Tuesday, October 4, 2016

เชือดไก่ให้ลิงดู ตอนโจโฉตัดผม


โจโฉเดินทางออกจากเมืองฮูโต๋เพื่อที่จะไปกำจัดเตียวสิ้วและเล่าเปียวผ่านทุ่งนาเข้าที่กำลังสุก ครั้นชาวบ้านได้ข่าวว่าโจโฉยกทัพมาก็เกรงกลัว โจโฉนั้นได้ข่าวก็วางแผนซื้อใจชาวบ้านติดประกาศห้ามผู้ใดทำนาข้าวของชาวบ้านเสียหายผู้ใดฝ่าฝืนจะถูกประหารชีวิต ชาวบ้านรู้ต่างก็ศรัทธาในตัวโจโฉเป็นอันมาก ทหารทุกคนต่างก็ยำเกรง ผ่านนาเข้าก็ค่อยๆแหวกไป

โจโฉนั้นนั่งบนหลังม้าทันใดนั้นเองฝูกนกบินผ่าน ม้าของโจโฉตกใจ กระโดดวิ่งเข้าไปนาข้าวทำให้นาข้าวของชาวบ้านเสียหายเป็นอันมาก

โจโฉได้คิดอุบายซื้อใจทหารอีกครั้ง จึงเรียกแม่ทัพนายกองมาประชุมกันว่าควรจะจัดการกับเหตุการณ์ที่ตนทำนาข้าวเสียหายยังไง แม่ทัพนายกองได้ยินก็ต่างคิดว่ามันไม่ใช่ความผิดของโจโฉดังนั้นไม่ควรถือโทษเพราะโจโฉเองก็ไม่ได้ตั้งใจกระทำ ถ้าจะโทษต้องโทษฝูงนกและม้า



โจโฉได้ยินจึงพูดว่า "ตัวเรานั้นเป็นผู้ใหญ่ หากทำผิดแล้วไม่ลงโทษจะมีวินัยศึกไว้ทำไม หากเป็นเช่นนี้แล้วก็จะไม่ได้อยู่ในสัตย์ที่ตัวเองได้ประกาศไว้" ว่าแล้วโจโฉก็ชักกระบี่ออกมาทำท่าว่าจะเชือดคอตัวเอง บรรดาแม่ทัพทหารต่างก็ไม่แจ้งในอุบายจึงพากันเข้าไปห้ามโจโฉไว้


กุยแกที่อยู่ไกล้ๆนั้นจึงเดินเข้าไปยื้อกระบี่ออกจากโจโฉแล้วก็พูดว่า "ตัวนายท่านนั้นกระทำผิดแล้วยอมรับผิดนั้นเห็นสมควรอยู่แล้ว แต่จะมาฆ่าตัวเองนั้นมิได้ หากนายท่านตายไปทหารและประชาชนก็คงไม่มีที่พึ่ง" โจโฉหันไปหากุยแกแล้วกล่าวว่า ท่านว่าเช่นนี้ก็เห็นชอบ แต่จะขอให้เป็นคำขาดนั้นมิได้จำจะต้องทำให้เป็นตัวอย่าง ว่าแล้วโจโฉก็เอากระบี่ตัดมวยผมของตัวเอง จากนั้นก็สั่งให้ทหารเอามวยผมนี้ไปประกาศบอกทหารทุกคนว่าโจโฉนั้นได้ทำความผิดแต่ทหารทุกคนให้อภัยแล้วแต่อย่างไรก็ดีตัวโจโฉเองก็ยังทำโทษตัวเองให้เป็นแบบอย่างของวินัยศึก ทหารทุกคนรู้ต่างก็สนนเสริญและรักโจโฉเป็นอันมาก

คนจีนยุคโบราณถือหลักจารีตขงจื่อที่จะต้องกตัญญูโดยการรักษาทุกส่วนของร่างกายรวมทั้ง "ผม" ด้วย เนื่องจากเป็นสิ่งที่บิดา มารดาให้มา คนโบราณจึงไม่ตัดผม (คล้ายๆกับแฮหัวตุ้นกลืนลูกตา) และรักษาอย่างดี ดังนั้นการตัดผมจึงถือเป็นเรื่องใหญ่เหมือนถูกประหารชีวิต ในสมัยฮั่นและสมัยสามก๊กก็ยึดถือหลักนี้เช่นกัน

วิเคราะห์
อุบายของโจโฉนั้น คือการเชือดไก่ให้ลิงดู การซึ่งจะปกครองคนหมู่มากนั้นต้องอาศัยวินัยทัพและกว่าที่โจโฉจะสามารถสร้างวินัยทัพได้นั้นก็ต้องใช้ลูกเล่นนาๆนับประการ คนระดับกุยแกนั้นก็คงรู้ซึ้งเป็นอย่างดี แต่กุยแกไม่แสดงอาการท่าที่ ที่รู้ใจนายมากจนเกินไป กุยแกเลือกที่จะให้เหตุการณ์นี้ไหลไปตามน้ำ หากตอนนั้นกุยแกได้ทำท่าทีรู้ความคิดของนายตน ภัยก็จะมาถึงตัว (เหมือนเอียวสิ้ว) ฉะนั้นผู้ตามควรที่จะรู้ใจนาย มากกว่าการรู้ทันนาย

ไม่ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะเป็นแผนของโจโฉหรือไม่ แต่ก็ได้ซื้อใจทหารได้เป็นอย่างยิ่ง แสดงให้เห็นว่าผู้นำนั้นกระทำผิดแล้วก็ต้องลงโทษมิเช่นนั้นจะมีกฎไว้ทำไมและนี่ก็เป็นหนึ่งในสุดยอดความเป็นผู้นำของโจโฉ

Saturday, October 1, 2016

เชือดไก่ให้ลิงดู ตอนโจโฉยืมหัว



ในตอนที่โจโฉยกทัพบุกอ้วน แต่ยังไม่สามารถพิชิตอ้วนสุดได้ เสบียงไกล้จะหมด สถานการณ์เริ่มลำบาก โจโฉได้ไปยืมเสบียงจากซุนเซ็กแต่ก็ไม่เพียงพอสำหรับกองทัพตน อองเฮาซึ่งเป็นหัวหน้านายทหารฝ่ายเสบียงก็แจ้งโจโฉว่าเสบียงที่มีอยู่ไม่พอต่อการทำศึกระยะยาว หากทำศึกยืดเยื้อเสบียงก็จะหมด โจโฉจึงสั่งให้ลดการจำหนายเสบียงให้น้อยลองเพื่อยืดเวลาออกไป แต่อองเฮาท้วงว่าหากทหารไม่อิ่มกองทัพก็จะเสียขวัญและกำลังใจจะเกิดการระส่ำระสาย

