หลังจากโจโฉเลิกทัพเมืองกิจิ๋วแล้ว ก็เตรียมทัพเดินหน้าเข้าประชิดเมืองเกงจิ๋วของเล่าเปียว เล่าเปียวรู้ข่าวจึงสั่งให้เล่าปี่ยกทัพไปคุมเชิง โจโฉยกทัพได้ไม่นานอ้วนถำก็ส่งหนังสือมาขอเข้าร่วมกับโจโฉและให้โจโฉยกทัพไปตีอ้วนซง
ซุนฮิวที่ปรึกษานั้นได้วิเคราะห์เน้นเรื่องความร้อนความเย็นของสงคราม ว่าควรทำสงครามกับใคร ซึ่งณ ตอนนี้ศรัตรูของโจโฉนั้นคือตระกูลอ้วนทางภาคเหนือ และ เล่าปี่ที่ไปอาศัยกับเล่าเปียว แต่เล่าเปียวก็มิได้มีข้าบาดหมางกับโจโฉแต่อย่างใด
โจโฉได้ฟังซุนฮิวก็เห็นด้วยทั้งเหตุและผล จึงยกทัพขึ้นเหนือ และยกทัพคุมเชิงทั้ง 2 ด้านคือ ด้ายอ้วนซงและด้านอ้วนถำ ถึงแม้นว่าจะได้หนังสืออ้วนถำแล้วโจโฉก็ยังระแวงอยู่ ส่วนทางด้านเมืองกิจิ๋ว โจโฉได้ออกบุบายขุดอุโมงแต่สิมโพยรู้กลทำลายแผนการโจโฉอย่างย่อยยับ กองทหารโจโฉล้มตายเป็นอันมาก
โจโฉรบกับอ้วนซงมาเป็นเวลานานแต่ก็ยังมิอาจตีได้ เขาฮิวจึงเสนอให้โจโฉว่าถ้าหากคูเมืองเอ่อล้น น้ำจะไหลท่วมเมืองกิจิ๋ว คงจะชนะเป็นแน่แท้ เขาฮิวใช้แผนน้ำท่วมเมืองเสนอโจโฉ โจโฉก็เห็นด้วยทุกประการ
โจโฉและสิมโพยได้ต่อสู้ขับเขี้ยวกันมาโจโฉเห็นสิมโพยมีสติปัญญาก็อยากเลี้ยงดู แต่สิมโพยไม่ยอมรับที่จะอยู่กับโจโฉ โจโฉจึงสั่งให้นำตัวสิมโพยไปประหาร ต่อมาสิมโพยได้คุกเข่าลงกับพื้น หันหน้าไปทางทิศเหนือแล้วว่า "ข้าพเจ้าสิมโพยเป็นข้าของตระกูลอ้วน ไว้ชาติหน้าหากมีจริงก็จะขอเป็นบ่าวตระกูลอ้วนต่อไป"
สิมโพยก็ถูกประหารในที่สุด โจโฉเห็นสิมโพยรักเจ้านายเป็นอันมากก็ยกย่องสรรเสริญสิมโพยกล้าหาญและกตัญญูต่อนายว่าเป็นวีรชน
พอโจโฉเห็นทหารคุมตันหลิมเข้ามาที่ในค่าย จึงลุกขึ้นยืนหัวเราะแล้วว่า ไม่ได้พบกันเสียนาน ท่านสบายดีหรือ? (ตันหลิมผู้นี้คือผู้ที่เขียนหนังสือด่าบรรพบุรุษโจโฉ ในขณะที่โจโฉปวดหัวไม่สบายพอได้ฟังคำด่าจากหนังสือตันหลิมเลือดลมโกรธก็ไหลพล่านทำให้โจโฉหายจากอาการป่วย)
ตันหลิมตอบไปว่าที่เขียนด่าไปก็ทำตามคำสั่งนาย การเขียนทั้งทีต้องเขียนด่าให้แบบสุดๆ ทหารได้ยินไม่พอใจจะฆ่าตันหลิมแต่โจโฉได้มาห้ามไว้ โจโฉเห็นตันหลิมเป็นอาลักษณ์มีฝีมือดี มีความรู้ประวัติศาสตร์และการแผ่นดินยากหาผู้ใดเทียบ
โจโฉจึงกล่าวกับตันหลิมว่า "ตัวท่านเป็นอาลักษณ์ที่มีความรอบรู้ทางประวัติศาสตร์และอักษรศาสตร์ ชอบที่จะใช้ความรู้และความสามารถนั้นให้เป็นคุณแก่แผ่นดินสืบไป ตัวเรานี้มีน้ำใจรักผู้มีสติปัญญาความสามารถ ถึงแม้ท่านได้กล่าวหาว่าร้ายเราตั้งแต่โคตรตระกูลมาถึงตัวเราจนความแพร่หลายไปทั้งแผ่นดิน เราจะไม่ถือโทษเพราะถือเสียว่าความที่ท่านกล่าวนั้นท่านทำไปตามคำสั่งของอ้วนเสี้ยวเราจะเลี้ยงดูให้ท่านเป็นขุนนางที่อาลักษณ์ ทำหน้าที่บันทึกจดหมายเหตุของแผ่นดินสืบไป ท่านจะปลงใจอยู่ด้วยเราหรือไม่?"
โจโฉใช้นิสัยใจนักเลงวัดใจกับตันหลิม ไม่ล้างแค้นส่วนตัว มีใจรักคนเก่งมีความสามารถจึงเสนอไปเช่นนั้น ตันหลิมได้ฟังเช่นนั้นก็เหมือนว่าตัวเองตายแล้วเกิดใหม่ ขอรับใช้แทนคุณโจโฉสืบต่อไป