่านตอนที่อุ๋ยเอี๋ยนพบเล่าปี่ครั้งแรก)

อุ๋ยเอี๋ยนนั้นนับถือฮองตงเป็นอย่างมาก เห็นฮองตงถูกสั่งประหาร อุ๋ยเอี๋ยนไม่พอใจจึงบุกเข้าไปลานประหารเพื่อช่วยชีวิตฮองตง อุ๋ยเอี๋ยนนั้นรักใคร่ในขุนพลที่มีฝีมือดีอย่างฮองตงจึงได้ช่วยเหลือไว้ อุ๋ยเอี๋ยนรู้ข่าวว่าเล่าปี่สั่งให้กวนอูมาตีเมืองเตียงสาก็ยินดีเข้าร่วมด้วย เพราะตนนั้นก็ต้องการทำราชการกับเล่าปี่ อุ๋ยเอี๋ยนจึงทำการรัฐประหารยึดอำนาจเมืองเตียงสาไว้ โดยประกาศว่า


อุ๋ยเอี๋ยน : "ฮันเหียนนั้นเป็นคนหยาบช้าขี้ข้าโจโฉ บัดนี้พระเจ้าอาเล่าปี่ยกทัพลงมาปราบ ใครที่ต้องการเข้าด้วยกับเล่าปี่ให้มาอยู่ข้างเดียวกับตนร่วมมือกำจัดฮันเหี๋ยน"

เหล่าทหารและชาวบ้านต่างก็ไม่พอใจฮันเหียนเป็นทุนเดิมแล้ว เมื่อเห็นอุ๋ยเอี๋ยนเสนอก็พากันเห็นด้วย ฝ่ายฮองตงเห็นเหตุการนี้เกิดขึ้นจึงรีบไปห้ามปรามอุ๋ยเอี๋ยน แต่อุ๋ยเอี๋ยนไม่ฟัง ทุกคนล้วนโกรธแค้นฮันเหียนเป็นอันมากจึงมากันเข้าไปสังหารฮันเหียนแล้วนำหัวไปมอบให้แก่กวนอู

กวนอูเห็นดังนั้นก็ยินดีเป็นอันมากอีกทั้งยังจำอุ๋ยเอี๋ยนได้เมื่อครั้งที่เมืองเกงจิ๋วที่ได้ช่วยเหลือเล่าปี่ กวนอูจึงส่งจดหมายไปให้เล่าปี่และขงเบ้งว่าบัดนี้ อุ๋ยเอี๋ยนแปรพักเข้ากับเราพร้อมทั้งตัดหัวฮันเหียนมีความดีความชอบยิ่งนัก


เล่าปี่และขงเบ้งได้เข้ามาถึงเมืองเตียงสา จึงถามกวนอูเกี่ยวกับฮองตงว่า บัดนนี้ฮองตงอยู่ที่ใด กวนอูจึงว่า ฮองตงนั้นหลังจากที่อุ๋ยเอี๋ยนยึดอำนาจได้แล้วจึงลากลับไปที่พักและไม่ยอมออกมา เล่าปี่ได้ฟังเช่นนั้นก็รู้ว่าฮองตงนั้นไม่สามารถรักษาเมืองได้จึงรู้สึกผิด เล่าปี่จึงเดินทางไปหาฮองตงด้วยตนเอง และได้พูดผูกใจฮองตง ฮองตงเสียใจที่รักษาเมืองไม่ได้และเห็นเล่าปี่นั้นมีความสุภาพและเคารบตนพร้อมทั้งเปี่ยมด้วยคุณธรรม ทั้งที่ตนเป็นศรัตรูจึงซึ่งน้ำใจเล่าปี่ เล่าปี่จึงชวนฮองตงมาทำราชการด้วยในบัดนั้น

หลังจากนั้นกวนอูจึงพาอุ๋ยเอี๋ยนมารับความดีความชอบที่สังหารฮันเหียนแล้วยอมเข้าร่วมด้วยกับเล่าปี่ ขงเบ้งฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้วจึงว่า


ขงเบ้ง : "ทหาร.....นำตัวอุ๋ยเอี๋ยนไปตัดหัว"

เล่าปี่ : "อุ๋ยเอี๋ยนได้สังหารฮันเหียนมีความชอบช่วยเหลือเรา ท่านสั่งให้ทหารนำอุ๋ยเอี๋ยนไปตัดหัวนี้ด้วยความผิดประการใด?"

