Sunday, March 27, 2016

ศึกเซ็กเพ็ก


ศึกเซ็กเพ็กนับว่าเป็นศึกที่ยิ่งใหญ่ครั้งสำคัญในวรรณกรรมสามก๊ก แฟนๆนักอ่านต่างก็พากัน vote ว่าศึกนี้ศึกที่มันและสนุกที่สุดในบรรดาสงครามในสามก๊ก

อันที่จริงแล้วสงครามในสามก๊กมีหลายๆสงครามที่สนุกแตกต่างกันออกไป แล้วทำไมศึกนี้ถึงสนุกหล่ะ?

สาเหตุแรกคือ เป็นศึกที่รวมดาราดังในสามก๊กมาอยู่ร่วมกันพร้อมหน้าบนสมรภูมิเดียวกัน ราวกับนั่งดูนักเตะ all star มาลงสนาม ดาวเด่นประจำวรรณกรรมนี้ก็คงไม่ใช่ใคร นั่นก็คือ โจโฉ เล่าปี่ ซุนกวน จิวยี่ ขงเบ้ง โลซก

ก๊กของโจโฉนั่นยิ่งใหญ่มากในแผ่นดิน ไพร่พลมากกว่าเล่าปี่รวมกับซุนกวนเสียอีก โจโฉชนะศึกหลายๆครั้งติดต่อกัน ในขณะนั้น ไม่มีใครไม่เกรงกลัวโจโฉ เล่าปี่มีทหารแค่หยิบมือบวกับความสามารถของขงเบ้งแล้วก็ไม่สามารถเอาชนะได้ แล้วแผ่นดินนี้ใครเล่าที่จะรับมือโจโฉได้ ขงเบ้งเล็งเห็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์และความสามารถ ขงเบ้งได้ทำนายไว้ล่วงหน้าแล้วว่า แผ่นดินจะแยกออกเป็นสามส่วน นั่นก็คือ โจโฉ เล่าปี่ และ ซุนกวน ดังนั้นขงเบ้งจึงว่าเป้าหมายมุ่งไปที่การยั่วยุซุนกวนได้รบกับโจโฉ


ซึ่งตัวละครเอกในตอนนี้มิใช่เล่าปี่หรือซุนกวน แต่เป็นสองนักคิดอย่างขงเบ้งและจิวยี่ ที่ดำเนินเรื่องได้อย่างน่าตื่นเต้น วางกลยุทธ์ อุบาย แผนซ้อนแผน ดูแล้วน่าติดตาม มิหนำซ้ำตัวละครลับนักปราชญ์ผู้ที่มีสติปัญญาเสมอขงเบ้งยังปรากฎตัวอีก และยังได้เสนออุบายผูกเรือโจโฉไว้อีก งานนี้เสร็จแน่ๆ

อีกทั้งยังมีเรื่องอุบายขโมยเกาทัณฑ์ของขงเบ้งที่แสดงความสามารถผู้หยั่งรู้ฟ้าดินมาแสดงให้นักอ่านได้ตะลึงตึงนัง เมื่อเปิดศึกสงครามกำลังมันๆ ยังทิ้งแผนลับสุดท้ายของขงเบ้งไว้อีก ศึกครั้งนี้ถ้าไม่มีลมตะวันออกก็ยังไม่สามารเอาชนะโจโฉได้ ขงเบ้งจึงแสดงอภินิหารยืมลมตะวันออกมาให้จิวยี่

หลังจากที่โจโฉพ่ายแพ้จิวยี่ ก็ถึงคิวของเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ที่จะต้องยกทัพไปซ้ำเติมโจโฉ เอากันแบบย่อยยับกันเลยทีเดียว ขงเบ้งนอกจากจะหลอกโจโฉ หลอกจิวยี่ แล้ว ยังต้องแม้กระทั่งพวกเดียวกัน หลอกเล่าปี่ หลอกกวนอู ทำให้แฟนๆต่างก็ทึ่งในความสามารถของขงเบ้งเป็นอันมากกับอุบายให้กวนอูแทนคุณโจโฉ และการถ่วงดูลในสามก๊ก