โจโฉเองก็รู้ถึงเหตุผลนี้แต่ก็ไม่รู้จะทำประการใดจึงคิดอุบายผูกใจทหาร โจโฉจึงถามอองเฮาว่า เพื่อให้การเข้ายึดเมืองลำหยงสำเร็จโดยเร็ว ข้าพเจ้าจะขอยืมของสิ่งหนึ่งจากท่านจะได้หรือไม่ อองเฮาพาซื่อจึงตอบว่าถ้าแม้นข้าพเจ้ามีสิ่งของใดที่จะช่วยให้ท่านยึดเมืองลำหยงได้โดยเร็วแล้ว ข้าพเจ้าก็พร้อมที่จะมอบแก่ท่านด้วยความเต็มใจ

โจโฉได้ยินดังนั้นก็ยินดี สั่งทหารให้จับตัวอองเฮาไว้แล้วเรียกเพชรฆาตเข้ามา อองเฮาเห็นดังนั้นก็ตกใจถามว่านี่เกิดเรื่องราวใดกัน โจโฉจึงตอบว่าของที่ ข้าพเจ้าต้องการยืมศีรษะของท่านเพื่อใช้บำรุงขวัญทหารให้มีน้ำใจ โจโฉสัญญากับอองเฮาว่าจะเลี้ยงดูครอบครัวข้างหลังเป็นอย่างดี อย่าได้เป็นทุกข์ใจห่วงใยอีกเลย

ตอนคำที่โจโฉประกาศลงโทษอองเฮานั้น โจโฉประกาศว่า "อองเฮานั้นโกงข้าว จึงแจกข้าวถังเล็ก ให้ตัดสินลงโทษด้วยการตัดหัว"

โจโฉใช้เทคนิคเชือดไก่ให้ลิงดู โดยปั้นเรื่องว่าใครที่คดโกงนั้นจะมีโทษถึงตาย เมื่อทหารเห็นโจโฉตัดหัวอองเฮา ทุกคนก็ไม่มีใครกล้าที่จะโกงหรือขัดคำสั่งโจโฉอีก....

Tuesday, September 27, 2016

ประชาธิปไตยแบบลิโป้


ประชาธิปไตยแบบลิโป้

ลิโป้นั้นคือตัวละครที่มีฝีมือเก่งกาจ เป็นยอดขุนพลแห่งยุค มีฝีมือในการรบ แต่ในวรรณกรรมนั้นจะพรรณนาเกี่ยวกับลิโป้ในเชิงที่ไม่ค่อยเก่งทางด้านบุ๋นซักเท่าไหร่ ลิโป้เป็นคนเก่ง อีกนัยนึงก็เหมือนจะเป็นคนหัวอ่อน มีความละโมบ เห็นแก่ได้ ใครเสนอให้ดีก็ย้ายก๊ก ฆ่าแม้กระทั่งพ่อบุญธรรมของตัวเอง 2 คน ภาพลักษณ์ของลิโป้นั้นไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่

ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เขียนไว้ในหนังสือ "โจโฉนายกตลอดกาล" ได้กล่าวถึง ประชาธิปไตยแบบลิโป้

ก็คงต้องย้อนไปตอนที่โจโฉยิงทัพไปตีเมืองชีจิ๋วเพื่อล้างแค้นแทนพ่อของตัว เพราะคิดว่าโตเกี๋ยมเจ้าเมืองชีจิ๋วนั้นเป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อของตัวเองต้องตาย ในขณะที่ยังรบติดพลัน ลิโป้ก็ยกทัพมาตีเมืองกุนจิ๋วของโจโฉ จึงทำให้โจโฉต้องยกทัพกลับไปชิงเมืองตัวเองคืน

โจโฉได้ยกทัพประจันหน้ากับลิโป้และถามลิโป้ว่า

โจโฉ : "ตัวกับเราจะได้มีความผิดกันในสิ่งใดหามิได้ เหตุไฉนตัวจึงยกทหารมาตีเมืองของเรา"

ลิโป้ : "เมืองเหล่านี้เป็นของพระเจ้าเหี้ยนเต้ ก็เหมือนหนึ่งของคนทั้งปวงซึ่งอยู่ในแผ่นดิน ถ้าผู้ใดมีบุญเข้มแข็งก็จะครอบครองได้เหมือนกัน เหตุใดท่านจึงว่าบ้านเมืองนี้เป็นของท่าน หาความละอายไม่"

ในฉบับคนขายชาติได้พูดถึงตอนนี้ว่า โจโฉแม้ว่าจะเป็นคนเจ้ากลอุบายและเฉลียวฉลาด แต่ไม่เคยคาดคิดว่าจะมีเหตุผลเช่นนี้อยู่ในโลก และไม่คาดคิดว่าลิโป้จะยกเหตุผลอันพิสดารนี้มาแก้ตัว และด่าว่าตัวเองกลับมาเช่นนี้จึงจำนนต่อถ้อยคำ คิดไม่ออกว่าจะหาเหตุผลที่ไร้เหตุผลยิ่งกว่านี้ไปตอบโต้ได้อย่างไร

โจโฉนี้ก็คงงงๆอยู่เหมือนกัน ไม่ได้ผิดใจกับลิโป้ ลิโป้ก็มาตี ไม่ได้ผิดใจกับเล่าปี่ เล่าปี่ก็มาขวา



Tuesday, August 30, 2016

การเปลี่ยนแปลงของเตียวหุย



เตียวหุยคือตัวละครที่มีบุคลิคมุทะลุดุดัน ตกเป็นทาสของความโกรธทำให้เสียการเสียงานอยู่บ่อยๆ แต่เตียวหุยนั้นมีการพัฒนาผลงานแบบค่อยเป็นค่อยไป แสดงให้เห็นว่าคนที่ดูโง่ๆก็สามารถเก่งขึ้นมาได้

