ครั้งโจโฉยึดเมืองกิจิ๋วได้สำเร็จ บุตรชายโจโฉชื่อ "โจผี" โจผีนั้นเป็นลูกคนโตสุด โจโฉต้องการให้ได้สืบทอดอำนาจจากโจโฉไป พอโจผีอายุมากขึ้นมาหน่อยโจโฉมักจะพาโจผีติดตามไปในกองทัพ ด้านหนึ่งเพื่อให้เรียนรู้การสงคราม และได้คุ้นเคยกับแม่ทัพนายกองทั้งหลาย
ครั้นกองทัพของโจโฉเคลื่อนเข้ายึดเมืองกิจิ๋วได้แล้ว โจผีก็ได้คุมทหารเข้าไปในเมืองด้วย และได้พาทหารเข้าไปถึงจวนของอ้วนเสี้ยว ปรากฏว่ากองทหารของโจโฉอีกหน่วยหนึ่งได้เข้าอารักขาจวนของอ้วนเสี้ยวไว้ก่อนแล้ว และถือคำสั่งโจโฉห้ามมิให้ทหารคนใดข่มเหงรังแกผู้คนในตระกูลอ้วน
โจผีหนุ่มคะนองในอำนาจในฐานะที่เป็นบุตรของอัครมหาเสนาบดี ได้ฟังรายงานของทหารดั่งนั้นก็พาลโกรธ ตวาดให้ทหารรักษาการณ์นั้นถอยออกไป โจผีบุกเข้าไปในจวนได้เจอแม่นางเอียนซี ลูกสาวของอ้วนเสี้ยวที่มีโฉมงาม โจผีจึงหลงรักแม่นางเอียนซีหมดใจ
ในขณะที่โจผีคุมทหารเข้าไปที่จวนของอ้วนเสี้ยวนั้น โจโฉได้พาทหารออกจากค่ายมาที่ตัวเมืองโดยมีเขาฮิวขี่ม้าตามมาด้วย เขาฮิวคิดว่าตัวเองนั้นได้ทำผลงานกับโจโฉไว้มากมายอีกทั้งยังเป็นเพื่อนเก่าของโจโฉ จึงขับม้าเคียงคู่กับโจโฉ
โจโฉเห็นเขาฮิวตีตัวเสมอตัวเองก็ขุ่นเคืองใจ แต่มิได้ว่าประการใด จากนั้นเขาฮิวได้เอาแส้ม้าชี้ไปยังประตูเมืองกิจิ๋วว่า "เพราะแผนการความคิดอ่านของข้าพเจ้าจึงทำให้พวกเราได้มาเห็นประตูเมืองกิจิ๋วในครั้งนี้"
โจโฉเห็นเช่นนั้นก็ไม่ชอบแต่ก็ข่มใจไว้แสร้งหัวเราะขึ้นมา นขณะที่บรรดาแม่ทัพนายกองและทหารที่ติดตามโจโฉมารู้สึกไม่พอใจและโกรธแค้นเขาฮิวที่ไม่ประมาณตนล่วงเกินแก่โจโฉ
โจโฉได้เข้าไปในจวนของอ้วนเสี้ยวพบกับโจผี โจโฉจึงถามโจผีว่าเหตุในจึงบุกเข้ามาทั้งที่ตนเองก็สั่งห้ามใครเข้ามา โจโฉตำหนิโจผีที่เป็นลูกของตนว่าไม่เคารพวินัยทหาร แต่แล้วภรรยาอ้วนเสี้ยวและแม่นางเอียนซีก็ได้แก้ต่างให้โจผีว่า โจผีได้เข้ามาอารักขาตนมิได้ทำอันตรายแต่อย่างใด พร้อมทั้งยกแม่นางเอียนซีเป็นภรรยาโจผี
โจโฉจึงถามความเห็นแม่นางเอียนซี แม่นางเอียนซีก็มิได้ปฎิเสธประการใด จึงรับแม่นางเอียนซีมาเป็นลูกสะใภ้ตั้งแต่นั้นมา