ศึกครั้งนี้คือศึกที่โด่งดัง มีชื่อเสียงมากที่สุด แม้แต่คนที่ไม่เคยอ่านสามก๊กก็ยังคุ้นๆกับศึกนี้ และจากนั้นก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของก๊กเล่าปี่ที่ได้ก่อร่างสร้างตัวจนได้เป็นใหญ่ในที่สุด







Thursday, March 17, 2016

วิธีหาคนร้ายแบบฉบับของโจโฉ



ค.ศ. 218 เกงจี อุยหลง กิมหัน ปรึกษากันเพื่อที่จะฆ่าโจโฉ ซึ่งในขณะนั้นโจโฉได้มีตำแหน่งเป็น "วุยอ๋อง" อุยหลงให้ความเห็นว่าอ้ายโจโฉนี้เป็นกฎบต่อราชวงศ์ฮั่นจำต้องรีบฆ่า

ในวันขึ่น 5 ค่ำเดือน 3 พระนครฮูโต๋ก็ได้มีการแต่งโคมไฟฉลองวันเพ็ญ จากนั้นกลุ่มของกิมหันพร้อมทั้งขุนนางอื่นๆก็พากันวางแผยฆ่าโจโฉ ให้เกียดเมาจุดเพลิงขึ้นเป็น สัญญาณเพลิง เพื่อให้ทุกคนร่วมมือกันฆ่าโจโฉ

เมื่อเวลาตีสองมีคนเข้ามาแจ้งอองปิดว่าเกิดเพลงไหม้ในพระนคร อองปิดจึงรีบออกไปดูแต่โดนเกาทัณฑ์ยิงถูกไหล่ แล้วก็โดนพวกของกิมหันไล่ฆ่า แฮหัวตุ้นลาดตระเวนอยู่รอบๆพระนครก็เห็นแสงเพลิงจึงรีบยกทัพเข้ามาดับไฟและเข้าไปช่วยโจฮิวปราบจลาจลได้สำเร็จ



โจโฉได้สั่งให้จับตัวขุนนางทั้งหมดมายังท้องสนามหลวง โจโฉฆ่าหัวหน้าแก๊งได้แล้วแต่ก็ยังมิคลายระแวง กลัวจะโดนถูกทำร้ายอีกครั้งเพราะยังเหลือพวกลูกกระจ๊อกอยู่ แต่มิรู้จะสืบสวนยังไง โจโฉจึงรับสั่งว่า

โจโฉ : อ้ายพวก เกงจี อุยหลง ก่อกฎบเผาพระนครฮูโต๋ มีใครออกไปช่วยดับไฟบ้าง แล้ว มีใครปิดประตูอยู่แต่ในบ้านบ้าง?

โจโฉ : ใครที่ออกมาช่วยดับไฟให้มายืนตรงธงแดง ส่วนใครอยู่แต่ในบ้านให้ออกมายืนที่ธงขาว

ขุนนางส่วนมากประมาณ 75% พากันไปยืนที่ธงแดงกันหมด เหลืออีก 25% ไปยืนที่ธงขาว

โจโฉ : นำตัวเหล่าขุนนางที่ยืนอยู่ธงแดงไปตัดหัวให้หมด!! ข้ารู้ว่าพวกเจ้าไม่ได้มาช่วยดับไฟ แต่มาช่วยอ้ายพวกกฎบที่หวังจะทำร้ายเรา

เหล่าขุนนางประมาณ 300 คนก็ถูกตัดคอที่ริมแม่น้ำเซียงโห วิธีสอบสวนของโจโฉนี้โหดมาก อาจจะฆ่าทั้งคนดีและคนไม่ดีคละๆกันไป

จุดนี้หลายคนสงสัยว่า อ้าว พวกเรามาช่วยดับไฟไหงถูกประมาณ แต่โจโฉกลับมองว่า พวกที่อยู่แต่ในบ้าน น่าจะเป็นพวกที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่พวกที่มาช่วยดับไฟคือพวกที่ออกมายามวิกาลและพวกที่คอยทำร้ายตน

