Sunday, July 29, 2012

#166 หน้าที่ของที่ปรึกษา





ชัยชนะครั้งนี้ทำให้ กวนอู เตียวหุย จูล่ง แม้กระทั่งเล่าปี่ รู้สึกว่าทำไมถึงชนะได้อย่างง่ายได้เพียงนี้ แต่ละสงครามที่ผ่านมาหนักหนายิ่งนัก นี่คงเป็นเพราะอนุภาคมันสองของกุนซืออย่างขงเบ้งได้วางแผนรบให้แก่ทัพของเล่าปี่ ทหารทุกคนต่างก็สรรเสริญสติปัญญาและความสามารถของขงเบ้งยิ่งนัก ศึกครั้งแรกของขงเบ้งสามารถทำให้ตัวเองมีบารมีเพิ่มขึ้นเป็นอันมากจึงได้ผ่านพ้นวิกฤตศรัธามาได้



ทหารทั้งปวงเดินทางกลับมองได้พบกับโต๊ะกินเลี้ยงที่ขงเบ้งได้เตรียมไว้ให้ กวนอู เตียวหุย จูล่ง ได้เข้าไปคำนับขงเบ้ง ทุกคนต่างชื่นชมขงเบ้ง แต่ขงเบ้งก็ถ่อมตนแถมยังยกความดีความชอบให้แก่เหล่าทหาร ขงเบ้งใช้โอกาสนี้ซื้อใจผู้ใต้บังคับบรรชา มิได้แสดงถึงความหยิ่งยโสหรือหลงตัวเอง นี่แหละคือการวางตัวของสุดยอดผู้นำอย่างขงเบ้ง (ผมก็พูดเว่อร์ไป)

ขงเบ้งจึงว่า "แฮหัวตุ้นปราชัยครั้งนี้ เห็นทีโจโฉคงต้องยกทัพใหญ่มาแก้แค้นพวกเราเป็นแน่แท้"

เล่าปี่ได้ยินก็ตกใจจึงถามคงเบ้งว่า "เราควรจะรับมือโจโฉเช่นไร?"

ขงเบ้งจึงว่า "ถึงแม้นว่าข้าพเจ้ามีแผนสามารถรับมือกับโจโฉ แต่เมืองซินเอี๋ยนั้นเล็กยิ่งนักไม่สามารถรับทัพใหญ่โจโฉได้แน่นอน ทหารและเสบียงก็น้อย ควรที่จะหันไปใช้เมืองเกงจิ๋วรับศึกใหญ่ บัดนี้เล่าเปียวก็ป่วยอยู่ เห็นจะไม่สามารถคิดอ่านสู้รบกับโจโฉได้ ท่านควรที่จะยกทัพไปยังเมืองเกงจิ๋ว อีกทั้งเล่าเปียวเคยยกเมืองเกงจิ๋วให้แก่ท่าน ถ้าใช้เมืองเกงจิ๋วเป็นที่มั่นก็จะสามารถรับมือทัพใหญ่โจโฉได้"

เล่าปี่ได้ฟังก็ตามขงเบ้งเบ้งไปว่า "ก็จริงดั่งคำท่านพูด แต่เล่าเปียวนั้นมีคุณแก่ข้าพเจ้า ทั้งเป็นคนแซ่เดียวกัน หากจะหักเอาเมืองเกงจิ๋วดั่งคำท่าน ข้าพเจ้าคงทำไม่ได้ "

ขงเบ้งจึงว่า "ข้าพเจ้าไม่ได้เสนอให้ท่านเนรคุณเล่าเปียว เพียงแต่หากไม่ทำอย่างนี้แค้นเกงจิ๋วก็จะตกเป็นของโจโฉ ลำพังเล่าเปียวก็ป่วยไม่สามารถลุกขึ้นมาสู้กับโจโฉได้ เมืองเกงจิ๋วคงแตกเสียแน่นอน"

เล่าปี่ก็ยังยืนกรานไม่ทำตามขงเบ้ง ขงเบ้งจึงสมทบไปอีกว่า "อันเมืองเกงจิ๋วนั้นก็จะได้แก่ท่าน แม้มิยกไปตามคำข้าพเจ้า นานไปจะมีอันตราย เมื่อมีเหตุขึ้นแล้วท่านจึงจะรู้จักสำนึก"


ขงเบ้งเองในฐานะที่ปรึกษามีหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่นาย ส่วนการตัดสินใจนั้นเป็นเรื่องของเล่าปี่ ขงเบ้งจึงไม่ได้บังคับหรือบีบคอคะยั้นคะยอเล่าปี่ หากเพียงแต่เล่าปี่ไม่เห็นด้วยประการใดแล้วตนก็ต้องวางแผนใหม่เพื่อรับมือผลที่จะเกิดขึ้นภายหลัง

