Tuesday, March 20, 2012

#106 โจโฉโดนลอบทำร้าย


โจโฉไม่ได้ข่าวคราวทางด้านเมืองเกงจิ๋วว่าจะสวามิภักดิ์หรือไม่ ดังนั้นจึงคิดยกกองทัพไปตีเมืองเกงจิ๋วเสียก่อน แล้วจึงค่อยทำสงครามใหญ่กับอ้วนเสี้ยว

ซุนฮกบอกว่า "ตอนนี้ยังไม่รู้แน่ชัดว่าเล่าเปียวจะยืนอยู่ข้างไหนหากท่านยกทัพไปตีก็จะบีบบังคับให้เล่าเปียวนั้นเข้าร่วมด้วยกันอ้วนเสี้ยว" โจโฉได้ยินเช่นนั้นก็เห็นชอบด้วย

ทางด้านตังสินหลังจากเล่าปี่และม้าเท้งออกจากเมืองหลวงไปแล้ว ได้ร่วมปรึกษาหารือกับเพื่อนขุนนางที่ได้ร่วมลงนามในปฏิญญากันอยู่เรื่อยๆ ตังสินคิดมากจนตัวเองต้องป่วย เกียดเป๋งซึ่งเป็นหมอก็ได้มาดูแลอาการของตังสิน

 

ในขณะที่ตังสินหลับ ตังสินได้ฝันว่า ม้าเท้ง เล่าปี่ หันซุยและอ้วนเสี้ยว เข้ามารุมตีเมืองหลวงแลัวสังหารโจโฉได้สำเร็จ ตังสินจึงเผลอละเมอขึ้นมาว่า "โจโฉศัตรูราชสมบัติถูกตัดศีรษะแล้ว" จากนั้นก็สะดุ้งตื่น

หมดเกียดเป๋งที่เฝ้าไข้อยู่นั้นก็ได้ยินก็ขอเข้าร่วมอุดมการณ์ด้วย แต่แล้วเหตุการก็ไม่คาดคิดความรู้ไปถึงหูของโจโฉ โจโฉโกรธมาก โจโฉจึงแกล้งป่วยเรียกหมดเกียดเป๋งมารักษา จากนั้นหมอเกียดเป๋งก็ผสมยาพิษนำมาให้โจโฉดื่ม

โจโฉรู้ทันก็ไม่ยอมดื่มและยังบอกว่าให้หมอนั้นดื่มให้ดูก่อน แต่หมอเกียดเป๋วก็ไม่ดื่ม หมอเกียดเป๋งพยายามจับหัวโจโฉให้ดื่มยา โจโฉจึงเอามือปัดยาหกลงพื้น ฟองฟูจนพื้นอิฐกลายเป็นสีดำและยุ่ยเปื่อย

ว่าแล้วโจโฉก็สั่งให้ทหารตัดหัวหมอเกียดเป๋งเสียแต่ก่อนที่จะประหารนั้นได้ทรมานเป็นอย่างหนักโจโฉถามถึงผู้ร่วมอุดมการณ์แต่หมอเกียดเป๋งก็มิยอมพูด โจโฉจึงสั่งให้จับขังไว้เสียก่อน

จากนั้นโจโฉจึงจับตัว จูฮก จูลัน ตันอิบ โงห้วน มาไต่ถามแต่ 4 คนนี้ก็ไม่ยอมบอก โจโฉจึงไปถามตังสิน ตังสินก็มิปริปากบอก โจโฉจึงเรียกตัวหมอเกียดเป๋งมายืนยันต่อหน้า หมอเกียดเป๋งก็ไม่ยอมพูด

 

โจโฉโกรธมาจึงสั่งให้ทหารตัดนิ้วออกให้หมด แต่หมอเกียดเป๋งก็ยังไม่พูดแม้แต่ความเดียวซ้ำยังด่าว่าโจโฉ โจโฉจึงสั่งให้ทหารตัดลิ้นหมดเกียดเป๋งเสีย หมอเกียดเป๋งได้รำพึงว่าตนข้าราชการของพระเจ้าเหี้ยนเต้บัดนี้ไม่สมความคิด จากนั้นจึงเอาหัววิ่งชนเสาจนจบชีวิต