- เตียวหุยโบยผู้การจนทำให้เล่าปี่ตกลาออกจากตำแหน่งนายอำเภอ
- เตียวหุยขออาสาไปจับตั่งโต๊ะในวงประชุมของผู้นำ 18 หัวเมืองทำให้เล่าปี่ต้องออกมาจากกองทัพ 18 หัวเมือง
- เตียวหุยเมามายสั่งโพยพ่อตาของลิโป้จนทำให้ลิโป้ยกทัพมาตีเมือง ทำให้เล่าปี่ต้องเสียงเมืองชีจิ๋ว
- เตียวหุยไปขโมยม้าของลิโป้ทำให้ลิโป้โกรธยกทัพตีเล่าปี่ ทำให้ลิโป้แตกหักกับเล่าปี่

จะเห็นได้ว่าเตียวหุยนั้นมีผลงานเสียๆหายๆอยู่เยอะ

ในตอนที่เล่าปี่ถอยทัพจากการถูกโจโฉไล่ตี เล่าปี่กำลังน้อยถอยทัพลำบากเพราะมีกองทัพประชาชนติดตามไปด้วย เตียวหุยผู้นี้ก็ยืนม้าอยู่ที่หน้าสะพานเตียงปันเกี้ยว ตวาดด้วยเสียงดังราวกับฟ้าผ่า ทหารโจโฉที่ไล่ตามตีก็หวาดหวั่น ไม่มีใครกล้าเข้าไกล้ ตามบรรทึกประวัติศาสตร์ได้มีเรื่องราวของเตียวหุยในตอนนี้ แต่หลอกว้านจงได้แต่งเพิ่มให้มีอรรถรสยิ่งขึ้น

เตียวหุยเข้าตาจนแทนที่จะคลุ้มคลั่งแต่กลับนิ่งมีสติคิดว่าแผนหลอกโจโฉ โดยการสั่งให้ทหารนำติดกิ่งไม้แล้วผู้ไว้หลังม้า วิ่งแล่นไปมาทำให้เกิดฝุ่งคลุ้งเพื่อลวงโจโฉว่ามีทหารซุ่มอยู่มาก พอโจโฉยกทัพมาพบกับเตียวหุยก็เกิดสงสัยคิดว่านี่คงเป็นอุบายของขงเบ้ง

"กูคือเตียวหุย ใครคนไหนจะมารบกับกูก็เข้ามา" เสียงของเตียวหุยดังจนนายทหารของโจโฉถึงกับช็อคตาย โจโฉด้วยความขี้ระแวงจึงสั่งถอนทัพกลับ จากนั้นเตียวหุยก็สั่งให้ทหารรื้อสะพานแล้วก็ไปเล่าผลงานตัวเองให้พี่ใหญ่ฟัง

พอเล่าปี่ได้ฟังก็ชื่นชมเตียวหุย แต่ก็แอบตึงอยู่บ้างเล็กๆน้อยๆ "ตัวเจ้ามีฝีมือก็จริงแต่เสียดายที่ทำอุบายมิตลอด ถ้าเจ้าไม่รื้อสะพานโจโฉก็ยังหวั่นเกรงว่าเราจะแอบซุ่มอยู่ แต่เจ้าสั่งรื้อสะพานอีกไม่นานโจโฉก็คงจะรู้และยกทัพตามมาตีในภายหลัง" แม้เล่าปี่จะดูติ๋มๆแต่เล่ห์กล อุบายของเล่าปี่ก็ไม่ใช่ย่อย

ต่อมาผลงานของเตียวหุยคือ

- เตียวหุยใช้อุบายหลอกโจโฉที่สะพานเตียวปัน
- เตียวหุยยกทัพยึดเมืองบุเหลงได้
- เตียวหุยเอาชนะใจเงียมหงันขณะที่ยกทัพเข้าตีเมืองเกงจิ๋ว เตียวหุุยสามารถยกเข้าเมืองเกงจิ๋วโดยไม่ต้องรบ
- เตียวหุยใช้อุบายเอาชนะเตียวคับยอดขุนพลของโจโฉ
- เตียวหุยรบรบชนะม้าเฉียวและเชื่อฟังเล่าปี่

จะเห็นได้ว่าเตียวหุยนั้นมีการเปลี่นแปลงไปในทิศทางที่ดีมาก ผมมองว่าคนเราหารู้จักที่จะเปลี่ยนแปลง ทำตัวเหมือนน้ำไม่เต็มแก้ว ก็จะสามารถเป็นอย่างเตียวหุยได้ทุกคน เตียวหุยจากคนอารมณ์ร้อนกลับมาเป็นคนที่ใจเย็นเชื่อฟังคนอื่นมากขึ้น จึงทำให้เตียวหุยนั้นพัฒนาเกินขีดจำกัดของจน

Monday, August 22, 2016

ฤทธิ์เดชของมังกร



ในขณะที่โจโฉและเล่าปี่เสพสุรากินโต๊ะกันอยู่นั้น ท้องฟ้าพลันบังเกิดเมฆดำปกคลุมคล้ายรูปมังกร โจโฉจึงถามเล่าปี่ว่า

โจโฉ "ท่านทราบหรือไม่ว่ามังกรนั้นแผลงฤทธิ์อย่างไร?"
เล่าปี่ "ข้าปัญญาน้อย ไม่ทราบว่ามังกรนั้นแผลงฤทธิ์อย่างไร"

โจโฉ "อันมังกรนั้นมีฤทธิ์เดชมาก สามารถแปลงร่างใหญ่ได้ เล็กได้ เหาะเหินซ่อนเร้นได้ แม้นแปลงร่างใหญ่ก็จักกระจายเมฆ พ่นหมอก แม้นแปลงร่างเล็กก็จะดั่งพญางูที่ซ่อนร่าง แม้นลอยขึ้นไปก็จะบินผงาดเผ่นโผนโจนทะยานเหนือเมฆแห่งจักรวาล แม้นซ่อนร่างก็จะแอบแฝงอยู่ในคลื่นทะเล ดังนั้นการปรากฏกายของพญามังกรจึงอุปมาดั่งยอดบุรุษในพิภพ ท่านทราบหรือไม่ว่า เวลานี้ใครยิ่งใหญ่และมีสติปัญญาบ้าง"

(มังกร ย่อมเปลี่ยนแปรตามสถานการณ์ ยามใหญ่ก็ฟ้อนเมฆเหินหาว ยามเล็กก็ซ่อนตัวตน ยามปรากฏจะผงาดกลางฟ้า ยามเร้นกายก็แทรกบังอยู่ในคลื่น มังกรแปรเปลี่ยนไปตามกาลโอกาส เช่นเดียวกับคนผู้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร พญามังกรก็เหมือนวีรบุรุษ ตัวท่านออกท่องไปทั่วบนแผ่นดิน คิดว่าใครเป็นวีรบุรุษบ้างเล่า) :- ซีรีส์ สามก๊ก 1994