ขงเบ้ง : "อุ๋ยเอี๋ยนนั้นกินข้าวแดงแกงร้อนเค้า แถมยังฆ่าเค้าอีก เป็นคนเนรคุณคน อาศัยแผ่นดินเค้าอยู่แล้วกลับแย่งยิงไปให้คนอื่น ไม่มีความซื่อสัตย์ ไม่กตัญญู ซึ่งจะเลี้ยงไว้ไม่ได้ นานไปอุ๋ยเอี๋ยนจะทรยศเรา"

เล่าปี่ : "ที่ท่านว่านั้นมันก็จริง หากฆ่าอุ๋ยเอี๋ยน ในภายภาคหน้าใครหล่ะจะอยากเข้าด้วยกับเรา ท่านโปรดไว้ชีวิตอุ๋ยเอี๋ยนสักครั้ง"

ขงเบ้งทำหน้าหนักใจแต่ก็มิได้พูดประการใดและคิดว่าตนนั้นจะสามารพเอาอุ๋ยเอี๋ยนอยู่จึงบอกต่อไปว่า

ขงเบ้ง : "ต่อไปนี้ หากเจ้าทรยศนายเรา เราจะตัดหัวเจ้าทิ้งเสีย"

อุ๋ยเอี๋ยนได้ฟังขงเบ้งพูดเช่นนั้นก็ดีใจและรับปาก

วิเคราห์
ตอนนี้จะข้ามไปยังมิได้ ต้องมาวิเคราะห์กันซักหน่อย
หากถามว่าอุ๋ยเอี๋ยนนั้นผิดหรือไม่?

ผมขอตอบว่าก็ผิดครึ่งหนึ่ง จริงอย่างที่ขงเบ้งบอกกินข้าวแดงเค้ายังฆ่าเค้าอีก ในสถานการเช่นนั้นมันก็คิดยากเหมือนกันนะครับ ลองนึกดูว่าถ้าโจรให้ข้าวเรากิน เราจะเรียกตำรวจมาจับโจรหรือไม่ ถ้าไม่เรียกโจรก็คงฆ่าคนหรือทำมิดีเป็นแน่นอน เมื่อวิเคราะห์แล้วอุ๋ยเอี๋ยนช่วยเหลือประชาชนนั้นถูกต้องแล้ว แต่การที่ฆ่าฮันเหียนน่าจะผิด ควรจับตัวฮันเหียนแล้วให้เล่าปี่จัดการก็ว่าไป ต้องอุเบกขาเข้ามาช่วย

ฝ่ายขงเบ้งเองก็คงรู้สึกไม่กินเส้นกับอุ๋ยเอี๋ยนด้วยกระมัง ฟ้าส่งขงเบ้งมาเกิดไหงส่งอุ๋ยเอี๋ยนมาเกิดด้วย เหมือนกับการรบหลายๆครั้งที่มีไส้ศึกช่วยเหลือแต่ใน case นี้อุ๋ยเอี๋ยนคงทำโหดเกินไป

ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่ขงเบ้งไม่ยอมรับในอุ๋ยเอี๋ยนคือ อุ๋ยเอี๋ยนนั้นมีโหงวเฮ้งไม่ดี มีแววว่าจะเนรคุณคน บวกกับความไม่กินเส้นกันและความโหดของอุ๋ยเอี๋ยน ทำให้ขงเบ้งจึงต้องสั่งให้อุ๋ยเอี๋ยนไปประหาร

Sunday, October 6, 2013

#213 สองขุนพล กวนอู vs ฮองตง



เตียวหุยยกทัพมาตีเมืองบุเหลง ที่กิมสวนรักษาอยู่ เตียวหุยยกทัพไปได้ไม่นานก็สามารถยึดเมืองบุเหลงได้ จึงส่งจดหมายส่งไปให้เล่าปี่และขงเบ้ง เล่าปี่และขงเบ้งรู้ข่าวก็ยินดี จึงรีบเดินทางมา


จากนั้นเล่าปี่จึงส่งข่าวไปบอกกวนอูรักษาอยู่ที่เมืองเกงจิ๋วว่า บัดนี้จูล่งและเตียวหุยได้ยินเมืองฮุนเอี๋ยงและเมืองบุเหลงได้แล้ว ตอนนี้กำลังเตรียมการยึดเมืองเตียงสา กวนอูได้ข่าวถึงกับนั่งไม่ติด อยากจะออกไปทำผลงานบ้าง จึงรีบไปพบเล่าปี่และขออาสาไปตีเมืองเตียงสา เล่าปี่ได้ยินเช่นนั้นก็ยินดีจึงให้เตียวหุยไปรักษาเมืองเกงจิ๋วแทนกวนอู