Friday, March 16, 2012

#105 ยี่เอ๋งปากพาตาย





ต่อมาโจโฉได้จัดงานสโมสรสันนิบาตในเมืองหลวง เชิญบรรดาขุนนางข้าราชการมากินโต๊ะ และยีเอ๋งนั้นมีหน้าทื่ตีกล้องต้อนรับแขก ผู้คนมากหน้าหลายตาต่างกันแต่งตัวอย่างสวยงามมีแต่ยี่เอ๋งเท่านั้นที่กลับใส่เสื้อขาดกะรุ่งกะริ่ง

ถึงยี่เอ๋งจะแต่งตัวไม่ดีแต่ก็ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ตีกลองอย่างไพเราะ จากนั้นยี่เอ๋งก็หยุดตีกลอง ทำให้ผู้คนต่างหันมามองยี่เอ๋ง จากนั้นยี่เอ๋งจึงถอดเสื้อและกางเกงเหลือแต่ตัวเปลือยเปล่า แล้วตีกลองขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

 

ทุกคนที่เห็นก็พากันหันหน้าหนี บ้างก็เอามือปิดตา โจโฉเห็นยีเอ๋งทำเช่นนั้นก็โกรธ เดินมาว่ายี่เอ๋งว่า "อ้ายนี่หยาบช้านักแกล้งทำให้ข้าขายหน้าหรือ?"

ยี่เอ๋ง : "ข้าพเจ้าถอดเสื้อและกางเพราะเหตุว่ากายนี้ที่พ่อแม่ให้มาเป็นของที่สะอาด"

โจโฉ : "แล้วเจ้าเห็นกายใครโสโครกเล่า?"

ยี่เอ๋ง : "มึงนั้นไม่รู้จักว่าผู้ใดเป็นเมธา ผู้ใดโง่เขลา นี่คือจักษุโสโครก ไม่ศึกษากาพย์กลอนหนังสือ นี่คือปากมึงโสโครก ไม่ยอมรับฟังวาจาที่ซื่อสัตย์ นี่คือหูมึงโสโครก ไม่ถ่องแท้ประวัติศาสตร์จากอดีตถึงปัจจุบัน นี่คือร่างมึงโสโครก ไม่อะลุ้มอล่วยต่อบรรดาเจ้าพระยาผู้ครองเมือง นี่คือท้องมึงโสโครก จิตใจมึงนั้นมุ่งคิดก่อการกบฏอยู่เป็นเนืองนิจ นี่คือจิตใจมึงโสโครก"

โจโฉได้ฟังดังนั้นก็โกรธรีบเดินเข้าไปหายี่เอ๋ง ขงหยงเห็นเหตุการณ์ก็ตกใจเพราะคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่แนะนำยี่เอ๋งให้จึงรีบมาคำนับขอร้องชีวิตให้ยี่เอ๋ง

โจโฉจึงได้เย็นลง ผู้คนต่างก็ชื่นชมโจโฉที่เป็นคนมีความอดทนสูง ก็กลายเป็นเครดิตดีแก่โจโฉไปเลย

ต่อก็โจโฉก็ได้มอบหมายให้ยี่เอ๋งไปเกลี้ยกล่อมเล่าเปียวโดยแท้จริงโจโฉนั้นต้องการยืมมือของเล่าเปียวฆ่ายี่เอ๋ง

ครั้งยี่เอ๋งมาถึงเมืองเกงจิ๋วก็ยกตนข่มท่านดูหมิ่นเล่าเปียวตามประสายีเอ๋ง เล่าเปียวได้ยินก็โกรธแต่เล่าเปียวรู้ทันว่าโจโฉคงใช้ให้เราสังหารยี่เอ๋งเป็นแน่แท้ เล่าเปียวจึงบอกยี่เอ๋งไปว่า

 

เล่าเปี่ยว : "งั้นให้เจ้าไปกล่อมหองจอเจ้าเมืองกังแฮ ให้ได้เสียก่อน ถ้าทำได้เราก็จะยอมเข้าร่วมด้วยโจโฉ"

และนี่ก็เป็นแผนการของเล่าเปียวที่ต้องการยืมมือหองจอฆ่ายี่เอ๋งเสีย ต่อมายี่เอ๋งจึงเดินทางมาที่เมืองกังแฮได้พบกับหองจอ หองจอได้ถามยีเอ๋งว่า

