Sunday, December 13, 2015

ที่ปรึกษาแนะนำ ผู้นำตัดสินใจ


มาดูว่า 3 ข้อต่อไปนี้ ข้อไหนถูกที่สุด
1.เชื่อที่ปรึกษา
2.ไม่เชื่อที่ปรึกษา
3.เชื่อไม่เชื่อไม่รู้ เอาตามเสียงส่วนมากหล่ะกัน

ข้อ 1
โจโฉเดินทัพบุกกังตั๋ง เจียวก้านให้ความเห็นว่าควรเกลี้ยกล่อมจิวยี่ให้ยอมแพ้ โจโฉจึงเชื่อเจียวก้าน หลังจากนั้นเจียวก้านได้เดินทางไปหาจิวยี่ แต่โดนจิวยี่ซ้อนกล โดยการเป่าหูเจียวก้านว่า ชัวมอ เตียวอุ๋นเป็นไส้ศึก เมื่อเจียวก้านนำความไปแจ้งโจโฉ โจโฉจึงสั่งให้ประหาร ชัวมอ เตียวอุ๋น 2 แม่ทัพที่มีหน้าที่ฝึกหัดการสงครามทางเรือ ทั้ง 2 จึงจบชีวิตลง

ข้อ 2
เล่าปี่แค้นที่ซุนกวนที่เป็นต้นเหตุให้กวนอูตาย จึงยกทัพใหญ่ไปรบ ขงเบ้งไม่เห็นด้วยแต่เล่าปี่ไม่ฟังความที่ปรึกษา ยกกองทัพไปตายเกลี้ยง พร้อมทั้งเสีย 2 ทหารเอก เตียวหุย ฮองตง

ข้อ 3
เล่าปี่ฆ่ากิเหมาซึ่งเป็นขุนพลของโจโฉและยึดชีจิ๋วกลับมาได้ เล่าปี่จึงส่งหนังสือไปบอกอ้วนเสี้ยวให้ร่วมช่วยกันตีโจโฉ อ้วนเสี้ยวไม่รู้จะทำเช่นไรจึงเรียกที่ปรึกษามาคุย ฝ่ายเตียนห้องชีสิว เห็นว่า "ไม่ควรยกทัพไป" ทางด้านสิมโพย กัวเต๋าบอกว่า "เป็นโอกาสดีควรไป" ทั้ง 4 คนโต้เถียงกัน อ้วนเสี้ยวมึนงงไม่รู้จะฟังความข้างไหน ความเห็น 2 เสียงเท่ากัน ทันใดนั้น เขาฮิวและซุนขามเข้ามา อ้วนเสี้ยวจึงถามว่าควรทำอย่างไร ทั้ง 2 จึงลงความเห็นว่าควรยกทัพไปตีโจโฉ อ้วนเสี้ยวจึงเชื่อฟังเสียงส่วนมาก จึงเป็น "โอกาส" ให้อ้วนเสี้ยวนั้นมีชัยเหนือโจโฉ (ความเห็นส่วนตัว หาอ้วนเสี้ยวต้องการปราบโจโฉ ผมเชื่อว่าการยกทัพไปร่วมกับเล่าปี่ ดีกว่าการยกทัพไปฝ่ายเดียว)

สรุปคือ ที่ปรึกษาดีๆมีเยอะ แต่บางครั้งก็เชื่อได้ บางครั้งก็เชื่อไม่ได้ บางครั้งเชื่อเสียงส่วนมากดันออกมาดี แต่บางครั้งเสียงส่วนมากพาล่มจมก็มี ผมจึงตั้งหัวข้อขึ้นมาว่า "ที่ปรึกษาแนะนำ ผู้นำตัดสินใจ" หากเกิดการผิดพลาดขึ้นมาคุณควรที่จะรับผิดชอบการตัดสินใจนั้ มิใช่โยนความผิดให้ที่ปรึกษา (พอผลออกมาดีชมว่าเป็นการตัดสินใจตน พอผิดพลาดโทษว่าเป็นความเห็นของที่ปรึกษา)