จึงกลายเป็นโศกนาฏกรรมอีกครั้ง หลังจากเมื่อครั้งที่ตันสินวางแผนฆ่าโจโฉ โจโฉจึงถูกตราหน้าว่าเหี้ยมโหดอํามหิต ด้วยเพราะความระแวงโจโฉได้คร่าไปหลายชีวิต จะได้สมกับสโลแกนที่ว่า "ข้ายอมทรยศคนทั้งโลก แต่ไม่ยอมให้ใครทรยศข้า"

Tuesday, March 15, 2016

จูกัดเก๊กกับความฉลาดในวัยเด็ก



จูกัดเก็ก เป็นบุตรของ จูกัดกิ๋น(พี่ชายขงเบ้ง) จูกัดเก็กสติปัญญาดีมาก ไม่รู้ว่าตระกูลนี้มันกินอะไรเป็นอาหาร ด้วยความฉลาดเข้าเค้านี่แหละซุนกวนก็โปรดปราน

ในวัย 6 ขวบ จูกัดเก็กก็ตามพ่อไปในที่ประชุม ซุนกวนเห็นจูกัดกิ๋นมีหน้ายาว ซุนกวนจึงสั่งทหารให้ไปเอาลามาตัวนึง แล้วเขียนคำว่า "จูกัดกิ๋น" เหล่าขุนนางทั้งปวงก็พากันหัวเราะกันใหญ่ (นี่ก็เป็นข้อดีของซุนกวนที่มีความเป็นมิตรกับลูกน้อง)

จูกัดเก็กเห็นจึงเดินไปเอาพู่กันแล้วเขียนเติมเข้าไปว่า "ลาของจูกัดกิ๋น" เหล่าขุนนางและซุนกวนก็พอกันทึ่งในความสามารถของเด็กคนนี้  (ในฉบับพระยาพระคลังได้กว่าว่า ซุนกวนเห็นหน้าจูกัดเก็กเหมือนโล่จึงเอาโล่มาเขียน)

วันต่อมามีงานเลี้ยง ซุนกวนสั่งให้จูกัดเก็กเอาสุราไปให้เตียวเจียวดื่ม เตียวเจียวไม่ยอมดื่ม




เตียวเจียว : "นี่มิใช่ยาบำรุงสำหรับคนแก่นะหนู"

ซุนกวน : "จูกัดเก็ก เจ้าสามารถหาทางบังคับให้เตียวเจียวดื่มได้หรือไม่?"

จูกัดเก็ก : "ในอดีต เจี่ยงซั่งฟู่มีอายุ 90 ปี ยังสามารถถือธงเข้าไปสู้กับขวานของแม่ทัพข้าศึกได้ โดยไม่พูดว่าตัวเองแก่ซักคำ บัดนี้เมื่อเราอยู่หน้าศึกเราให้ผู้ใหญ่อยู่หลัง แต่เวลาดื่มสุราเราให้ผู้ใหญ่ออกหน้า แล้วไฉนท่านจึงอ้างว่าตัวเองแก่เล่า"

เตียวเจียวสิ้นคำถกเถียงจึงจำใจดื่มสุรานั้น ซุนกวนเห็นว่าขนาดเตียวเจียวเป็นที่ปรึกษาที่มีความสามารถยังยอมจำนนต่อเด็ก จึงแต่งตั้งใจจูกัดเก็กเป็นเสนาบดี