หองจอ : "ในเมืองหลวงมีขุนนางผู้ใดมีสติปัญญาหลักแหลมบ้าง"

ยีเอ๋ง : "เห็นมีแต่ขงหยงกับเอียวปิว นอกนั้นยังไม่เห็นมีผู้ใดเลยที่มีสติปัญญา"

 

หองจอ : "ระหว่างตัวเรากับขงหยงหรือเอียวปิวนั้น ท่านเห็นว่าใครมีสติปัญญามากกว่ากัน"

ยีเอ๋งก็ได้พูดทับถมหองจออย่างเสียๆหายจนหองจอทนไม่ได้ชักกระบี่ออกฟันยีเอ๋งสิ้นใจตาย

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าแม้มีสติปัญญามากเพียงใดก็มิอาจทำงานใหญ่หรือทำให้ผู้คนชอบได้ ดังนั้นคนที่เก่งจะต้องพูดจาดี ไม่หยิ่งจองหอง ไม่ยกตนข่มท่าน จะเป็นประโยชน์ต่อตนมากกว่า หากแต่ถึงเวลาต้องใช้ปัญญาแล้วก็ควรใช้ความสามารถอย่างระมัดระวัง : )

Thursday, March 15, 2012

#104 ยี่เอ๋งผู้ทรนง


หลัวจากโจโฉได้เตียวสิ้วมาเป็นพวกแล้วโจโฉจึงปรึกษาซุนฮิวว่าจะเกลี้ยกล่อมเล่าเปียวได้อย่างไร ซุนฮิวจึงเสนอว่าให้ขงหยงไปทำการน่าจะเหมาะ แต่ขงหยงรู้ว่าตนไม่มีสติปัญญามากนักจึงเสนอยี่เอ๋งไป โจโฉและซุนฮิวก็เห็นด้วย

 

ต่อมาก็ให้พระเจ้าเหี้ยนเต้ทำราชโองการเรียกตัวยี่เอ๋งมา จากนั้นโจโฉก็เรียกยี่เอ๋งไปพบที่จวน พอโจโฉเห็นกิริยาท่าทางของยีเอ๋งก็ไม่ชอบนัก ยี่เอ๋งเห็นอาการโจโฉก็ไม่พอใจเช่นกัน ยิ่งเอ๋งก็พูดขึ้นมาว่า "เสียดายยิ่งนัก ทอดตาทั่วแผ่นดินกว้างใหญ่ แลไม่เห็นคนดีมีสติปัญญาแม้แต่สักคน"

 

โจโฉ : "แผ่นดินเรานี้ที่ปรึกษาแลทหารที่มีฝีมือก็มีเป็นอันมาก เหตุไฉนตัวจึงว่าไม่มีคนดี"

ยี่เอ๋ง : "ไหนลองเอ่ยนามให้ข้าพเจ้าฟังหน่อยเป็นไร"


โจโฉ : "ซุนฮก ซุนฮิว กุยแก เทียหยก ทั้งสี่คนนี้เป็นที่ปรึกษาซึ่งมีสติปัญญาเป็นอันมาก ส่วนทหารเอกที่มีฝีมือนั้นคือเตียวเลี้ยว เคาทู ลิเตียน งักจิ้น ทั้งสี่คนนี้มีฝีมือกล้าแข็งในการสงคราม ส่วนทหารเอกที่มีฝีมือนั้นคือเตียวเลี้ยว เคาทู ลิเตียน งักจิ้น ทั้งสี่คนนี้มีฝีมือกล้าแข็งในการสงคราม นอกจากนี้ยังมีลิยอย หมันทอง เป็นที่ปรึกษารอง และแฮหัวตุ้น อิกิ๋ม ซิหลง เป็นทหารรอง และยังมีระดับเดียวกันนี้อีกเป็นจำนวนมาก เหตุไฉนเจ้าจึงว่าแผ่นดินนี้หาผู้มีสติปัญญากล้าหาญมิได้"

