Sunday, July 31, 2011

#ประวัติเล่าปี่ ตอนที่ 2



เล่าปี่ได้เข้าร่วมกองทัพ 18 หัวเมืองที่มีอุดมณ์การโค่นล้มอำนาจของตั๋งโต๊ะ เข้ามาร่วมกองทัพ 18 หัวเมืองในฐานะผู้ติดตามเจ้าเมืองกองซุนจ้าน แต่ไม่ค่อยมีบทบาทอะไรมากนัก แต่หลังจากลิโป้ออกรบกองทัพ 18 หัวเมืองต่างก็ไม่มีใครกล้าออกไปรบด้วย มีเพียงเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย 3 พี่น้องร่วมสาบานแห่งสวนท้อ ขี่ม้าเข้าไปรุมลิโป้จนลิโป้ต้องถอยทัพกลับ




ถึงแม้นว่าเล่าปี่และพรรคพวกจะมีฝีมือแค่ไหน แต่ผู้นำอย่างอ้วนเสี้ยวและอ้วนสุดก็ยึดถือยศและศักดิ์เป็นหลักทำให้เล่าปี่ต้องโดนขับไล่ออกจากกองทัพ 18 หัวเมืองกลับไปเป็นนายอำเภอที่ขึ้นต่อกองซุนจ้าน 




ต่อมาความขับแย้งระหว่างกองซุนจ้านและอ้วนเสี้ยวก็บังเกิดขึ้นทั้ง 2 ทำสงครามกัน จนกองซุนจ้านแทบจะเอาตัวไม่รอดแต่ก็ได้ เตียว จูล่งเข้าช่วย และกองซุนจ้านจึงให้ จูล่ง เข้าสังกัดกองทัพ พอกลับเมืองก็ได้พบปะกับเล่าปี่ แล้วก็เป็นครั้งแรกที่เล่าปี่กับจู่ล่งได้พบกัน และรู้สึกถึงโชคชะตาต้องกันระหว่างเล่าปี่และจู่ล่ง เล่าปี่นั้นเก่งเรื่องคนเพียงแค่ได้เห็นครั้งแรกก็รู้ว่าจูล่งนั้นเป็นยอดทหารที่มีฝีมือแต่ก็ไม่กล้าที่จะชวนมาทำราชการด้วยเนื่องจากกองซุนจ้านก็เป็นเพื่อนสนิทของตน (ต่อมาหลังจากกองซุนจ้านตาย จูล่งตายก็ได้เข้ามาร่วมกับเล่าปี่ในภายหลัง)

ติดตามต่อตอนหน้า : )







#60 ยุยงสงคราม




 




ฝ่ายเล่าปี่เมื่อได้รับราชโองการและสารที่โจโฉส่งมาให้ก็เรียกซุนเขียน บิต๊ก กวนอู เตียวหุย มาปรึกษา ในที่ประชุมทุกคนเห็นตรงกันว่าควรกำจัดลิโป้คนเนรคุณซะอีกอย่างก็ไม่ควรที่จะขัดแย้งกับโจโฉด้วย แต่เล่าปี่ไม่เห็นด้วยโดยอ้างว่าพึ่งให้ลิโป้มาอาศัยอยู่ด้วยแล้วเราก็ไปกำจัดเค้ามันไม่ดี ภายภาคหน้าใครหล่ะจะมาอยู่ด้วยกับเรา