ซึ่งตอนนี้ขงเบ้งได้ทำหน้าที่ของที่ปรึกษาได้ถูกต้อง ที่ปรึกษาบางคนออกความเห็นไปแล้วนายไม่เห็นด้วยก็งอนบ้างอะไรบ้างก็ไม่ถูก ขงเบ้งถือว่าได้วางตัวได้อย่างเหมาะสม แต่บางทีก็เห็นเจ้านายที่งี่เง่าที่ไม่เคยฟังคำที่ปรึกษาเลยซักครั้งเดียว ผมทิ้งทาย 2 มุมไว้ที่นี้หล่ะกัน

ซึ่งการตัดสินใจของเล่าปี่ครั้งนี้ถือว่าผิดพลาดยิ่งนัก หากผมเป็นเล่าปี่ผมก็อาจจะเลือกทำตามขงเบ้งยกทัพเข้าเมืองเกงจิ๋วต่อสู้กับโจโฉเมื่อชนะศึกแล้วก็ค่อยยกเมืองให้เล่าเปียวหรือลูกของเล่าปี่ตามธรรมเนียม เมืองก็ไม่เสียแถมยังไม่เนรคุณอีกต่างหาก แต่ก็ไม่แน่นะ หากเล่าปี่ยึดเมืองเกงจิ๋วอาจเกิดศึกภายในก็ได้ แต่ก็คิดว่าขงเบ้งน่าจะ "เอาอยู่"  :)

Saturday, July 28, 2012

#165 สงครามเนินพกบ๋อง




แฮหัวตุ้นเดินทางทั้งกลางวันกลางคืนด้วยความฮึกเหิมและเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ อีกทั้งพละกำลังและกองทัพของตนนั้นมีมากกว่ากองทัพเมืองซินเอี๋ยของเล่าปี่เป็นอันมาก กองทัพแฮหัวตุ้นมีมากอุปมาดั่งกองทัพจำนวนมากนี้จะเยี่ยบเมืองซินเอี๋ยให้ราบเป็นหน้ากลอง


แฮหัวตุ้นเดินทางมาถึงทุ่งพกบ๋องภูมิประเทศแคบยิ่งนัก กวนอูที่แอบสุ่มอยู่เห็นกองทัพแฮหัวตุ้นที่มีจำนวนมากถูกภูมิประเทศบีบให้แคบลง กองทัพมาเสมือนกองทัพน้อยเป็นดั่งที่ขงเบ้งคาดการณ์ไว้ ทั้งกวนอูและเตียวหุยเริ่มที่จะเห็นจริงดั่งคำคงเบ้งและเริ่มจะมีเชื่อมั่นในขงเบ้ง


แฮหัวตุ้นเดินทัพมาถึงกลางทางก็พบกับจูล่งทั้ง 2 ได้เข้ารบกัน จูล่งทำทีสู้ไม่ได้จึงรีบควบม้าหนีแฮหัวตุ้นตามแผนของขงเบ้ง แฮหัวตุ้นไม่รู้กลจึงฮึกเหิมเดินหน้าต่อไป แฮหัวตุ้นเดินทางได้ไม่นานก็ไปพบกับเล่าปี่ เล่าปี่และแฮหัวตุ้นเข้าสู้รบกัน เล่าปี่ทำท่าทีสู้ไม่ได้ (ถ้าสู้จริงๆก็อาจจะสู้ไม่ได้เหมือนกัน ู^ ^) จึงควบม้าถอยทัพหนี

แฮหัวตุ้นเห็นว่าตัวเองชนะถึง 2 ครั้ง 2 คราก็ยิ่งฮึกเหิม ทำได้ต้องตกไปอยู่ในอุบายของขงเบ้ง ซึ่งขงเบ้งได้วางหมากไว้เรียบร้อยแล้วว่านักรบผู้นี้หากชนะแล้วก็จะยิ่งฮึกเหิม อิกิ๋มเห็นท่าไม่ดีจึงเตือนสติแฮหัวตุ้นว่าภูมิประเทศนั้นคับขันยิ่งนักหากทหารเล่าปี่สุ้มโจมตีก็อาจจะเสียท่าได้ แฮหัวตุ้นได้สติเห็นจริงดั่งอิกิ๋มพูดก็ตกใจ