ยี่เอ๋ง : "ฮ่าๆ คนเหล่านี้นะหรือที่จะเรียกว่าเป็นคนมีสติปัญญาความสามารถ อันซุนฮกนั้นหน้าเหมือนหนึ่งจะร้องไห้ ชอบแต่ให้เยี่ยมไข้ส่งสักการศพ  ซุนฮิวนั้นชอบแต่ให้เป็นสัปเหร่อรักษาศพ เทียหยกนั้นชอบแต่ใช้ให้เฝ้าจำหล่อ   กุยแกนั้นชอบแต่ให้แต่งโคลงและอ่านบัตรหมาย เตียวเลี้ยวนั้นชอบแต่ให้ตีกลองแลระฆัง เคาทูนั้นชอบแต่ให้เลี้ยงวัวแลม้า ลิเตียนนั้นชอบแต่ให้อ่านฟ้อง งักจิ้นนั้นชอบแต่ให้เดินหมาย ลิยอยนั้นชอบแต่ใช้ให้ชำระอาวุธ หมันทองนั้นชอบแต่ให้เสพสุรากับกระดูกสุกร อิกิ๋มนั้นชอบแต่ให้แบกกระดานไปทำค่าย ซิหลงนั้นชอบแต่ให้ฆ่าสุกรขาย แฮหัวตุ้นนั้นชอบแต่ให้คอยรักษาตัวอย่าให้ข้าศึกตัดเอาศีรษะแลแขนซ้ายขวาไปได้ อันที่ปรึกษาแลทหารนอกนั้นชอบแต่ให้หาบเสบียงส่งกองทัพ ซึ่งท่านนับถือว่ามีสติปัญญากล้าหาญนั้นไม่เห็นด้วย"


โจโฉ : "ท่านว่าแต่คนอื่นแล้วตัวท่านดียังไงกัน"

ยี่เอ๋ง : "ตัวเรานี้มีความรู้เจนจบทั้งเดือนดาวในนภากาศ การศาสนา ลัทธิ ล้วนรู้แจ้งหมด แม้ในการปกครองแผ่นดินเราก็สามารถถวายคำแนะนำให้ฮ่องเต้ สามารถอบรมแนะนำประชาราษฎรทั่วแผ่นดินเหมือนกับขงจื๊อก็ได้ ฉะนี้แล้วท่านจะเอาตัวเราไปเปรียบเทียบกับคนสามัญได้อย่างไร"

ต่างคนต่างก็กล่าวยั่วโมโหกัน (บ้านผมเรียกว่าเกรียนใส่กัน - -'')

ในขณะนั้นเตียวเลี้ยวยืนฟังคำยีเอ๋งอยู่ก็โกรธตาม ถอดกระบี่ออกจากฝักจะฟันยีเอ๋งเสีย แต่โจโฉก็ห้ามเตียวเลี้ยวไว้

โจโฉ : "ทางราชการขณะนี้ยังขาดคนตีกลองต้อนรับแขกดังนั้นข้าจะให้เจ้ารับหน้าที่นี้ไป"

ยี่เอ๋งก็นิ่งไม่ตอบอะไรประการใด จากนั้นทั้ง 2 ก็แยกย้ายกันไป

 

เตียวเลี้ยวสงสัยที่โจโฉไว้ชีวิตยีเอ๋ง โจโฉจึงกล่าวว่า "เราได้ยินกิตติศัพท์ลืออยู่ว่ายีเอ๋งคนนี้มีสติปัญญากล้าหาญ มิได้ยำเกรงผู้ใด ครั้นเราจะให้ฆ่าเสีย คนทั้งปวงก็จะครหานินทาว่ามีผู้รู้เท่าสิฆ่าเสีย จึงอยากจะเลี้ยงดูไว้"

วิเคราะห์
นี่ก็เป็นข้อดีของโจโฉที่มองการณ์ไกล กลัวคนด่าว่าภายให้ โจโฉจึงมีแผนทำให้ยี่เอ๋งผู้นี้อับอาย พูดง่ายๆว่าต่างคนต่างมี ego สูงพอตัว
โดยตัวยี่เอ๋งเองที่ไม่ตอบตอนที่โจโฉจะให้ไปตีกล้อง เนื่องจากว่า ยี่เอ๋งเองก็คงจะแก้เผ็ดให้โจโฉนั้นได้อายบ้างเหมือนกัน