เล่าปี่ "ข้าพเจ้านี้มีสติปัญญาน้อย ความรู้และประสบการณ์ก็ยังน้อย ผู้ใดที่มีสติปัญญานั้นเกินความรู้จริงๆ"  เล่าปี่ตอบอย่างถ่อมตน
โจโฉ "เหตุไฉนท่านจึงไม่แสดงความรู้ให้ฟังบ้างหล่ะ หากจะไม่รู้ก็ย่อมได้ยินจากที่อื่นๆบ้าง"

เล่าปี่ถ่อมตนมากเกินไปกลัวโจโฉจะจับได้ถึงออกความเห็นออกมาอย่างระวัง

เล่าปี่ "ตามความคิดของข้าพเจ้านั้นเห็นว่าอ้วนสุดนั้นมีสติปัญญา กำลังทหารที่กล้าแข็งก็มีเป็นจำนวนมาก ทั้งเสบียงอาหารก็พรักพร้อม"
โจโฉ "ฮ่าๆ อ้วนสุดเจ้าเมืองลำหยงนั้นอุปมาเหมือนศพอยู่ในหลุม ซึ่งจะนับถือว่ามีสติปัญญานั้นไม่ได้"




เล่าปี่ "งั้นคงเป็นอ้วนเสี้ยวเจ้าเมืองกิจิ๋ว พี่ชายของอ้วนสุด เป็นเชื้อสายขุนนางสืบทอดต่อมาถึงสามชั่วอายุคน บัดนี้ได้ครองดินแดนกิจิ๋วทางภาคเหนือมีทั้งทหารและที่ปรึกษาจำนวนมาก"
โจโฉ "เฮอะ! อ้วนเสี้ยวเป็นคนบ้ายศถาศักดิ์ น้ำใจก็ขลาด คิดการสิ่งใดเสียมากได้น้อย ซึ่งจะนับถือว่ามีสติปัญญานั้นไม่ได้"





เล่าปี่ "ถ้าเช่นนั้นเล่าเปียวเจ้าเมืองเกงจิ๋ว น้ำใจก็โอบอ้อมอารี ทหารพร้อมเพียง"
โจโฉ "โจโฉแย้งว่าเล่าเปียวเป็นคนมีชื่อเสียงจอมปลอมเท่านั้น"




เล่าปี่ "แล้วซุนเซ็กหล่ะ? เจ้าเมืองกังตั๋ง ชัยภูมิดี ยังหนุ่มยังแน่น มีกำลังกล้าแข็ง ท่านจะเห็นเป็นประการใด?"
โจโฉ "ซุนเซ็กนั้นมีฝีมือเป็นประมาณ ได้กินบุญเก่าซุนเกี๋ยนผู้เป็นบิดาจึงทำกำเริบได้เราว่าคนผู้นี้มิควร"





เล่าปี่ "งั้นคงเป็นเล่าเจี้ยงเจ้าเมืองเสฉวน ซึ่งเป็นหัวเมืองทางด้านตะวันตกมีความอุดมสมบูรณ์ แถมยังเป็นเชื้อพระวงศ์"
โจโฉ "เล่าเจี้ยงนั้นถึงเป็นเชื้อพระวงศ์ก็จริง แต่หาความคิดมิได้ อุปมาเหมือนสุนัขเฝ้าประตู"



เล่าปี่ "แล้ว เตียวสิ้ว เตียวฬ่อ ม้าเท้งและหันซุยหล่ะ?"
โจโฉ "คนผู้นี้ มีแต่ชื่อ จะหยิบเอาความคิดสิ่งใดก็มิได้ ท่านเอามาว่าให้เสียปากเลย"



เล่าปี่ไล่มาจนเกือบครบทุกคนแล้วแต่โจโฉก็วิจารณ์เหล่าขุนพลต่างๆได้อย่างชัดเจนเล่าปี่ก็เริ่มกระวั่น

โจโฉก็กล่าวขึ้นมาว่า "อันผู้มีสติปัญญานั้น ถ้าจะคิดสิ่งใดก็กว้างขวางโอบอ้อมอารี คิดอ่านประการใดก็มิมีใครล่วงรู้ได้ จึงจะนับได้ว่ามีสติปัญญาลึกซึ้ง


เล่าปี่ "ข้าพเจ้ายังไม่เห็นผู้ใดว่าเป็นผู้มีสติปัญญากว้างขวางเหมือนดังคำท่านเลยซักคน"
โจโฉ "ทั้งแผ่นดินคงไม่มีใครมีสติปัญญา เหมือนดั่ง ท่านกับข้าพเจ้าสองคนเท่านี้อีกแล้ว!"

เล่าปี่ได้ฟังเช่นนั้นก็สะดุ้งสุดตัว ตกใจจนตะเกียบหลุดจากมือ...

Friday, August 19, 2016

"เล่าปี่" ผู้สวมหน้ากากคุณธรรม



หลังจากอวยเล่าปี่มาเยอะหลายตอน วันนี้มาสาธยายด้านมืดของเล่าปี่บ้าง ใครๆก็บอกว่าเล่าปี่เป็นพระเอก หลอกกว้านจงแต่งเรื่องให้เล่าปี่เป็นพระเอก ผมเถียงขาดใจเลย ผมกลับมองข้าม ถ้าอ่านดีๆจะเห็นว่าเล่าปี่นั้นมีข้อเสียที่กล่าวในวรรณกรรมเยอะเลย ถ้าหลอกว้านจงเชียร์เล่าปี่จริงก็น่าจะตัดในบางจุดบางอย่างออก แต่กลายเป็นว่าเล่าปี่เป็นตัวละครในวรรณกรรมสามก๊กที่ถูกด่ามาที่สุด

เล่าปี่วัยเด็กเคยพูดว่า "ถ้ากูได้เป็นเจ้า กูจะเอาต้นหม่อนต้นนี้ไปทำคันเศวตฉัตรกั้น" นั่นไงเปิดเผยถึงความมักใหญ่ใฝ่สูงไม่ต่างกับโจโฉ แต่เสียดายเกิดมาจน แต่มีจุดขายคือเป็นเชื้อพระวงศ์ มีกวนอูเตียวหุยมาเป็นลูกน้องอีก ยิ่งเสริมบารีให้เล่าปี่ต่างๆนาๆ จากนั้นบ้านเมืองเกิดจรจลเล่าปี่มีอุดามการณ์ปราบโจรโพกผ้าเหลือง หลังสิ้นโจรโพกผ้าเหลืองแล้วอุดมการณ์เล่าปี่คืออะไรหล่ะ?