ทันใดนั้น เล่าฮองและกวนเป๋งก็จุดไฟเผากองทัพของแฮหัวตุ้น กิ่งไม้แห้งเขตนั้นก็ติดไฟอย่างง่ายดาย แสงเพลิงไหม้เป็นทางยาว ลมก็แรงพัดให้ไฟลุกไหม้ทำลายกองทัพของแฮหัวตุ้นจำนวน 10 หมื่น อย่างย่อยยับ


กวนอูเห็นแสงเพลิงเกิดขึ้นจึงยกทัพตีกลองหลังของแฮหัวตุ้นตามแผนของขงเบ้ง ฝ่ายจูล่งเมื่อเห็นแสงเพลิงจึงยกทัพเข้าไปตีกองทัพหน้าของแฮหัวตุ้น ของทัพของแฮหัวตุ้นเดินหน้าไม่ได้ถอยหลังก็ไม่ได้ ส่วนกลางก็โดนไฟเผาทหารบาดเจ็บล้มตายเป็นอันมาก แฮหัวตุ้นและอิกิ๋มพากันตีฝ่าหนีออกมาได้ โดยหนีไปทางป่าอันหลิม



ทันใดนั้นเองเตียวหุยที่ดักรอสุ้มอยู่ก็ออกมาสกัดกองทัพแฮหัวตุ้น แฮหัวตุ้นสู้รบกับเตียวหุยได้ไม่นานก็รีบตีฝ่าหนีออกมา ทหารของเล่าปี่ก็ไล่ฆ่าฟันทหารแฮหัวตุ้นในเวลากลางคืนนั้นโลหิตไหลแดงไปทั้งป่า แฮหัวตุ้นถอยทัพกลับเมืองฮูโต๋ด้วยความเจ็บปวดอีกนัก....


Sunday, July 22, 2012

#164 วิกฤตศรัทธา



หลังจากขงเบ้งได้สั่งการแล้วกวนอูได้ฟังขงเบ้งก็แย้งขงเบ้งถึงสภาพภูมิประเทศจะเป็นดั่งขงเบ้งจริงหรือไม่ ขงเบ้งได้ฟังก็รู้ว่ากวนอูนั้นยังมี Ego อยู่ไม่เชื่อฟังคำสั่งตน จึงเรียกทหารหน่วยสอบแนมมารายงานสภาพภูมิประเทศให้กวนอูฟัง เมื่อกวนอูได้ฟังก็นิ่ง เหล่าทหารทั้งหลายทั้งปวงต่างก็ไม่มั่นใจว่าทหารเพียงแค่นี้จะเอาชนะกองทัพใหญ่ของแฮหัวตุ้นได้อย่างไร อีกขงเบ้งยังเป็นคนหน้าใหม่ในกองทัพทั้งอายุก็ยังไงจะมีความสามารถและปัญญาจริงหรือ


กวนอูก็ยังสงสัยด้วยเช่นกันจึงได้ถามขงเบ้งกลับไปว่า "ท่านได้มอบหมายหน้าที่ให้พวกเรา แล้วตัวท่านทำอะไร"

ขงเบ้งได้ยินคำกวนอูก็รู้ความหมายและตอบกวนอูไปว่า "เมื่อกองทัพท่านยกไปทำศึก กองทัพของเราจะเฝ้ารักษาเมือง"


เตียวหุยได้ฟังก็หัวเราะร่าเสียงดังแล้วจึงว่า "ตัวท่านนี้คิดว่าตัวเองมีสติปัญญาและรักตัวกลัวตายหาความสบายใส่ตัว จึงอาสารักษาเมืองกินโต๊ะให้ใจเช่นนั้นหรือ"

ขงเบ้งได้ยินก็แอบยิ้มแล้วตอบเตียวหุยไปว่า "ก็จริงอย่างที่ท่านบอก เราจะจัดงานเลี้ยงรอพวกท่านชนะศึกกลับมาจะได้กินกัน"

ขงเบ้งเกรงว่าทุกคนจะไม่เชื่อฟังจึงพูดไปว่า "อันเรานั้นมีดาบอาญาสิทธิ์อยู่ในมือ หากใครไม่ทำตามเราจะประหารเสีย" กวนอูและเตียวหุยเห็นขงเบ้งเล่นบทโหดก็เลยเงียบความ

เมื่อถึงเวลาค่ำกองทัพแฮหัวตุ้นก็เข้ามาถึงเมืองซินเอี๋ย แฮหัวตุ้นพกความมั่นมาเต็บเปี่ยบ อีกทั้งแฮหัวตุ้นเองก็เป็นทหารเอกของโจโฉรุ่นแรกๆที่โจโฉตั้งตัว มีความชำนาญการสงคราม ออกศึกอยู่หลายต่อหลายครั้ง ครั้นทัพโจโฉเคยรบกับเล่าปี่ เล่าปี่ก็ยังไม่เคยชนะทัพของโจโฉได้เลย เมืองซินเอี๋ยเองก็เป็นเมืองเล็ก แฮหัวตุ้นยกทัพพล 10 หมื่น มาเหยียบเมืองซินเอี๋ย ผู้คนเมืองซินเอี๋ยมีเพียง 1 หมื่นเศษๆ ยากที่จะชนะ