ไหนๆโจโฉก็อวดแม่ทัพและกุนซื่อให้ฟังแล้ว มาดูหน้าตาแต่ละคนกัน เผื่อจะลืมๆกันแล้ว


ที่ปรึกษา



ทหารเอก

 


ทหารรอง

 


ทหารที่ไม่ได้กล่าวถึง
 



แม่ทัพโจโฉเยอะมากเอาไว้จะสรุปให้ฟังอีกทีมีใครบ้างยังไงก็ดูหน้าตาโหดๆไปพลางๆก่อนหล่ะกันครับ ^ ^


Wednesday, March 14, 2012

#103 เตียวสิ้วยอมแพ้




หลังจากเล่าปี่ได้ปล่อย อองต๋ง เล่าต้าย ไปได้ไม่นาน  กวนอู เตียวหุยก็ขี่ม้าไล่ตามหลัง อองต๋ง เล่าต้าย แล้วขู่ว่า หากทั้ง 2 คนนั้นไม่บริสุทธิใจก็จะฆ่าเสีย อองต๋ง เล่าต้าย ได้ยินเช่นนั้นก็ยำเกรงมากกว่าเดิม

วิเคราะห์
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งแผนการของเล่าปี่ที่ปล่อยตัวอองต๋ง เล่าต้ายไป แต่กลัว 2 คนนี้กลับมาคิดร้ายต่อตนอีกจงส่งกวนอูเตียวหุยไปขู่ช้ำอีกครั้ง

 

กวนอู และ เตียวหุยก็ขี่ม้ากลับเมือง เล่าปี่จึงเรียกทั้ง 2 เข้ามาประชุมการรับมือกับโจโฉอีกครั้ง เพราะเล่าปี่นั้นรู้อยู่แล้วว่าโจโฉนั้นคงไม่ฟังคำของ อองต๋งกับเล่าต้าย ยังไงโจโฉก็ต้องเข้ามาตีเมืองชีจิ๋วแน่ๆ

หลังจากคุยกันก็ได้แผนดังนี้
- ให้กวนอูคุมทหารนำครอบครัวของเล่าปี่ไปอยู่ที่เมืองแห้ฝือ
- ให้ซุนเขียนกับตันหยง บิต๊ก บิฮอง คุมทหารอยู่รักษาเมืองชีจิ๋ว
- ส่วนเล่าปี่กับเตียวหุยคุมทหารไปรักษาเมืองเสียวพ่ายซึ่งเป็นเมืองหน้าด่าน

 

หลังจากอองต๋งและเล่าต้ายกลับไปรายงานแก่โจโฉ โจโฉก็โกรธที่ทหารทั้ง 2 เสียรู้เล่าปี่ จังสั่งให้นำตัวทั้ง 2 ไปประหาร แต่ขงหยงก็ได้มาห้ามปรามไว้

 

จากนั้นโจโฉจึงปรึกษาขงหยงว่า จะทำอย่างไรต่อไปดี ขงหยงจึงบอกว่า ช่วงนี้เป็นหน้าหนาวไม่ควรออกรบ ควรที่จะรีบเร่งไปเกลี้ยกล่อมเตียวสิ้วกับเล่าเปียวจะดีกว่า โจโฉได้ฟังเช่นนั้นก็เห็นด้วย

 

จากนั้นโจโฉก็สั่งให้เล่าหัวไปทำการเกลี้ยกล่อมเตียวสิ้ว เล่าหัวได้เดินทางไปยังเมืองของเตียวสิ้วพบกับกาเซี่ยง ทั้ง 2 ก็ได้คุยกันจนกาเซี่ยงเอนเอียงไปด้วย

 

วันต่อมากาเซี่ยงได้เข้าไปพบเตียวสิ้วแล้วก็โนมน้าวเตียวสิ้วให้เข้าร่วมกับโจโฉ ไม่ทันนานทูตของอ้วนเสี้ยวก็มาถึงซึ่งทูตของอ้วนเสี้ยวนั้นก็มาเกลี้ยกล่อมเตียวสิ้วเหมือนกัน เตียวสิ้วนั้นรู้ดีว่าหากไปเข้าร่วมกับอ้วนเสี้ยวนั้นก็รู้ว่าอ้วนเสี้ยวไม่สามารถที่จะชนะโจโฉได้แน่ๆ จึงยอมเข้าร่วมกับโจโฉ