เล่าปี่ถือว่าเป็นยอดนักเอาตัวรอด ทิ้งลูกทิ้งเมียทิ้งน้องร่วมสาบานมาหลายครั้ง ผมไม่ได้เอ่ยลอยๆ วรรณกรรมเขียนเช่นนั้นจรืงๆ หลอกว้านจงน่าจะตัดตอนพวกนี้ออกนะ มิหนำซ้ำเล่าปี่ยังหักหลังคนอื่นได้เมื่อมีโอกาส โจโฉช่วยเลือกอุ้มชูเล่าปี่มาก็โดนเล่าปี่หักหลัง อ้วนเสี้ยวช่วยให้ที่พักอาศัย พอโจโฉยกทัพมาตีอ้วนเสี้ยว เล่าปี่ก็เผ่นหนี ร่วมมือกับขงเบ้งหักหลังซุนกวนและจิวยี่

ถ้าในมุมของผู้นำซื้อใจลูกน้อง ลูกน้องเทใจให้เต็มร้อย แต่ถ้าในมุมของครอบครัว....คงจำวลีเด็ดของเล่าปี่ได้ "พี่น้องเหมือนแขนขา ลูกเมียเหมือนเสื้อผ้า เสื้อผ้าขาด ยังพอเย็บได้ แขนขาขาด ไม่อาจต่อได้" ถ้าเมียมาได้ยินก็คงเสียใจแย่.... ในฉากที่โจโฉไล่ตีเล่าปี่ เมียเล่าปี่ยอมโดดน้ำตายเพื่อให้ลูกตัวไปกับจูล่งอย่างปลอดภัยเพื่อที่ตัวเองจะไม่ได้เป็นตัวถ่วง แต่เล่าปี่กลับโยนลูกทารกตัวเองทิ้ง (ทิ้งไปให้จูล่งรับ) หลังจากนั้นเล่าปี่ก็ติดเมียซุนซางเซียงจนลืมจูล่ง...

ช่วงเลยกลางเรื่องมาหน่อยเตียวสงมอบแผนที่ให้เดินทางไปเมืองเสฉวน เล่าปี่มองคนเก่งก็น่าจะรู้ว่าเตียวสงขายนายตัวเอง การเดินทางของเล่าปี่ไปเสฉวนนั้นถ้าไม่ใช่ไปยึดและจะไปทำไมอีกหล่ะ? การที่บอกว่าไม่แย่งชิงเมืองแซ่เดียวกัน สุดท้ายก็ไปยึดมาเป็นของตัวเอง ถือว่าเป็นผู้สวมหน้ากากคุณธรรมได้ร้ายกาจที่สุด พอโจโฉขึ้นเป็นอ๋อง เล่าปี่ก็แต่งตั้งตัวเองเป็นอ๋องบ้าง พอโจผีเป็นฮ่องเต้ เล่าปี่ก็เป็นฮ่องเต้บ้าง

ปากก็บอกเองว่าขอยืมเมืองเกงจิ๋ว สุดท้ายก็ไม่คืน เขาเลยยกทัพใหญ่มายึดเองเสียเลย พอเสียเกงจิ๋วเสียกวนอู เล่าปี่ก็โกรธจัด ยกทัพไปตีซุนกวน ขงเบ้งบอก "ศัตรูท่านคือโจผี มิใช่ซุนกวน ล้างแค้นแทนราชวงศ์ฮั่น มิใช่ความแค้นส่วนตัว" จูล่งเองก็คงงอนเล่าปี่ก็เลยไม่ไปด้วย ที่เล่าปี่บอกว่า "พี่น้องเหมือนแขนขา ลูกเมียเหมือนเสื้อผ้า" คงไม่ใช่คำพูดโม้ๆอีกต่อไป เพราะเล่าปี่โกรธจริงที่มาทำกับน้องของตน นี่แหละยอดนักซื้อใจลูกน้องอันดับ 1 ในสามก๊ก

Wednesday, August 17, 2016

"ข้าไม่ได้อยากเป็นใหญ่"


โจโฉในวรรณกรรมนั้น จะว่าเป็นตัวร้ายก็ไม่เชิง จะเป็นพระเอกก็ไม่เชิง แต่ในมุมผมโจโฉเล่นบทเอกมากกว่าบทร้ายเสียอีก หลายบทความผมมักจะชื่นชมโจโฉ แต่บทความนี้ขอโจมตีอีกมุมนึงหน่อยหล่ะกัน

ในวัยเด็กมีคนทำนายว่าโจโฉจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน แต่เป็นคนคิดไม่ซื่อเป็นศัตรูราชสมบัติ โจโฉได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะชอบใจ คงอาจจะเป็นอุดมการณ์ในใจสมัยเด็กหรือไม่ก็หัวเราะที่ไม่เข้าใจในคำว่าศัตรูราชสมบัติคืออะไร...

โจโฉนั้นได้เป็นพระเอกขี่ม้าขาวเข้าไปช่วยเหลือปราบกฎบลิฉุยกุยกีในเมืองหลวงจนตนเองได้เป็นถึงมหาอุปราชซึ่งเป็นตำแหน่งและอำนาจสูงสุดรองจากฮ่องเต้เท่านั้น โจโฉสามารถแอบอ้างราชโองการได้ต่างๆนาๆ และมีการท้าทายอำนาจพระเจ้าเหี้ยนเต้ในหลายๆครั้ง

ในกลางๆเรื่อง โจโฉได้เผยความในใจความว่า

"ถ้าบ้านเมืองขาดข้าสักคน ไม่รู้ว่าจะมีอีกกี่คนตั้งตัวเป็นจักรพรรดิ บางคนเห็นข้าเป็นใหญ่ก็คิดสงสัยว่าข้าจะคิดคด ซึ่งผิดถนัด จะให้ข้าละทิ้งอำนาจทหาร ไปกินเมืองสักแห่งหนึ่ง 
ข้าทำไม่ได้ เกรงว่าจะถูกคนชั่วทำร้าย ถ้าพ่ายอาณาจักรจะล่ม บ้านเมืองจะปั่นป่วน ไฉนข้าจะบ้าชื่อเสียงเสี่ยงภัยมหันต์ ความทุกข์ของข้า ท่านไม่แน่ว่าจะรู้ ใครล่ะ จะรู้ใจข้า ใครบ้างที่รู้ใจเรา ผู้ใดบ้างที่รู้ใจเรา" :- จากซีรี่ส์สามก๊ก 1994