ขงเบ้งเองก็เป็นบุคคลการหน้าใหญ่ที่มีตำแหน่งสูงสุดเป็นรองแต่เล่าปี่เพียงผู้เดียว อายุยังน้อย มีแต่ชื่อเสียงอีกทั้งคนในกองทัพเล่าปี่ยังไม่เคยได้เห็นสติปัญญาของขงเบ้งเลย งานนี้จึงเป็นงานที่หนักที่ขงเบ้งต้องรับมือให้ได้ ขงเบ้งจึงต้องขออำนาจแก่เล่าปี่มิฉะนั้นขงเบ้งก็มิอาจบรรชาการทัพได้

กวนอูเและตียวหุย 2 พี่น้องที่มีความไกล้ชิดกับเล่าปี่มากแต่ก็ยังไม่ไว้เนื้อเชื่อใจขงเบ้งเช่นกัน ทั้ง 2 ก็เลยเป็นตัวตั้งตัวตีในการรับน้องขงเบ้งที่เป็นกุนซือหน้าใหม่ แต่ขงเบ้งก็มิย่อท้อต่อวิกฤตศรัทธาที่เกิดขึ้นเลย ซึ่งขงเบ้งนั้นเมื่อมีอำนาจแล้วรู้จักใช้อำนาจในทางที่ถูก จำต้องแสดงฝีมือครั้งสำคัญให้กองทัพเล่าปี่ได้เห็น แม้กระทั่งเล่าปี่ก็เองคงยังแอบสงสัยอยู่แต่ก็ยังต้องเชื่อในกุนซือของตน





Friday, July 20, 2012

#163 วางแผนรับมือที่ทุ่งพกบ๋อง



หน่วยสอดแนวได้มาแจ้งการศึกกับกวนอูและเตียวหุยว่า บัดนี้โจโฉได้รับสั่งให้แฮหัวตุ้นยกทัพใหญ่มาตีเมืองซินเอี๋ย เตียวหุยจึงบอกกับกวนอูการ การศึกครั้งนี้เราควรจะให้ขงเบ้งคิดอ่านเพียงลำพังจะได้เห็นสติปัญญาว่าเก่งจริงหรือไม่ เล่าปี่ได้ยินก็ไม่พอใจดุน้องทั้ง 2 แล้วจากนั้นก็เชิญขงเบ้งมาปรึกษาการศึก


เล่าปี่จึงถามขงเบ้งว่า "การศึกครั้งนี้จำทำอย่างไร"

ขงเบ้งจึงถามเล่าปี่ว่า "การศึกจะสำเร็จลุล่วงมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับอำนาจที่ท่านจะให้แก่ข้าพเจ้า"

[วิเคราะห์] ขงเบ้งพูดครั้งนี้เพื่อที่ต้องการขออำนาจการศึกสูงสุด ตามหลังเมื่อมีคนใหม่เข้ามาร่วมทัพแถมยังข้ามหน้าข้ามตาคนเก่าไปอยู่ตำแหน่งที่สูงและสำคัญเช่นนั้นก็ต้องมีแรงเสียดทานจึงเกิด "วิกฤตศรัทธา" จะเห็นได้ว่ากวนอูและเตียวหุยนั้นเองก็ยังไม่พอใจและไม่เชื่อฟัง ขงเบ้งจึงต้องการอำนาจที่จะสามารถสั่งทั้งกองทัพได้ มิเช่นนั้นขงเบ้งสั่งไปก็ไม่มีใครทำเนื่องจากว่าขาดอำนาจ

เล่าปี่ได้ฟังขงเบ้งก็เข้าใจความหมายจึงมอบดาบอาญาสิทธิ์ให้แก่ขงเบ้งแล้วสั่งให้น้องทั้ง 2 เชื่อฟังขงเบ้ง หากขัดขืนให้ตัดหัวตามพระอัยการศึก ขงเบ้งจึงสั่งให้ทหารทุกคนมารวมตัวกัน แล้วเล่าปี่ก็แจงต่อหน้าทหารว่าบัดนี้ได้มอบอำนาจให้แก่ขงเบ้งและให้ทุกคนได้ทำตามขงเบ้ง