เตียวสิ้วได้เดินทางไปหาโจโฉที่เมืองฮูโต๋ โจโฉก็ดีใจเป็นอันมาก จึงแต่งตั้งให้เตียวสิ้วเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ฝ่ายทหารและแต่งตั้งกาเซี่ยงเป็นที่ปรึกษาตั้งแต่บัดนั้น

Monday, March 12, 2012

#102 แผนลึกซึ้งของเล่าปี่





หลังจากกวนอูได้จับตัวอองต๋งมาได้แล้ว เตียวหุยก็อาสาไปจับเล่าต้ายบ้าง เล่าปี่ก็ติงเตียวหุยกลัวจะเสียการณ์ เตียวหุยได้อาสาเสียงแข็งจนเล่าปี่ต้องใจอ่อน


เล่าต้ายรู้ข่าวว่าอองต๋งถูกกวนอูจับไปก็ตกใจกลัวไม่กล้าออกรบ เตียวหุยส่งคนไปท้ารบเล่าต้ายก็ไม่ยอมออกรบ เตียวหุยเห็นเล่าต้ายไม่ยอมออกรบจึงคิดอุบาย

เตียวหุยจึงดึ่มเหล้าเมามายจับทหารมาตีจนบาดเจ็บแล้วปล่อยตัวเป็นใส้ศึกในกองทัพของเล่าต้าย โดยหลอกให้เล่าต้ายยกทัพเข้าไปตีเตียวหุยกลางดึก เล่าตายไม่รู้กลจึงได้ยกทัพเข้าไปตีตามนั้น


เตียวหุยก็ซ้อนกลจนจับตัวเล่าต้ายนำมาให้เล่าปี่ได้ เล่าปี่ทราบความศึกแล้วมีความยินดี จึงว่ากับกวนอูว่า "เตียวหุยเป็นคนใจเร็วดื้อดึง ครั้งนี้คิดเป็นกลอุบายจับตัวเล่าต้ายได้ ซึ่งเตียวหุยมีสติปัญญาขึ้นดังนี้เห็นจะประกอบบุญเราขึ้น เราค่อยมีความสบายนัก"

จากนั้นเล่าปี่จึงแก้มัดเล่าต้ายและเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ผูกมัดใจ เล่าต้าย & อองต๋ง แล้วกล่าวกับทั้ง 2 ว่า


"เดิมเรายกมานี้จะได้คิดร้ายต่อมหาอุปราชนั้นหามิได้ เราคิดจะสนองคุณมหาอุปราชอยู่ทุกเวลามิได้ขาด แลกีเหมาเป็นคนหยาบช้า คิดจะทำร้ายเราให้ถึงสิ้นชีวิตเราจึงฆ่ากีเหมาเสีย มหาอุปราชมิได้แจ้งว่ากีเหมาคิดร้ายต่อเราก่อน จึงให้ท่านทั้งสองคุมทหารเป็นแม่ทัพมาจับเรา ธรรมดาเกิดมาก็ย่อมรักชีวิตอยู่เหมือนกันทุกคน เราจึงคิดรักษาตัวด้วยความจำเป็น ซึ่งกวนอู เตียวหุย ทำแก่ท่านทั้งสองนั้นท่านอย่าได้พยาบาทเลย บัดนี้เราจะให้ท่านทั้งสองกลับไปแจ้งข้อราชการแก่มหาอุปราช ท่านช่วยว่ากล่าวให้เห็นความจริงของเรา ไมตรีท่านทั้งสองจะได้มีต่อเราสืบไป"

แล้วส่ง 2 คนนี้กลับไปเป็นทูตกับโจโฉ

วิเคราะห์
ตอนนี้เป็นตอนสั้นๆแต่เป็นตอนที่แสดงให้เห็นวิสัยทัศของเล่าปี่
ประการแรก เล่าปี่ให้กวนอูออกรบก่อนเพื่อเป็นตัวอย่างแก่เตียวหุย และเพื่อไม่ให้เสียการ และรู้อยู่แล้วว่าความผิดพลาดครั้งที่แล้วที่กวนอูสังหารกิเหมานั้น กวนอูจะไม่ทำผิดอีกครั้ง