วันต่อมาลิโป้ได้เข้ามาขอแสดงความยินดีกับเล่าปี่ที่ได้เป็นเจ้าเมือง ทันใดนั้นเตียวหุยได้เข้ามาพร้อมถือกระบี่จะเข้ามาฆ่าลิโป้ แต่เล่าปี่ได้ห้ามไว้  ลิโป้จึงว่าเตียวหุยนี้มีความแค้นผูกพยาบาทข้าพเจ้าด้วยเรื่องสิ่งใดหรือ จึงพยายามฆ่าข้าพเจ้าหลายครั้งหลายหนแล้ว เตียวหุยยินคำลิโป้ก็โกรธร้องตวาดด้วยเสียงอันดังว่าเป็นเพราะลิโป้เป็นคนเนรคุณ แม้โจโฉก็ยังมีหนังสือมาให้พี่กูฆ่ามึงเสีย
เล่าปี่จึงตกใจเตือนเตียวหุยห้ามเอาความเมืองมาพูดแล้วจึงไล่เตียวหุยออกไปจากนั้นเล่าปี่จึงเอาจดหมายที่โจโฉส่งมาให้ลิโป้ดู ลิโป้ก็ตกใจร้องไห้แล้วก็ถามว่าเล่าปี่จะสังหารตัวจริงเหรอ เล่าปี่จึงว่าวางใจได้ว่าจะไม่ทำเช่นนั้น ลิโป้ยินดีจึงขอตัวกลับไป


กวนอูและเตียวหุยจึงเข้ามาต่อว่าเล่าปี่ที่ปล่อยให้ลิโป้กลับไป เล่าปี่จึงชี้แจงว่าสาเหตุที่ตนไม่ได้ฆ่าลิโป้นั้นคือไม่ต้องการหลงกลและเป็นเครื่องมือให้โจโฉ อีกทั้งถ้ามีลิโป้ไว้โจโฉก็อาจจะห่วงหน้าพะวงหลังไม่กล้ามารุกร้านตนได้ กวนอูได้ฟังก็เริ่มใจเย็นลงแต่เตียวหุยก็ยังคงโกรธแค้นลิโป้แต่ตนก็เกรงใจเล่าปี่จึงยอมสงบอารมณ์

เมื่อโจโฉรู้ว่าเล่าปี่ไม่กำจัดลิโป้ตามจดหมายของตนก็โกรธเป็นอันมากเรียกแม่ทัพนายกองมาประชุมวางแผนว่าจะกำจัดลิโป้ได้อย่างไร


ซุนฮกเสนอว่าให้ส่งหนังสือไปหาอ้วนสุดแจ้งว่าบัดนี้เล่าปี่ได้เป็นเจ้าเมืองชีจิ๋วและมาขอทหารจากเมืองหลวงเพื่อที่จะไปตีอ้วนสุดเมื่ออ้วนสุดรู้ก็คงโกรธต้องเป็นอันรบกับเล่าปี่แน่นอน แล้วมีหนังสืออีกเล่มส่งไปให้เล่าปี่ว่าบัดนี้อ้วนสุดตั้งตนเป็นใหญ่จึงขอสั่งให้เล่าปี่ไปกำจัดอ้วนสุดเสีย


โจโฉเห็นด้วยกับความคิดซุนฮกจึงสั่งคนให้จัดการเรื่องหนังสือ พอเล่าปี่ได้รับจดหมายแล้วจึงเรียกตัวบิต๊ก ซุนเขียน กวนอู เตียวหุยมาปรึกษา เรื่องการทำศึกกับอ้วนสุด บิต๊กแจงว่านี่เป็นแผนการของโจโฉให้เรารบกับอ้วนสุดใครที่แพ้ก็อาจจะโดนซ้ำเติมภายหลัง แต่เล่าปี่ให้ความเห็นว่านี่เป็นคำสั่งของพระเจ้าเหี้ยนเต้ ไม่ว่าจะเป็นอุบายของโจโฉหรือไม่เราก็ต้องทำตาม