ขงเบ้งจึงว่า "บัดนี้กองทัพแฮหัวตุ้นยกทัพใหญ่มา ซึ่งกองทัพเรามีกำลังน้อยกว่ามาก แต่เราจะชนะกองทัพของแฮหัวตุ้นได้ที่เนินพกบ๋องนอกเมืองซินเอี๋ย ซึ่งมีภูมิประเทศจะมีเขาอีสันอยู่ข้างขวา มีป่าอันหลิมอยู่ทางซ้าย มีทางเดินคับแคบ ข้าศึกมากก็เหมือนน้อยเราจะใช้ไฟทำลายกองทัพของแฮหัวตุ้น"

โดยจะมีแผนการดังนี้

1.ให้จูล่งคุมทหารไปท้ารบกับแฮหัวตุ้น ห้ามชนะเป็นอันขาดต้องแพ้แล้วหลอกให้แฮหัวตุ้นเข้ามายังป่าอันหลิม

2.ให้เล่าปี่คุมทหารไปช่วยจูล่ง หลังจากจูล่งแพ้ให้ออกไปรบกับแฮหัวตุ้นรอบที่ 2 โดยห้ามชนะ จากนั้นก็หลอกให้แฮหัวตุ้นเข้ามาป่าอันหลิม


3.ให้กวนเป๋งกับเล่าฮองสุ้มทางทิศใต้ของป่าอันหลิมเมื่อได้ยินเสียสู้รบครั้งที่ 2 เกิดขึ้นให้นำไฟเผาทัพของแฮหัวตุ้นได้


4.ให้กวนอูและเตียวหุยไปสุ้มณ.เชิงเขาอีสันและให้เตียวหุยสุ้มอยู่ป่าอันหลิม หากกองทัพของแฮหัวตุ้นผ่านมาก็ให้ผ่านไปเสียก่อนรอแสงเพลิงทางทิศใต้สว่างขึ่นเมื่อใดให้ยกทัพไปตีกองหลังเสบียงทันที

เมื่อหลายตอนที่แล้วผมลืมพูดถึงเล่าฮอง
(เล่าปิดได้มอบให้เค้าฮองให้แก่เล่าปี่ เค้าฮองจึงเป็นลูกบุญธรรมของเล่าปี่โดยเปลี่ยนชื่อจาก เค้าฮองมาเป็นเล่าฮอง ตอนที่เล่าปี่รับเล่าฮองมาเป็นลูกบุญธรรม กวนอูได้พูดกับเล่าปี่ว่า "เหตุไฉนท่านจึงเอาผู้อื่นมาเป็นลูก นานไปเห็นจะได้ความเดือดร้อน" เล่าฮองจึงเป็นบุตรบุญธรรมและเป็นทหารในสังกัดของเล่าปี่ตั้งแต่นั้นมา)



Thursday, July 19, 2012

#162 แฮหัวตุ้นอาสาตีซินเอี๋ย


โจโฉได้รวบรวมพลเสร็จแล้วจึงเรียกที่ปรึกษามาคุยการรบ โจโฉจึงว่า "บัดนี้หน้าหนาวผ่านพ้นไปฝ่ายเราก็เตรียมกำลังทหารพร้อม หากปล่อยเล่าปี่ไว้นานเล่าปี่จะเป็นภัยในภายหลัง เราเห็นว่าจะต้องยกทัพไปปราบหัวเมืองทางภาคใต้ท่านทั้งปวงจะมีความคิดเห็นเป็นประการใด"

แฮหัวตุ้นจึงว่า "ข้าพเจ้าของอาสายกทัพไปตีเล่าปี่ที่เมืองซินเอี๋ยหากยึดสำเร็จก็จะเข้ายึดเมืองเกงจิ๋วต่อ" โจโฉเห็นแฮหัวตุ้นทหารเอกคนสำคัญของตนอาสาก็เห็นด้วยจากนั้นโจโฉจึงแต่งตั้งให้ ลิเตียน อิกิ๋ม แฮหัวอัน และฮันโฮ ติดตามทัพไปด้วย

ชีซีที่อยู่ในที่ประชุมอยู่นั้นเห็นแฮหัวตุ้นฮึกเหิมศึกจึงเตือนสติแฮหัวตุ้นว่า "ท่านจะไปทัพครั้งนี้อย่าประมาทแก่เล่าปี่ อันเล่าปี่นั้นบัดนนี้ได้ขงเบ้งว่าไว้เป็นที่ปรึกษาแล้วก็เหมือนดั่งเสือติดปีก"