ซึ่งเป็นคำพูดที่สวยหรูแต่เมื่อเวลาผ่านไป โจโฉก็ได้แต่งตั้งตัวเองขึ้นเป็นวุยก๋งและวุยอ๋อง ทำให้ที่ปรึกษาอย่างซุนฮกต้องตรอมใจตายที่เห็นนายของตนตั้งตนเป็นใหญ่ แม้ว่าโจโฉไม่ได้ชิงราชสมบัติเป็นของตนแต่นักวิเคราะห์บางกลุ่มกลับมองว่า โจโฉนั้นได้ปูทางให้แก่โจผีผู้ลูก

ตัวละครทุกตัวนั้นไม่มีขาว มีดำ มีแต่เทาๆ ดีชั่วปะปนกันไป

Monday, August 15, 2016

กบฏซุนกวน



หลังจากที่อวยตัวละครตัวนั้นตัวนี้ไปเยอะแล้ว ขอกล่าวอีกมุมนึงของด้านมืดตัวละครบ้าง คนที่อ่านสามก๊กก็คงจะรู้กันดีว่า ตัวละครหลักๆเกือบทุกตัวเป็นกบฏ ฟังดูอาจจะแรงไปหน่อย ถ้าไม่ใช่ก็ไกล้เคียง

กล่าวคือ ซุนเกี๋ยนพ่อซุนกวนนั้น ยกทัพปราบตั๋งโต๊ะ ตั๋งโต๊ะเกรงกลัวซุนเกี๋ยนจึงเผาเมืองหนีจากเมืองลกเอี๋ยงไปยังเมืองเตียงอัน จากนั้นซุนเกี๋ยนก็สามารถเข้าไปยังเมืองลกเอี๋ยงได้ และได้เก็บตราลัญจกรได้ จึงเลิกทัพกลับเมืองเตียงสา

การยกทัพกลับครั้งนี้ก็หวังที่จะไปตั้งตัวเป็นใหญ่ หลังจากกลับเมืองได้ไม่นานก็เกิดศึกสงครามต่างๆนาๆ ทำให้ซุนเกี๋ยนก็เสียชีวิตลง

ซุนเซ็กสืบทอดต่อได้ไม่นานก็ตกอับไปอาศัยอยู่กับอ้วนสุด คิดที่จะเป็นใหญ่แต่ไม่มีกำลัง จึงได้นำตราลัญจกรที่ซุนเกี๋ยนเก็บได้นั้นไปแลกกับทหารม้าเพื่อเป็นทุน ยกทัพไปยึดครองดินแดนกังตั๋งมาไว้เป็นของตัวเอง จนกลายเป็นแซ่ใหญ่ของเขตนั้น

ต่อมาซุนกวนก็ได้โลซกมาไว้เป็นที่ปรึกษา โลซกคนนี้ก็เสนอการยึดแผ่นดินให้แก่ซุนกวน โดยเริ่มมาจากการเข้าตีหองจองยึดเมืองกังแฮและตีเล่าเปียวเมืองเกงจิ๋ว จากนั้นค่อยเข้ายึดดินแดนตงง้วนอย่างเปิดเผยในวรรณกรรม

ในก่อนศึกผาแดง จิวยี่ก็แสดงให้เห็นถึงการแข็งข้อไม่อ่อนน้อมต่อโจโฉ ก็เท่ากับว่าไม่ขึ้นตรงกับเมืองหลวงอีกต่อไป

ตอนต่อไปติดตามกบฏเล่าปี่กับกบฏโจโฉบ้าง สองคนนี้ก็อย่างที่เราๆรู้กันว่าด้านมืดเป็นอย่างไร ติดตามชมตอนต่อไป :)

Saturday, July 9, 2016

สัมผัสแรกกับเกมส์สามก๊ก 13 ver. ภาษาอังกฤษ


แฟนๆเกมส์ Romance of The Three Kingdoms 13 คงจะได้ยินข่าวว่าเร็วๆนี้มี version ภาษาอังกฤษออกมาให้ได้ซื้อมาเล่นกัน ผมเองก็ได้ลองสัมผัสไปบางส่วนยังงงๆอยู่ ส่วนตัวชอบภาค 11 มาก แต่พอมาเล่นภาคนี้มันก็คนละแนวแต่มีรายละเอียดค่อนข้างเยอะและมีการเล่นใน hero mode ได้อีกด้วย ในเกมภาพสวยโดนใจกระผมกันเลยทีเดียว



อันนี้คือรูป Menu หน้าแรก



พอเข้ามาที่ Hero mode เราก็เล่นตามเนื้อเรื่องไป ไม่ได้ยึดติดว่าเราต้องเป็นฝ่ายไหนฝ่ายหนึ่ง



อันนี้ก็จะเป็นโหมดปรกติที่ version ก่อนๆก็มี คือเลือกแต่ละยุคแล้วก็สร้างทหารไปรบกัน ตีเมืองกันจนรวมแผ่นดินได้เป็นหนึ่ง




ข้อมูลตัวละครต่างๆ ผมลองเปิดมาดูอาเฮียเล่าปี่เสียหน่อย ชุดนักรบขี่ม้าอย่างหล่อเลย



พอเข้ามาในตัวเกมก็จะเป็นประมาณนี้




ภาพแสดงความสัมพันธ์ระหว่าง ตัวละคร มันก็จะมีเควสให้ทำไปเรื่อยๆ ฉากนี้โจโฉเข้าไปคุยกับเตียนอุย



ฉากนี้โจโฉยกทัพออกไปตีเมืองอื่น



พอเข้ามาฉาก action ก็มีรูปโจโฉเท่ห์ๆพร้อมรบหลังจากจัดแจง formation ต่างๆเสร็จ



ฉากสงครามนี้ก็จะคล้ายๆกับภาค 12 ควบกันไปจนสามารถตีเมืองได้สำเร็จ



ฉากนี้คือผมเดินทางไปเชื่อมความสัมพันธ์กับอ้วนเสี้ยวเพื่อรวมพลังกันสู้กับตั๋งโต๊ะ ในขณะที่โจโฉกำลังเดินทางอยู่ผมเลย ขยายแผนที่ออกมาเป็นแบบใหญ่ๆดู เห็นเกือบทุกเมือง