วิเคราะห์
เล่าปี่น่าจะอ่านสถานการออกว่าเมื่อครั้งที่แล้วโจโฉสั่งให้ไปตีลิโป้เป็นอุบาบของโจโฉแล้วครั้งนี้โจโฉก็ส่งหนังสือสั่งไปเล่าปี่ไปจีอ้วนสุดอีกแต่แล้วทำไมเล่าปี่ถึงต้องตกลงไปในอุบายของโจโฉ
1.เล่าปี่ต้องการขยายอำนาจของตัวเองแต่ยังหาโอกาสไม่ได้ครั้งนี้เป็นคำสั่งของพระเจ้าเหี้ยนเต้(ที่โจโฉปลอมขึ้น) เล่าปี่จึงถือโอกาสเอาความชอบทำนี้เพื่อขยายอำนาจให้แก่ตน
2.เมื่อครั้งที่แล้วเล่าปี่ขัดคำสั่งโจโฉไม่กำจัดลิโป้มาครั้งนี้เล่าปี่ต้องการลดความบาดหมางกับโจโฉด้วยการไปตีอ้วนสุด แต่ต่างกับการตีลิโป้ตรงที่ว่า ลิโป้นั้นมีฝีมือร้ายกาจกว่าถ้ามีลิโป้ไว้เป็นพวกโจโฉก็คงน่าจะยำเกรงกว่า
3.เล่าปี่คงรู้ใจคอคนอย่างอ้วนสุดดีถ้าสามารถกำจัดคนแบบนี้ออกจากแผ่นดินบ้านเมืองก็คงเป็นสุขกว่าเดิม


#59 โจโฉวางแผนกำจัดลิโป้



หลังจากที่โจโฉได้ครองอำนาจการทหารในเมืองหลวงแล้ว โจโฉจำต้องกำจัดศัตรูหมายเลข 1 ของตนนั้นคือลิโป้จึงเรียกแม่ทันายกองมาประชุมว่าจะกำจัดลิโป้ได้อย่างไร


เนื่องจากตอนนี้ลิโป้ได้ไปอาศัยอยู่กับเล่าปี่ที่เมืองเสียวพ่ายที่เป็นเมืองขึ้นของเมืองชีจิ๋ว ซุนฮกบอกว่าไม่ควรยกไปตอนนี้เนื่องจากพึ่งก่อตั้งเมืองหลวงใหม่ยังไม่เป็นปรกติ ควรที่จะวางแผนให้ เล่าปี่และลิโป้ ฆ่าฟันกันเองเสียก่อน ใครชนะค่อยไปซ้ำเติมภายหลัง

ซุนฮกกล่าวไปว่า หลังจากโตเกี๋ยมตายให้โจโฉขอราชโองการพระเจ้าฮั่นเต้แต่งตั้งให้เล่าปี่เป็นเจ้าเมืองชีจิ๋วอย่างเป็นทางการแล้วก็ส่งสารให้เล่าปี่กำจัดลิโป้ที่เป็นศัตรูราชสมบัติแลมักเนรคุณคนซะ (โจโฉน่าจะแต่งเติมสาร)




วิเคราะห์
หากโจโฉยกทัพไปตีลิโป้ โอกาสที่ลิโป้กับเล่าปี่จะผนึกกำลังช่วยกันเป็นไปได้สูง แผนของซุนฮกนั้นคือต้องการลิโป้และเล่าปี่ฆ่าฟันกันเอง คล้ายๆกับยืมมือเล่าปี่ช่วยรบแทนโดยที่ตัวเองไม่ต้องเสียทหารนั่นเอง



Friday, July 29, 2011

#58 ตระกูลซุนเรืองอำนาจดินแดงกังตั๋ง







หลังจากที่ซุนเซ็กได้ตัวไทสูจู้มาไว้เป็นพวกแล้ว ชาวบ้านชาวเมืองกังตั๋งล้นแต่ศรัธารักซุนเซ็กกันมากยิ่งขึ้นเพราะความที่โอบอ้อมอารีรักราษฎรก่อนหน้านี้ก็มีใจรักซุนเกี๋ยนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ซุนเซ็กได้พาครอบครัวมาที่เมืงอขยกโอ๋ ให้ซุนกวนผู้น้องไปรักษาเมืองฮวนเสียโดยให้จิวท่ายไปเป็นผู้ช่วยของซุนกวน ซุนเซ็กจัดระเบียบการปรกครองใหม่แล้วเตรียมกำลังพลตีเมืองตองง่อซึงเป็นเมืองเอกของแคว้นกังตั๋ง ซึ่งเมืองตองง่อนั้นมีเงียมเปะฮอเป็นเจ้าเมือง พอเตรียมทัพเสร็จก็ยกไปตี สั่งให้ฮันต๋ง ตันบู เจียวขิม ยกกองทัพเรือไป ส่วนซุนเซ็กและไทสูจู้คุมทหารม้าเข้าไปล้อมเมืองไว้ ทั้งหมดได้เข้าล้อมและตีเมืองทำให้ทหารของเงียมแปะฮอล้มตายเป็นอันมาก เงียมแปะฮอสู้ไม่ได้จึงหนีลงไปทางใต้ไปยังเมืองของอองลองที่เป็นเพื่อนสนิท