โจโฉได้ยินชื่อขงเบ้งครั้งแรกจึงสงสัยถามชีซีว่าขงเบ้งผู้นี้มันคือผู้ใด ชีซีจึงว่า "ขงเบ้งนั้นคือจูกัดเหลียง ที่มีฉายาว่าฮกหลง มีสติปัญญาเป็นอันมากบัญชาการสงครามราวกับเทพ"

โจโฉได้ฟังก็ยังสงสัยจึงถามต่อไปว่า "ถ้าเปรียบกันท่านแล้วใครเก่งกว่ากัน"



ชีซีเห็นโจโฉถามเช่นนั้นก็หัวเราะว่า "อันความคิดของข้าพเจ้านี้อุปมาเหมือนหนึ่งหิ่งห้อย อันสติปัญญาขงเบ้งดังหนึ่งรัศมีพระจันทร์"

โจโฉได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจในสติปัญญาของขงเบ้งเมื่อก่อนเทียหยกเคยบอกว่าชีซีนั้นเก่งกว่าตนถึง 10 เท่า บัดนี้ขงเบ้งเก่งกว่าชีซีอีก งี้ก็เหนือกว่าเทียหยกที่ปรึกษาคนสำคัญถึง 100 เท่าเลยเหรอ (ตรรกะเดาๆผมเดาเอง)

แฮหัวตุ้นได้ฟังเช่นนั้นก็หัวเราะ "ท่านอย่าได้มาขู่ข้าพเจ้าเลย อันเล่าปี่นั้นเมืองครั้งที่แล้วก็เกือบเสียท่าให้เรา อันนี้ก็ได้ครองเมืองซินเอี๋ยที่เป็นเมืองเล็กๆมีเหรอจะต้านทัพใหญ่ของเราได้ หากข้าพเจ้าไม่สามารถเอาหัวเล่าปี่มาให้ได้ขอให้ท่านโจโฉเอาหัวข้าพเจ้าได้เลย"

โจโฉเห็นแฮหัวตุ้นมั่นใจจึงอนุมัติให้แฮหัวตุ้นออกศึก ทางด้านขงเบ้งก็รีบเร่งฝึกทหาร เล่าปี่เองก็ดูแลขงเบ้งเป็นอย่างดี เล่าปี่จึงถักหมวกให้แก่ขงเบ้งเพื่อเอาใจขงเบ้ง


ขงเบ้งเห็นเล่าปี่ทำดังนั้นก็โกรธจึงว่า "ซินเอี๋ยนี้เป็นเมืองเล็กอยู่หน้าศึก อีกไม่นานโจโฉก็จะยกทัพมาแล้ว ท่านควรที่จะคิดอ่านหาทางต้านทัพโจโฉ มิใช่มานั่งเสียเวลากับเรื่องไร้สาระ" ขงเบ้งพูดเตือนใจเล่าปี่ เล่าปี่ได้ฟังก็ละอายใจเห็นด้วยกับคำขงเบ้ง

Wednesday, July 18, 2012

#161 ขงเบ้งวางแผนให้เล่ากี๋


วันต่อมาเล่าปี่จึงแกล้งป่วยวางอุบายเพื่อที่จะให้ขงเบ้งไปให้คำปรึกษาแก่เล่ากี๋ เล่าปี่แกล้งป่วยจึงเรียกขงเบ้งมาว่า "อันเมื่อวานเล่ากี๋มาเยี่ยมเรา วันนี้เราก็ควรที่จะไปเยี่ยมเล่ากี๋เป็นการตอบแทน แต่วันนี้เรานั้นป่วยจึงวานให้ท่านกุนซือได้ไปเยี่ยมเล่ากี๋แทนเราด้วย"

ขงเบ้งได้ฟังดังนั้นก็มิได้คิดอะไรจึงเดินทางไปหาเล่ากี๋ พอขงเบ้งมาถึงเล่ากี๋ก็มาร้องไห้คาราวะขงเบ้งกอดขาขงเบ้ง ขงเบ้งแอบเซ็งที่โดนเล่าปี่หลอกแล้วก็พูดปฎิเสธแก่เล่ากี๋ไปว่า "ข้าเจ้าเป็นคนบ้านนอกมิรู้การเมืองและก็ไม่อยากยุ่งเรื่องครัวเรือ ถ้าไม่มีธุระแล้วข้าพเจ้าขอลา"