ในตอนโตจูกัดเก็กได้เป็นแม่ทัพใหญ่และเป็นเสาหลักอีกคนหนึ่งของกังตั๋ง แต่น่าเสียดายที่เค้าต้องมีจุดจบที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จูกัดเก๊กตัดสินใจในการรบผิด ทำให้กองทัพง่อก๊กต้องกลอุบายของแม่ทัพวุยก๊กจนต้องพ่ายยับเยินกลับมา ด้วยความอัปยศ จูกัดเก๊กโยนความผิด ปัดความรับผิดชอบในการทำศึกพ่ายแพ้ไปที่แม่ทัพนายกอง และที่ปรึกษา ให้พิจารณาสั่งประหารขุนพลไปหลายคน ทั้งยังเข้ากุมอำนาจเด็ดขาด แต่งตั้งญาติพีน้อง คนสนิทเข้ามามีอำนาจในราชสำนัก สร้างความไม่พอใจให้กับเชื้อพระวงศ์ รวมทั้งพระเจ้าซุนเหลียงเป็นอย่างมาก แม่ทัพทหารม้า ซุนจุ๋น และน้องชายซุนหลิม จึงวางแผนลวงจูกัดเก๊กมาสังหารในงานกินเลี้ยงภายในวังหลวงสำเร็จ ซุนจุ๋นประกาศโทษจูกัดเก๊กเป็นกบฏต่อราชบัลลังก์ ยังผลไปถึงญาติพี่น้องในตระกูลจูกัด ต้องถูกประหารถึงสามชั่วโคตร คำกล่าวของจูกัดกิ๋นจึงปรากฏเป็นจริงอย่างไม่ผิดเพี้ยน สมดังคำกล่าวที่ว่า "ไม่มีใครรู้จักบุตรได้ดีเท่ากับบิดา" นั่นเอง

Friday, March 11, 2016

บังทองที่ผู้กล้าออกคำสั่งแทนนาย



ในตอนที่เล่าปี่เดินทางไปยังเมืองเสฉวน เล่าปี่ได้พาที่ปรึกษาคนใหม่บังทอง ผู้ที่มีฉายาว่าฮองซูซึ่งมีสติปัญญาเทียบเท่ากับขงเบ้ง และสองขุนพลหน้าใหม่ ฮองตองและอุยเอี๋ยน

งานนี้ไม่มี กวนอู เตียวหุย จูล่ง ขุนพลที่เข้าขากันตามไปด้วย งานนี้เป็นงานใหญ่ พนักงานใหม่ก็ต้องแสดงฝีมือแสดงกึ๋นให้เป็นที่ประจักษ์

บังทองและหวดเจ้งได้เสนอให้เล่าปี่ฆ่าเล่าเจี้ยงที่งานเลี้ยงเสีย แต่เล่าปี่แย้งว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูก บังทองก็คะยั้นคะยอให้เล่าปี่ทำตาม เล่าปี่ก็ปฏิเสธเสียงแข็ง







วันต่อมาเล่าปี่กับเล่าเจี้ยงได้พบปะกันที่งานเลี้ยงก็สนทนากันถูกคอ บังทองแอบมาปรึกษาหวดเจ้งว่า เราจะปล่อยไปตามความคิดของเล่าปี่เห็นมิควร จึงแอบสั่งให้อุยเอี๋ยนไปรำดาบแล้วหาโอกาสฆ่าเล่าเจี้ยงเสีย

ทหารของเล่าเจี้ยงเห็นอุยเอี๋ยนรำดาบก็เลยโดดเข้ากลางวงขอรำดาบเป็นเพื่อน เล่าปี่เห็นก็ตกใจชักกระบี่ออกมาว่า "เรากับเล่าเจี้ยงต่างเป็นพี่สองกัน ไฉนพวกท่านจึงมาเล่นดาบกันเช่นนี้"



ในมุมการบริหาร หากผู้ใต้บังคับบัญชาฝ่าฝืนคำสั่ง ผู้ใต้บังคับบัญชาคงต้องถูกหมายหัวไว้แล้ว และจะต้องได้รับโทษทางวินัย งานนี้แทนที่บังทองจะแจ้งเกิดกลับจะโดนหมายหัว