ขงเบ้งจึงอธิบายสถานการให้กวนอูฟังว่า "อันเมืองเตียงสานี้ฮันเหียนปรกครองอยู่ ฮันเหียนเป็นคนหยาบช้า ประชาชนทั้งปวงไม่ชอบ แต่ว่าฮันเหียนนั้นมีขุนพลมือดีคนหนึ่งชื่อ ฮองตง อายุ 60 ปีแล้วแต่ฝีมือยังกล้าแข็งนัก  สามารถยิงเกาทัณฑ์ได้แม่น ซึ่งท่านจะยกทัพไปตีเมืองเตียงสานี้จึงขอให้ระวังตัวด้วย"

ขงเบ้งนั้นมีข้อมูลการรบครบถ้วนดั่งตำราพิชัยสงครมที่ว่า "รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง" ขงเบ้งจึงว่าจูล่งและเตียวหุยได้ขอทหาร 3 พันคนไปทำการ ครั้งนี้กวนอูจะว่ายังไง


กวนอูจึงว่า : "ข้าพเจ้าไม่จำเป็นต้องเอาทหารไป 3000 คนเหมือนกับเตียวหุยจูล่ง แต่ขอเพียงทหาร 500 คนข้าพเจ้าก็จะสามารถชนะฮองตงและยึดเมืองได้"

เล่าปี่และขงเบ้งพากันทัดท้วงให้กวนอูอย่าประมาทและให้เอาทหารไปเพิ่ม แต่กวนอูก็ยังเสียงแข็งที่จะยกไปเพียง 500 คน

ทุกคนต่างก็รู้ว่ากวนอููนั้นมีฝีมือเก่งกาจมาก แต่ข้อเสียของกวนอูมักที่จะชนะและต้องการเหนือกว่าคนอื่น ซึ่งเป็นข้อดีของกวนอู แต่ก็มักจะทำให้กวนอูนั้นประมาทอยู่บ่อยๆ



จากนั้นกวนอู กวนเป๋งและจิวฉอง ก็เดินทัพไปยังเมืองเตียงสา ฮันเหียนรู้ข่าวก็ยกทัพออกมารบ แต่ก็มิสามารถสู้กวนอูได้ ฮันเหียนเห็นท่าไม่ดีจึงสั่งให้ฮองตงไปรบกับกวนอู



ฮองตงและกวนอูได้พบหน้ากัน ต่างกันต่างได้ยินชื่อเสียงซึ่งกันและกัน และดูองอาจทั้ง 2 คน จากนั้นทั้ง 2 คนก็เข้ามาสู้กันอย่างสูสี คุณผู้อ่านก็คงรู้ดีว่ากวนอูนั้นมีฝีมือเก่งกาจ แม้น ฮัวหยง งันเหลียง บุนทิว ที่ว่าเก่งกาจกลับต้องจบชีวิตแก่กวนอูในพริบตา ซึ่งฮองตงขุนพลเฒ่าผู้นี้ได้รบกับกวนอูอย่างสูสี นับว่าเป็นขุนพลที่มีฝีมือเก่งกาจมากในสามก๊ก

ฮองตงนึกในใจ : "ตั้งแต่รบมายังไม่เคยรบกับใครได้สูสีเท่านี้มาก่อน"

กวนอูนึกในใจ : "ฮองตงนั้นแก่ขนาดนี้แล้วฝีมือยังเก่งกาจมาก นอกจากลิโป้แล้วยังไม่เห็นมีผู้ใดเก่งปานนี้"


ทั้งสองคนรบกันเป็นเวลานาน ฮันเหียนเห็นว่าฮองตงนั้นแก่กว่า กลัวจะหมดแรงจึงสั่งให้ทหารตีกลองถอยทัพ กวนอูและฮองตงต่างก็พากันถอย เช้าวันรุ่งขึ้นกวนอูจึงมาท้าฮองตงรบใหม่อีกครั้ง ทั้งสองคนต่างก็ใช้ง้าวรบกันอย่างสูสี เพลงง้าวกวนอูนั้นยังไม่สามารชนะเพลงง้าวของฮองตงได้

ทันใดนั้นม้าของฮองตงนั้นสะดุดหินล้มลงง้าวหลุดจากมือ กวนอูเข้าถึงตัวฮองตงแต่มิได้สังหารฮองตง

กวนอู : "เราไม่สังหารคนที่ไม่มีอาวุธอยู่ในมือ จงกลับไปเถิด พรุ่งนี้ค่อยเปลี่ยนม้าแล้วมารบกันใหม่"