พอมาถึงเมืองก็ทำการโต้วางทีกับเหล่ากุนซือของอ้วนเสี้ยว



ฉากสงครามน้ำลาย



อันนี้ฉากก่อนที่จะทำการดวลกันตัวต่อตัวโดยลิโป้สู้กับราชาแห่งโจรกระจอก



อาเฮียลิโป้ก็จัดหนัก ฉากนี้ก็คล้ายๆกับภาค 11 แต่ดูสวยขึ้นมามากกว่าเดิม



แต่การรบกับคล้ายๆกับการโต้วาที มี option ให้เลือก แล้วก็มาดูว่าอันไหนชนะอันไหนก็เลือกๆสุ่มกันไป



ฉากในเมืองบ้าง โดยกำลังจะสั่งให้ลิโป้ออกลาดตระเวนคุ้มกันเมืองลกเอี๋ยง


ภาพโดยรวมสวยงามมาก ใครที่ลองเล่นแล้วก็มาแชร์ๆเทคนิคกันหน่อย แต่ผมเองก็ยังเล่นได้ไปจบ ก็กำลังศึกษากันไปเช่นกัน โดยรวมชอบมากครับ  ^^

คู่มือเกมส์สามก๊ก 13 : ตอนที่ 1 แนะนำเมนูเกมส์


เปิดเกมส์สามก๊ก 13 มาก็จะพบกับ Menu ดังรูป โดยจะมีให้เลือกดังนี้

Hero Mode : เล่นแบบเนื้อเรื่องตามตัวละคร โดยโหมดนี้จะเดินเรื่องตามเนื้อเรื่องไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้กำหนดตายตัวว่าเราจะเป็นใคร

Main : เล่นแบบเลือกปรกติเหมือนๆกับ ภาคก่อนๆ ที่จะมีแต่ละยุคให้เลือกจากนั้นก็ สร้างเมืองสร้างทหาร ไล่ตีกันจนยึดได้ทั้งแผ่นดิน

Load : โหลดเกมส์จากที่เซฟไว้มาเล่นต่อ

Edit Offices : การสร้างตัวละครใหม่ ดูข้อมูลตัวละครเก่า

Collection : ดูข้อมูลต่างๆที่เราได้พบเหตุในแต่ละจุดของเกม พวกเหตุการณ์ต่างๆที่ได้เจอในเกม

Misc Setting : การตั้งค่าต่างๆของเกมส์

End Game : ออกจากเกมส์


Hero Mode

โหมดนี้ก็จะเริ่มเล่นจากตัวละครของเล่าปี่เป็นต้นไป โดยจะเดินเนื้อเรื่องไปเรื่อยๆตามวรรณกรรม จบแล้วก็ไปต่อเรื่องของโจโฉ ผมเองก็ยังเล่นไปไม่ครบไว้จะค่อยๆเสริมเติมแต่งไปเรื่อยๆนะครับ


Main

โหมดนี้ก็จะต้องเลือก Scenario ของแต่ละยุคว่าเราจะเล่นยุคไหนโดย
184A.D. Feb. Yellow Turban Rebellion : คือยุคที่ราชสำนักร่วมมือกันปราบโจรโภคผ้าเหลือง

190A.D. Jan. Anti Dong Zhuo Coalition : คือยุคที่ตั๋งโต๊ะเรืองอำนาจที่เมืองหลวงและเหล่าขุนพลต่างก็ลุกขึ้นมาต่อต้าน

195A.D. Jan Warlords : คือยุคสงครามขุนศึกต่างก็แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น โจโฉ ลิโป้ อ้วนเสี้ยว อ้วนสุด เล่าปี่ ซุนเซ็ก กองซุนจ้าน เล่าเปียว และอีกมากมาย

200A.D. Feb. The battle of guandu : ยุคที่โจโฉกับอ้วนเสี้ยวรบกันในสงครามกัวต๋อ

207A.D. Sept. The Three Visits : ยุคที่สามผู้นำพบกันในสงคราม คือช่วงก่อนศึกเซ็กเพ็กนั่นเอง

214A.D.Jun. Yi Subjugation : ยุคที่เล่าปี่สามารถยึดเมืองเสฉวนได้แล้ว

Edit Officer

โหมดนี้ก็จะสามารถสร้างตัวละครใหม่ขึ้นมาได้ โดยจะเลือกหน้าตาหล่อเหลา หรือว่าโหดๆก็แล้วแต่ความชอบ


จากนั้นก็มาปรรับแต่งความสามารถ เอาแบบเก่งเวอร์กว่าขงเบ้งก็จัดไป

Collection

โหมดนี้ก็จะสามารถมาดูประวัติต่างๆของตัวละครและอื่นๆที่อยู่ภายในเกม


ตัวละครที่เราต้องการจะดู


หนังสั้นที่ในเกมส์ฉายให้เราดูแล้ว

Misc Setting

ตั้งค่าต่างๆของเกมว่าจะปรับหน้าจอเท่าไหร่ คุณภาพของกราฟฟิค กำหนด scroll, ความเร็วของการแสดข้อความ ความยากของเกม แล้วก็ระบบแนะนำวิธีเล่น

ตอนนี้พอหอมปากหอมคอกันไปก่อนนะครับ ผมเองก็ยังเล่นได้ไม่ครบ ไว้ติดตามตอนต่อไป :)

Wednesday, June 29, 2016

ยุทธศาสตร์หลงจง




ค.ศ.213
เล่าปี่เดินทางมาพบขงเบ้งที่โงลังกั๋งถึง 3 ครั้ง 3 ครา เพื่อที่จะเชิญขงเบ้งไปทำราชการด้วย

ขงเบ้งจึงว่า...