เล่ากี๋เห็นดังนั้นจึงวางอุบายหลอกขงเบ้งไปว่า "ท่านได้มาเยือนถึงถิ่งเพื่อไม่เป็นการเสียเที่ยวข้าพเจ้าอยากจะให้ท่านมาช่วยให้ท่านได้มาวิจารณ์ความในหนังสือให้แก่ข้าพเจ้าฟังด้วย"  ขงเบ้งมิรู้กลจึงตามเล่ากี๋ไปถึงชั้น 2 เล่ากี๋เห็นขงเข้งขึ้นมาจึงสั่งให้คนใช้เอาบันใดออก แล้วก็ร้องไห้อ้อนวอนแก่ขงเบ้งจึงว่าหากขงเบ้งไม่ช่วยจะก็ไม่ให้ลงไปจากที่นี่

ขงเบ้งปราชญ์ผู้พลิ๊กแผ่นดินนามว่าฮกหลงผู้ที่ฉลาดที่สุดในสามก๊กโดนเด็กปัญญาใช้อุบายหลอกไม่คิดว่าตนจะพลาดท่าก็ได้แต่แอบเซ็ง จึงจำใจวางแผนให้เล่ากี๋ ให้เล่ากี๋นั้นขอทหารจากเล่าเปียวและอาสาไปรักษาเมืองกังแฮเพื่อป้องกันมิให้ซุนกวนรุกราน เท่านี้เล่ากี๋ก็มิต้องอยู่เมืองเก่งจิ๋วก็จะปลอดภัย เล่ากี๋ได้ฟังแล้วจึงของคุณขงเบ้งแล้วขงเบ้งก็ลากลับไป

Tuesday, July 17, 2012

#160 ซุนกวนยึดเมืองกังแฮสังหารหองจอ



จิวยี่ได้ตระเตรียมทัพอีกครั้งเพื่อที่จะบุกยึดเมืองกังแฮ ฝ่ายหองจอแห่งเมืองกังแฮนั้นก็ไม่ได้เลี้ยงดูกำเหลงเป็นอย่างดี กำเหลงนั้นมีผลงานเป็นอันมากแต่ก็ไม่ค่อยได้ผลตอบแทน อีกทั้งกำเหลงยังชอบถูกหองจอดูมิ่นอดีตของตนที่เคยเป็นโจรสลัดต่อมากำเหลงจึงหนีออกจากหองจอ ต่อมาลิบองได้สืบข่าวรู้ว่ากำเหลงและได้ไปรายงานแก่ซุนกวนว่ากำเหลงนั้นออกจากหองจอแล้ว


ซึ่งกำเหลงนั้นมีฝีมือเป็นอันมากเมื่อรบครั้งที่แล้วหากมิได้กำเหลงไว้หองจอก็คงไม่รอดเป็นแน่แท้ จากนั้นซุนกวนจึงให้ไปเชิญกำเหลงมาเข้าร่วมก๊ก กำเหลงเห็นซุนกวนดีต่อตนก็ยินดีเป็นอันมาก

กำเหลงจึงขออาสาไปทำศึกกับหองจอ ซุนกวนเห็นดีเห็นชอบด้วยและต้องการลองใจกำเหลงจึงให้กำเหลงไปโดยซุนกวนนั้นจะส่งลิบองให้ไปช่วยกำเหลงอีกแรง กำเหลงและลิบองได้ทำศึกตีเมืองกันแฮอย่างดุเดือด ซุนกวนเป็นทัพเสริมคอยช่วยเหลือ กำเหลงทำศึกกับเมืองกังแฮจนสามารถจับตัวหองจอมาได้และตัดหัวหองจอมาให้แก่ซุนกวน


ซุนกวเห็นกำเหลงนำหัวของหองจอมาได้ก็ยินดีที่ได้ล้างแค้นศัตรูที่ฆ่าซุนเกี๋ยนผู้เป็นบิดาได้แล้ว จากนั้นซุนกวนจึงเรียกที่ปรึกษาว่าเมืองยึดเมืองกังแฮได้แล้วควรจะทำเช่นไร



เตียวเจียวที่ปรึกษาให้ความเห็นว่าไม่ควรนำผู้คนมาอยู่เมืองกังแฮเนื่องจากว่าจะทำให้ทหารเมืองหลักเราเหลือน้อยอีกทั้งเมืองนี้ก็อยู่ไกล้กับเมืองเกงจิ๋วเกรงว่าเล่าเปียวรู้ข่าวจะยกทัพมายืด ซุนกวนเห็นด้วยจึงยกทัพกลับปล่อยให้เมืองกังแฮเป็นเมืองร้างไป


ซุนกวนเมืองชนะศึกก็จัดกินโต๊ะเลี้ยงเหล่าทหารให้ผลงานแก่กำเหลงเป็นอันมาก ทางฝ่ายเล่งทองได้เห็นกำเหลงมาเป็นพวกตนก็โกรธที่กำเหลงนั้นฆ่าบิดาตน เล่งทองจึงเอากระบี่ตรงไปฆ่ากำเหลง กำเหลงเห็นเล่งทองจึงหลบ ความวุ่นวายจึงเกิดขึ้น