ทั้งสองคนต่างก็ลากลับค่ายของตน ฮันเหียนเห็นฮองตงเสียทีก็โกรธฮองตงเป็นอันมาก ฮันเหียนจึงสั่งให้ฮองตงนั้นยิงเกาทัณฑ์ใส่กวนอู เนื่องจากว่าฮองตงผู้นี้มีชื่อเสียงในด้านการยิงเกาทัณฑ์เป็นอันมาก ฮองตงได้ยินเช่นนั้นก็รับปาก

เช้าวันต่อมาทั้งคู่จึงออกมารบกันอีกครั้ง ทั้งคู่ใช้ง้าวพาดเหวี่ยงกันสูสีเช่นเคย พอรบกันไปได้สักพักฮองตงจึงแกล้งหนี กวนอูจึงตามไปจนเข้าระยะยิงเกาทัณฑ์ ฮองตงเห็นว่ากวนอูมิรู้กลจึงใช้นิ้วดีดสายเกาทัณฑ์ กวนอูเห็นจึงหลบ แต่ก็ไม่พบลูกเกาทัณฑ์ ฮองตงเห็นว่ากวนอูยังตามอยู่จึงใช้นิ้วดีดสายเกาทัณฑ์รอบที่สองเพื่อเตือน กวนอูก็หลบเช่นเคยแต่ไม่พบลูกเกาทัณฑ์

ครั้งที่สามฮองตงใช้ลูกเกาทัณฑ์จริงเล็งไม่ที่กวนอู แต่ฮองตงสำนึกบุญคุณในน้ำใจที่กวนอูไม่สังหารตนเมื่อวานนี้ ฮองตงจึงตัดสินใจยิงเกาทัณฑ์ไปที่หมวกกวนอู กวนอูโดนเกาทัณฑ์ยิงใส่หมวกก็ตกใจ ได้เห็นความแม่นยำของฮองตงอย่างสมคำล่ำลือ แล้วตนก็รู้ว่าฮองตงนั้นแกล้งยิงพลาดเพื่อทดแทนบุญคุณตน จึงซึ้งน้ำใจฮองตงเช่นกัน


ฝ่ายฮันเหียนเห็นฮองตงยิงพลาดก็สงสัยว่าฮองตงนั้นมีใจออกห่างจึงสั่งให้ทหารนำตัวฮองตงไปประหารชีวิต

วิเคราะห์
การสู้รบระหว่าง 2 ขุนพลนี้ช่างสูสีกันเหลือกัน หลายคนถามว่าใครเก่งกว่ากัน แหม ตอบยากเหมือนกันนะ แต่เมื่อวิเคราะห์ดีๆแล้วผมว่า ฮองตงเก่งกว่า ถึงแม้ในใจผมจะชอบกวนอูด้วนก็เหอะ มาดูผมวิเคราะห์กัน

1.ฮองตงนั้นแก่กว่า แต่สามารถต้านทานพลังหนุ่มได้
2.ฮองตงใช้ม้าธรรมดาในการรบ แต่กวนอูใช้มาเซ็กเธาว์เทพเจ้าม้าแห่งตำนานที่มีความเร็ว ความอึดและความแข็งแกร่งสูง
3.ฮองตงมีความเหนือกว่าทางด้านการยิงเกาทัณฑ์ ผมไม่แต่ใจว่าหากคนยิงเกาทัณฑ์กับคนง้าวมาสู้กัน คนเกาทัณฑ์จะขี้โกงกว่าหรือปล่าว? แต่ยังไงก็ตามเหมืองว่าฮองตงนั้นได้ทั้งง้าวและเกาทัณฑ์ ก็ดูเหมือนจะครบเครื่องกว่า

แต่ถ้าหากความเป็นผู้นำ นำทัพทำศึก ผมว่ากวนอูน่าจะพร้อมกว่าในหลายๆด้านเช่นกัน ต่างคนต่างเก่งคนละแบบแต่ดูจากในวรรณกรรมหลายๆตอน กวนอูมักจะแสดงความเก่งกาจอยู่เสมอๆ

ท้ายสุดขอฟันธงอย่างลำเอียงซูฮกกวนอูว่าเจ๋งกว่าหล่ะกันครับ :)

คุณผู้อ่านคิดยังไงกันครับ ช่วยกันออกความเห็นคิดวิเคราะห์กันลง comment กันได้นะครับ จะได้มุมมองในหลายๆแบบ