ประการที่ 2 เล่าปี่เบรกเตียวหุยไม่ให้วู่วามเพื่อให้เตียวหุยตั้งสติได้ จนเตียวหุยทำการสำเร็ส

ประการที่ 3 เล่าปี่ไม่ประหาร 2 คนนี้แสร้งทำเป็นไม่รู้คิดว่าโจโฉโกรธตัวเองเพราะตัวเองไปประหารคนสนิทของโจโฉ (กิเหมา) และพยายามผูกใจโจโฉไว้ว่า เล่าปี่นั้นยังไม่ต้องการเป็นศรัตรูต่อโจโฉ

#101 ธงโจโฉหลอกเล่าปี่





ทางด้านเล่าปี่เมื่อได้ทราบรายงานว่ากองทัพโจโฉยกทัพมายังชายแดนเมืองชีจิ๋วก็ตกใจ สั่งทหารให้ไปดูว่าธงแม่ทัพนั้นคือใคร ปรากฎว่าธงแม่ทัพนั้นชื่อโจโฉ เล่าปี่ตกใจคิดว่าโจโฉยกทัพมาเอง


ส่วนเล่าต้ายและอองต๋งนั้นโจโฉได้ส่งจดหมายมาให้เข้าตีเมืองชีจิ๋วได้แล้วโจโฉจะตามมาภายหลัง ทั้ง 2 ต่างก็เกี่ยงกันว่าใครจะไปตีก่อน จึงเสี่ยงดวงในการจับฉลาก อองต๋งจับได้คำว่า "ก่อน" จึงเข้าไปตีก่อน แท้จริงแล้วเป็นแผนของเล่าต้ายที่เขียนคำว่า "ก่อน" ในทั้ง 2 ใบ


โจโฉกำลังจะเดินกองทัพมาตีเมืองชีจิ๋วแต่ก็ต้องพะวงกับอ้วนเสี้ยวที่ยกทัพมาอีกครั้ง โจโฉจึงละจากการตีชีจิ๋วมาสกัดอ้วนเสี้ยว โดยที่กองทัพโจโฉที่ยกไปสกัดอ้วนเสี้ยวนั้นไม่มีธงของโจโฉอยู่ด้วย



ส่วนเล่าปี่ก็ประเมิณสถาณการแล้วก็ยิ่งสงสัยว่าตัวโจโฉนั้นอยู่ที่ใดกันแน่จึงเสียตันเต๋งเข้ามาปรึกษา ตันเต๋งนั้นฉลากรู้ทันโจโฉจึงแจงว่าเป็นกลอุบายโจโฉหลอกว่า "มีคือไม่มี ไม่มีคือมี"


เล่าปี่ได้ฟังก็คลายใจจึงเรียกกวนอูเตียวหุยมา เตียวหุยนั้นขออาสาออกไปทำการแต่เล่าปี่ไม่เห็นด้วยจึงให้กวนอูไปแทน

กวนอูออกไปได้ไม่นานก็สามารถจับตัวอองต๋งมาได้ เล่าปี่เห็นก็รีบไปแก้มัดอองต๋งแล้วแสดงไมตรีเป็นอย่างดี


กวนอูจึงว่ากับเล่าปี่ว่า "ข้าพเจ้ารู้ใจพี่ใหญ่ว่ายังไม่ต้องการแตกหักกับโจโฉ จึงพยายามจับเป็นอองต๋งมามอบ เล่าปี่ได้ฟังจึงว่าน้องรองเจ้านับว่าเข้าใจความคิดของเรา และนี่คือเหตุผลที่เราไม่อนุญาตให้น้องเล็กออกไปรบในครั้งนี้ เพราะหากเป็นเตียวหุยออกไปรบจับข้าศึกได้คงจะฆ่าเสีย จะเป็นอุปสรรคต่อการเจรจาความเมืองกับโจโฉในวันหน้า เพราะทั้งอองต๋งและเล่าต้ายนั้นถึงจะฆ่าก็หาความหมายอันใดมิได้ เว้นชีวิตสองคนนี้ไว้อาจได้อาศัยปากไปเจรจาความกับโจโฉจะเป็นผลดียิ่งกว่า"