หลังจบงานเล่าปี่ได้ออกมาตำหนิบังทองทำใหับังทองก็รู้สึกเกิดความน้อยใจ

ลองมาเทียบกับขงเบ้งบ้าง ขงเบ้งเองก็เคยเสนอให้เล่าปี่นั้นรับเมืองเกงจิ๋วมาจากเล่าเปียว แต่เล่าปี่ก็ไม่ยอมทำตาม ขงเบ้งก็ไม่เคยขัดขืนคำสั่งเล่าปี่แต่อย่างใด ซึ่งต่างจากบังทองแม้จะเป็นที่ปรึกษาแต่ก็แอบออกคำสั่งแทนนาย ซึ่งเป็นการกระทำที่มิถูกมิควร


credit รูปของพี่ Pariwat Chanthorn

รูปปั้นจำลองเหตุการณ์งานเลี้ยงรับรองเล่าปี่ พร้อมทั้งกุนซือทั้งสองฝ่าย บนหอฟู่เล่อถาง  หากมองจากภาพ ทางด้านขวามือจะเป็นฝ่ายเล่าปี่ ทางด้านซ้ายมือจะเป็นผ่ายเล่าเจี้ยง

ฝ่ายเล่าปี่ ถัดจากเล่าปี่ คนแรกคือบังทอง คนกลางคือฮองตง และคนท้ายคือ อุยเอี่ยน
ฝ่ายเล่าเจี้ย ถัดจากเล่าเจี้ยงไป คนแรกคือหวดเจ้ง เตียวหยิมและเล่ากุ๋ย ซึ่งจะขาดเหลงเปา และเตงเหียนไป

Wednesday, March 2, 2016

โจโฉผู้เป็นตัวตั้งตัวตี



ในช่วงต้นเรื่อง ตั๋งโต๊ะเข้ามาครอบครองอำนาจที่เมืองหลวง เหล่าขุนนางพากันหวาดกลัวต่ออำนาจ แถมข้างกายตั๋งโต๊ะก็มียอดนักรบแห่งยุคนามว่าลิโป้ เหล่าขุนนางพากันคับแค้นใจที่อ้ายเจ้าตั๋งโต๊ะ ขุนศึกหัวเมืองยกทัพเข้ามาชิงอำนาจไปดื้อๆซะงั้น จะทำยังไงดี จะทำยังไงดี อ้องอุ้นจึงนัดขุนนางมานั่งร้องไห้แงๆ




โจโฉเห็นเหล่าขุนนางร้องไห้ก็หัวเราะจ๊ากกกกก อ้ายพวกนี้เสียแรงที่กินเบี้ยหวัด ทำอะไรไม่ได้ก็พากันมานั่งร้องไห้ ร้องไห้จนถึงเช้าแล้วมันฆ่าตั๋งโต๊ะได้มั๊ยยยย มานี่เดี๋ยวอั๊วทำให้ดู ฆ่าตั๋งโต๊ะนั้นง่ายดั่งพลิ๊กฝ่ามือ เหล่าขุนนางต่างตกตะลึงว่า ไอ้หมอนี่มันกล้าดีมาจากไหน ริอาจจะเป็นศัตรูของตั๋งโต๊ะ

โจโฉแม้จะเป็นคนขี้โม้แต่อ้ายหมอนี่เอาจริง รอตั๋งโต๊ะงีบหลับก็ชักมีดสั้นหวังจะฆ่าอ้ายอริราชศัตรูให้ตายคาที่ แต่คนเลวนั้นดวงแข็งดันตื่นซะงั้น เห็นโจโฉชักมีดออกมาก็ตกใจจึงรีบทำว่า อ้ายโจโฉเจ้าจะทำอะไร?? โจโฉรีบแก้ตัวว่าตัวเองได้มีของมีค่าจึงอยากมอบให้แก่ท่านตั๋งโต๊ะ ตั๋งโต๊ะงัวเงียๆ เออดี มีดนี้สวยดีนะ (ไม่ชะเอ่ะใจเล้ยยยว่าใครจะเอามีดมาให้เราตอนเราหลับ -*-)