อันแผ่นดินเกิดจลาจลทุกวันนี้ก็เพราะตั๋งโต๊ะนั้นเป็นต้น ฝ่ายโจโฉเล่า ที่ซ่องสุมทหารทั้งปวงแล้วยกไปกำจัดอ้วนเสี้ยวได้นั้นใช่ว่าจะสำเจ็จด้วยกำลังทหารมากก็หาไม่ ทหารโจโฉน้อยกว่าอ้วนเสี้ยวอีกแลอาจสามารถทำการใหญ่หลวงสำเร็จได้ทั้งนี้เพราะปัญญาแลความคิดของตัว ถึงมาตรว่าโจโฉเป็นคนชั่ว มิได้มีกตัญญูต่อพระเจ้าเหี้ยนเต้ คิดอ่านกระทำการหยาบช้าถึงเพียงนี้แล้วก็ดี ก็ยากที่จะกำจัดโจโฉได้โดยง่าย 

ฝ่ายซุนกวนอันเป็นเจ้าเมืองกังตั๋งเล่า ถึงมีกำลังน้อยก็เสมือนมีกำลังมาก ด้วยอาณาประชาราษฎรรักใคร่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ท่านอย่าพิ่งประมาทแก่ซุนกวน ควรที่จะรักใคร่เป็นไมตรีต่อกัน 

อันเมืองเกงจิ๋วนั้นเล่าก็เป็นเมืองหน้าศึก เหมือนศัตรูมีอยู่รอบทั้งสี่ด้าน ถ้าผู้ใดมีสติปัญญาสามารถก็จะรักษาได้ แลเมืองนี้นานไปก็จะได้แก่ท่าน แลเมืองเสฉวนเล่าก็เป็นหัวเมืองใหญ่ มั่งคั่งไปด้วยทรัพย์สมบัติเป็นอันมาก แลครั้งพระเจ้าฮั่นโกโจก็ตั้งตัวได้ในเมืองนั้นก่อน บัดนี้เล่าเจี้ยงเจ้าเมืองเสฉวนเป็นคนโลเลอยู่หาแน่นอนไม่แล้วก็มิได้อารีรอบคอบที่จะปลูกเลี้ยงทหาร ถึงจะมีสมบัติดังเมืองฟ้าก็นับวันจะสาบสูญ บัดนี้ทหารทั้งปวงก็คอยทีจะเอาใจออกห่างอยู่ ตัวท่านก็เป็นเชื้อพระวงศ์พระเจ้าเหี้ยนเต้ แล้วประกอบไปด้วยสติปัญญาอันรอบคอบ ถ้าจะคิดเอาเมืองเกงจิ๋วแล้ว เมืองเสฉวนก็จะได้โดยง่าย แต่ทว่าได้แล้วจงทำไมตรีให้รอบคอบต่อหัวเมืองทั้งปวง 

อันซุนกวนนั้นก็จะได้เป็นที่พำนักของท่านไปจะได้ตั้งทำนุบำรุงทหารให้พร้อมมูล ถ้าเห็นแผ่นดินระส่ำระสายแล้วเมื่อใด ก็จะได้คิดอ่านทำการสืบไปได้สะดวก ฝ่ายอาณาประชาราษฎรทั้งปวงก็จะมีใจรักใคร่ท่านเป็นอันมาก ซึ่งท่านมาความปรารถนาจะให้ช่วยทำนุบำรุงนั้น ข้าพเจ้าก็สั่งสอนให้ได้ตามสติปัญญาแต่เพียงนี้ แม้ท่านมีความอุตส่าห์กระทำตามถ้อยคำของข้าพเจ้าก็จะสำเร็จตามความปรารถนา ถ้าท่านมีความอุตส่าห์พยายามคิดอ่านทำการได้เมือวงเสฉวนนี้แล้ว ก็จะได้เป็นใหญ่สมความปรารถนา :- ฉบับ เจ้าพระยาพระคลัง(หน)

ตั้งแต่ตั๋งโต๊ะก่อเหตุขึ้นแล้ว เหล่าขุนศึกต่างแก่งแย่ง กำลังโจโฉด้อยกว่าอ้วนเสี้ยว แต่กลับเอาชนะอ้วนเสี้ยวได้ เพราะฟ้าให้โอกาสและอาศัยปัญญากุนซือ โจโฉมีกำลังพลนับร้อยหมื่น ใช้ราชโองการบีบขุนศึก ท่านไม่ควรเข้าปะทะโดยตรง ซุนกวนครองแคว้นกังตั๋งมาสามชั่วคน ชัยภูมิที่มั่นดี ควรผูกพันธมิตร ไม่ควรคิดปราบเขา เกงจิ๋วเหนือมีแม่น้ำ ใต้จรดทะเล ติดกับง่อก๊กและปาจ๊ก คือแหล่งยุทธภูมิ ไม่เก่งรักษาไม่ได้ นี่เป็นสิ่งที่ฟ้าประทานให้ท่าน หรือท่านไม่คิดยึดเกงจิ๋วเอาไว้ ทางประจิมก็ติดกับเอ๊กจิ๋ว เส้นทางกันดาร พื้นที่กว้างขวางอุดมสมบูรณ์ ฮั่นโกโจเคยใช้เป็นฐาน ตอนนี้เล่าเจี้ยงอ่อนแอ แม้คนมากก็จริง แต่เมื่อเจ้านายไม่ดี คนย่อมหาเจ้าใหม่เป็นของธรรมดา ตัวท่านก็เป็นเชื้อพระวงศ์ ชื่อเสียงคุณธรรมเลื่องลือนัก หากชุบเลี้ยงผู้กล้าและนักปราชญ์ และยึดครองทั้งเกงจิ๋วและเอ๊กจิ๋ว ป้องกันตัวไว้ ผูกมิตรชาวหยง เกลี้ยกล่อมชาวอี๋ ร่วมมือซุนกวน ปกครองให้ดี รอเหตุการณ์เปลี่ยนแปลง ค่อยให้ขุนพลเอกยกทัพจากเกงจิ๋วรุกเข้าลกเอี๋ยง ตัวท่านนำกองทัพเอ๊กจิ๋วรุกเข้าจิ๋นฉวน ราษฎรก็จะคอยต้อนรับกองทัพท่านขุนพล หากทำตามนี้การใหญ่จะสำเร็จ ราชวงศ์ฟื้นฟู ท่านคิดบรรลุการใหญ่ ฟ้ามอบโอกาสให้โจโฉ ซุนกวนได้ชัยภูมิดี ส่วนท่านได้ครองใจคน จะสามารถยึดเสฉวน ๕๔ เมือง โดยการยึดเกงจิ๋วก่อน แล้วค่อยขยายไปที่เสฉวนค้ำจุนเป็นฐานมั่นคง จากนั้นค่อยยึดตงง้วน :- จากบทแปลภาพยนตร์โทรทัศน์ เรื่อง สามก๊ก 1994