ซุนกวนเห็นดังนั้นจึงรีบเข้ามาห้ามไว้ ซุนกวนจึงเดินไปแจ้งกับเล่งทองว่า "ซึ่งท่านจะคิดแค้นพยาบาทกำเหลงนั้นหาควรไม่ เมื่อกำเหลงฆ่าบิดาเสียนั้นเพราะกำเหลงเป็นทหาร กินข้าวแดงของหองจอ จึงต้องทำเช่นนี้ บัดนี้กำเหลงก็ได้มาอยู่กับเราแล้ว ท่านจงเห็นแก่เรา อย่าคิดพยาบาทกำเหลงสืบไปเลย"

เล่งทองได้ยินซุนกวนถ่อมตัวเช่นนั้นความโกรธก็หายไป จากนั้นซุนกวนก็จัดการความขัดเย้งของลูกน้องโดยการสั่งให้กำเหลงเป็น spy สอดแนมแถวชายแดนและให้เล่งทองทำราชการอยู่ที่เมือง



Monday, July 16, 2012

#159 เปิดศึกเมืองกังแฮ



ซุนกวนนั้นได้รวบรวมพลเพื่อที่จะทำตามยุทธศาสตร์ของโลซกคือการขยายอำนาจตีเมืองกังแฮและเมืองเกงจิ๋ว ซุนกวนเริ่มด้วยการตีเมืองกังแฮที่มีหองจอเป็นเจ้าเมือง อีกทั้งซุนกวนต้องการล้างแค้นให้ซุนเกี๋ยนที่เป็นบิดา

เล่งโฉผู้เป็นบิดาของเล่งทองที่เป็นทหารของซุนกวนได้ออกไปทำศึกกับเมืองกังแฮ หองจอได้ส่งทหารที่มีฝีมือนั่นคือ กำเหลง ทั้ง 2 เมืองใช้เรือรบกัน กำเหลงเชี่ยวชาญการสงครามมากกว่าจึงสังหารเล่งโฉตาย


เล่งทองเห็นผู้เป็นบิดาถึงแก่ความตายก็โกรธกำเหลงเป็นอันมาก กำเหลงและเล่งทองนำทัพเรือปะทะกันอย่างดุเดือด กำเหลงกลัวจะเสียทีจึงรีบถอยทัพ ซุนกวนก็เกรงว่าฝ่ายตัวเองจะเสียทีจึงสั่งให้เล่งทองถอยทัพกลับ

ซุนกวนได้พักรบกับหองจอเมืองกังแฮและจากนั้นซุนกวนได้แต่งตั้งให้จิวยี่ผู้บัญชาการทหารเรือทั้งหมดของแคว้นกังตั๋งและฝึกซ้อมทหารเรือเพื่อที่จะทำสงคราม


ต่อมาไม่นานนางงอฮูหยินผู้เป็นมารดาซุนกวนก็เกิดอาการป่วยหนักและรู้ว่าตัวเองนั้นไม่รอดจึงสั่งให้จิวยี่และเตียวเจียวเข้ามาพบจากนั้นก็สั่งเสียเตียวเจียวและจิวยี่ฝากฝักให้ช่วยเหลือซุนกวน

จากนั้นก็สั่งเสียซุนกวนว่า ภารกิจการบ้านงานเมืองของกังตั๋งและตระกูล "ซุน" ของเรานี้มอบไว้แก่เจ้าแล้ว จะคิดอ่านทำการสิ่งใดจงปรึกษาหารือด้วยเตียวเจียวและจิวยี่ จากนั้นก็หันไปสั่งน้องสาวของตันที่เป็นเมียของซุนเกี๋ยนอีกคนว่าให้ดูแลเหล่าลูกๆแทนตนด้วยจากนั้นพระแม่แห่งกังตั๋งก็จากไป


จากนั้นซุนกวนก็ได้แต่งตั้งน้องของแม่เป็นง่อก๊กไท่แห่งกังตั๋งตั้งแต่นั้นมา ซึ่งแต่ก่อนนั้นหลังจากงอฮูหยินให้กำเนิดซุนกวนมาก็มีสุขภาพไม่ดีจึงได้น้องสาวของตนที่ดูแลซุนกวนลูกของตนตั้งแต่นั้นมา ซุนกวนจึงนับถือแม่น้า(งอก๊กไท่) เป็นดั่งแม่คนที่สอง