โจโฉเห็นท่าไม่ดีละ ตั๋งโต๊ะมันปัญญาน้อยคิดไม่ทัน แต่ถ้ามันคิดได้อั๊วตายแน่ๆ รีบเผ่นหนีออกจากเมืองดีกว่า ในขณะที่โจโฉหนีจากเมืองนั้น ก็โดนทหารประตูเมืองจับได้ส่งตัวไปให้นายอำเภอ โจโฉจากขุนนางกินเงินเดือนอยู่ดีๆ กลายเป็นผู้ต้องหาหลบหนีจนติดคุกหัวเกือบโต พลาดท่าก็มีแต่ตายกับตาย แถมตั๋งโต๊ะให้ค่าหัวสูงเกือบเท่าโจรสลัดลูฟี่



นายอำเภอตันก๋งแอบลงมาในคุกกลางดึก เข้ามาคุยกับโจโฉพร้อมทั้งถามโจโฉว่า ลื้อกล้าดียังไงถึงคิดเป็นศัตรูตั๋งโต๊ะ โจโฉบอกนกน้อยอย่างเจ้ามีหรือจะมาล่วงรู้ความคิดพญาครุฑอย่างข้า ตันก๋งนายอำเภอโดนนักโทษด่า อ้ายหมอนี่ช่างซ่าจริงๆ ไหนลองบอกแผนการเจ้ามาหน่อยสิ

โจโฉว่าอั๊วจะหนีไปหาพ่ออั๊ว แล้วจะแอบอ้างรับสั่งพระเจ้าเหี้ยนเต้ ส่งไปให้แก่หัวเมืองทั้งปวง ร่วมกันยกทัพไปยำตั๋งโต๊ะ ตันก๋งได้ฟังก็ปลื้มปิติในใจคิดว่า อั๊วเองก็คิดเหมือนกันแต่ไม่กล้าทำ แต่อ้ายโจโฉนี้มันกล้าทำท่าทางจะแน่ ตันก๋งจึงตัดสินใจปล่อยโจโฉและหนีตำแหน่งนายอำเภอเป็นคู่หูดูโอ้กัน แหมโชคชะตาผู้ที่จะเป็นใหญ่ในแผ่นดินนั้นยังไม่ถึงฆาต อะไรมันก็เอาไปไม่ได้

โจโฉได้เดินทางไปหาพ่อของตน พ่อโจโฉได้พาไปมาเศรษฐีคนนึงได้นำเงินมา support โจโฉ โจโฉเงินมีเงินไปจ้างทหารจนได้กองกำลังขึ้นมา พร้อมทั้งแอบอ้างรับสั่งพระเจ้าเหี้ยนเต้ ส่งหนังสือไปให้เจ้าเมืองต่างๆ "ใครไม่พอใจอะไรก็บอกว่าแกไม่พอใจ เออลุกขึ้น" ลองนึงถึงฉากบอสในเรื่องซีรีย์ฮอร์โมน


เจ้าเมืองมากหน้าหลายตา ต่างก็ไม่ชอบการกระทำของตั๋งโต๊ะ ได้แต่อัดอั้นตันใจ ทั้งๆที่มีทั้งเมือง มีทั้งกองทัพ แต่ไม่มีใครหน้าไหนกล้าออกมา ซึ่งต่างกับโจโฉ ผู้ที่แทบจะไม่เหลืออะไรเลย ได้ลุกขึ้นมาเป็นตัวตั้งตัวดี กล้าทำอะไรที่มันถูกต้อง กล้าขัดแย้งต่ออำนาจที่มิชอบธรรม กล้าได้กล้าเสีย กล้าที่จะพังประตูเข้าไปในวังปราบขันที กล้าที่จะลงมือฆ่าตั๋งโต๊ะ กล้าที่จะแอบอ้างรับสั่งฮ่องเต้ กล้าที่จะเรียกผู้คนออกมาลุกต่อสู้ แถมยังกล้ายกทัพตามตีตั๋งโต๊ะอีก แหม....แอดมินอวยโจโฉซะยกใหญ่เลย