อันนี้แค่ตัวอย่างนะครับ โจโฉ เล่าปี่ อ้วนเสี้ยว จะเป็นแบบนี้ทั้งเรื่อง

ท้ายสุดอยากจะฝากว่า คุณอย่าฝากความหวังทุกสิ่งทุกอย่างไว้กับ consult และ การเป็นผู้นำนั้นไม่ได้ง่ายเลย ผมบอกได้เลยว่าสิ่งที่ยากสุดของการเป็นผู้นำคือ "การตัดสินใจ" มันคือตัวที่ตัดสินทุกๆสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาต

Thursday, December 3, 2015

โจโฉหัวเราะร่า กับ เล่าปี่เสียน้ำตา


ในวรรณกรรมสามก๊กโจโฉและเล่าปี่ ล้วนเป็นระดับ Top management ทั้ง 2 คนต่างก็มีบุคลิกที่คล้ายกันเช่น เรื่องความเพียร ความทะเยอทะยาน มุ่งมานะ แต่ก็มีบุคลิกหลายๆอย่างที่แตกต่างเช่นกัน หลอกว้านจงได้กล่าวถึงการบีบน้ำตาของเล่าปี่ในหลายๆตอน และ การหัวเราะร่าของโจโฉ หลายๆตอนเช่นกัน

ถ้าพูดถึงโจโฉนั้น โจโฉเป็นคนมีอารมณ์ขัน หัวเราะได้ทุกเวลา หัวเราะแบบไม่รู้จักเวล่ำเวลาก็มี 555 ชนะก็หัวเราะ แพ้ก็หัวเราะ

- ตอนที่โจโฉหัวเราะขุนนางที่นั่งร้องไห้กันว่า พวกท่านจะใช่น้ำตาฆ่าตั๋งโต๊ะเช่นนั้นหรือ
- ในศึกที่ออกรบ โจโฉจะหัวเราะเหยียดหยามคู่ต่อสู้
- ในครั้งที่แพ้ศึกลิโป้มา โจโฉก็หัวเราะร่าว่าข้าถูกอุบายลิโป้เข้าเสียแล้ว
- โจโฉแตกทัพในศึกเซ็กเพ็ก หนีมาทางคับแคบ หัวเราะความคิดของขงเบ้งและจิวยี่ว่าหาก 2 คนนั้นมาตั้งกองทัพดักไว้ ตนเองจะหนีไปไหน หัวเราะแบบนี้อยู่ถึง 3 ครั้ง

ถ้าพูดถึงเล่าปี่ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องการเสียน้ำตา หลายคนตั้งคำถามมากว่า เล่าปี่ร้องไห้กี่ครั้ง ผมก็ไม่ทราบ แต่ที่แน่ๆในสถานการณ์ที่คับขัน เสียใจ ดีใจ อาลัยอาวร เล่าปี่ก็บีดน้ำตาออกมา ไม่ว่าจะเป็น

-ตอนที่พบกวนอูเตียวหุยแล้วตกลงเป็นพี่น้องกัน
- ร้องไห้รักเตียวหุยตอนเสียเมืองชีจิ๋วให้ลิโป้
- ตอนที่แตกทัพหนีโจโฉเล่าปี่สงสารประชาชนที่ติดตามมาซึ่งได้รับความลำลากยิ่งนัก
- ร้องไห้รักจูล่งที่อุส่าห์ผ่าด่านช่วยอาเต้าตนจูล่งเกือบเสียชีวิต
- ร้องไห้ให้ซุนฮูหยินช่วยพาหนีจากการโจมตีของทหารของจิวยี่
ฯลฯ

นี่ก็เป็น 2 บุคลิกที่แตกต่างกันระว่างโจโฉและเล่าปี่ เมื่อยามวิกฤตโจโฉหัวเราะให้โชคชะตาของตน ในทางกลับกันเมื่อยามวิกฤตเล่าปี่ร้องไห้ให้กับชะตาของตน ไม่ว่าจะเป็นการหัวเราะหรือร้องไห้ ทั้ง 2 คนก็ผ่านวิกฤตมาจนเป็นใหญ่ขึ้นมาได้

ปล.มาสคาร่าเล่าปี่เลอะหมดแล้ว - -a