ซุนเซ็กได้จัดระเบียบการปกครองในเมืองให้เป็นปรกติแล้วยกทัพไปปรามเงียมแปะฮอและอองลอง ซุนเซ็กได้ยกทหารมาถึง อองลองจึงควบม้าเข้ารบด้วยซุนเซ็ก ไทสูจู้ จิวยี่ เทียเภา จึงรีบเข้ามาล้อมอองลองไว้ อองลองตกใจจึงรีบพาเงียมแปะฮอตีฝ่าเข้าไปยังเมือง รักษาการตั้งรับกองทัพของซุนเซ็ก เงียมแปะฮอและอองลองได้แตกพ่าย อองลองเข้าสวามิภักดิ์กับซุนเซ็ก


ตังสิดชาวเมืองเหยียง ซึ่งทราบกิตติศัพท์ของซุนเซ็กว่ามีน้ำใจเป็นธรรม โอบอ้อมอารีแลรักราษฎร อยากจะไปทำการด้วยกับซุนเซ็ก
ครั้นทราบว่าเงียมแปะฮอแตกหนีซุนเซ็กมาจึงพาพรรคพวกเข้าล้อมจับเงียมแปะฮอแล้วตัดศีรษะมามอบแก่ซุนเซ็ก

ซุนเซ็กยินดีเป็นอย่างมากให้ตังสิดเข้าเป็นทหารในกองทัพ จัดรูปแบบการปกครองเมืองกังตั๋งทั้งหมดทั้งสิ้น ครอบครองดินแดนฝั่งใต้ของแม่น้ำแยงซี แคว้นกังตั๋ง ทำให้ตระกูน “ซุน” ได้รุงเรืองตั้งแต่บัดนั้น






#ประวัติโจโฉ ตอนที่ 1





โจโฉสูงประมาณห้าศอก จุกษุเล็ก หนวดยาว ตอนเด็กเป็นคนชอบร้องรำทำเพลง มีสติปัญญาดี เพื่อนๆยกย่องให้เป็นหัวหน้า มีหมอดูเคยทักโจโฉว่าในภายภาคหน้าโจโฉจะได้ทำนุบำรุงแผนดิน
แต่ไม่ได้สัตย์ซื่อต่อแผ่นดินและเป็นศํตรูราชสมบัตร โจโฉได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะชอบใจ


โจโฉนั้นได้เข้าไปรับราชการในเมืองหลวงเป็นทหารยามและได้้ทำหน้าที่อย่างเคร่งคัดจนผู้คนยำเกรง พระเจ้าเลนเต้นั้นเห็นดีจึงเลื่อนขั้นให้ นี่ก็เป็นจุดแด่นของตัวโจโฉที่ไต่เข้ามาสู่อำนาจด้วยความสามารถของตัวเอง







ในช่วงที่แผ่นดินเป็นจราจลเพราะโจรโพกผ้าเหลือง โจโฉก็ได้ถูกแต่งตั้งเป็นแม่ทัพปราบโจรโพกผ้าเหลือง สร้างได้ทำความดีความชอบไว้เป็นอันมากจนพระเจ้าเลนเต้ให้ตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองเจลำเซียง






เมื่อครั้งตั๋งโต๊ะกระทำหยาบช้าต่อบ้านเมือง โจโฉจึงรับอาสาสังหารตั๋งโต๊ะแต่แผนนั้นกลับล้มเหลวแถมยังเป็นที่สงสัย โจโฉจึงรีบหนีออกจากวังหลวงแต่โดนนายอำเภอตันก๋งจับตัวได้ ตันก๋งนั้นเป็นคนชอบคอคนดีรักบ้านเมืองจึงแอบเข้าไปหาโจโฉในคุก เพื่อถามความถึงความคิดอ่านของโจโฉ



แต่โจโฉก็ตอบตันก๋งไปว่า “ตัวท่านอุปมาเหมือนดั่งนกน้อย ไม่สามารถล่วงรู้ถึงความคิดของพยาครูฑได้” และโจโฉจึงเผยแผนการที่จะล้มล้างตั๋งโต๊ะให้ตันก๋งฟัง ทำให้ตันก๋งเลื่อมใสเป็นอันมากจึงขอติดตามรับใช้โจโฉไป


จากนั้นโจโฉกับตันก๋งจึงหนีมาพักที่บ้านของแปะเฉียที่เป็นสหายเก่าของบิดาตน แต่แล้วโจโฉได้ฆ่าล้างตระกลูของแปะเฉียด้วยความที่เข้าใจผิดคิดว่าแปะเฉียจะฆ่าตนทำให้ความผิดนี้เป็นตราบาบโจโฉไปตลอดชีวิต ตันก๋งจึงขอแยกทางกับโจโฉตั้งแต่นั้นมา


ในหนังสือบางเล่มกล่าวว่า โจโฉได้พูดว่า “ข้ายอมทรยศคนทั้งโลก แต่ไม่ให้โลกยอมทรยศ” แต่บางคนก็บอกว่าโจโฉนั้นไม่ได้พูดและไม่ได้ฆ่าล้างตระกูลครอบครัวของแปะเฉีย เพราะคำพูดนี้เป็นคำพูดของคนที่เข้าข้างเล่าปี่แล้วให้ร้ายโจโฉ แต่จะเป็นยังไงก็สุดแล้วแต่ผู้อ่านใช้วิจารณญาณเองนะครับ ว่าท่านผู้อ่านอยากให้โจโฉเป็นคนแบบไหน : )

ตอนที่ 2 >> http://isamkok.blogspot.com/2011/08/2.html
-->

Thursday, July 28, 2011

#ประวัติเล่าปี่ ตอนที่ 1



เล่าปี่ สูงประมาณ 6 ศอกเศษ หูยาวถึงบ่า มือยาวถึงเข่า หน้าขาวดังสีหยก ฝีปากแดงดังชาดแต้ม จักษุชำเลืองไปเห็นหู หมอดูเคยทักว่าเล่าปี่จะได้เป็นใหญ่ในภายภาคหน้า

เล่าปี่เมื่อไวเด็กเคยกล่าวว่า “ถ้ากูได้เป็นเจ้า กูจะเอาต้นหม่อนต้นนี้ไปทำคันเศวตฉัตรกั้น” นับเป็นคำพูดที่แลดูว่าเล่าปี่นั้นต้องการที่จะเป็นใหญ่ตั้งแต่เด็ก สมัยเรียนนั้นมีเพื่อนสนิทอยู่สองคนคือ กองซุนจ้านและโลติด

เล่าปี่เป็นบุตรเล่าหงเป็นเชื้อพระวงศ์ของพระเจ้าฮั่นเกงเต้
เป็นคนที่มีจิตใจโอบอ้ามอารี ทอเสื่อขายเลี้ยงชีวิตกับมารดา




ปรากฎตัวครั้งแรกที่เมืองตุ้นก้วน กำยังยืนดูป้ายรับอาสาสมัครปราบโจรโพกผ้าเหลือง จากนั้นก็ได้สาบานเป็นพี่น้องกับ กวนอูและเตียวหุยที่สวนท้อ พ่อค้าม้าได้เห็นความตั้งใจของเล่าปี่จึงบริจาคม้า อาวุธและเงินทองให้แก่เล่าปี่ พร้อมทั้งทำกระบี่คู่เป็นอาวุธประจำตัว



เล่าปี่ได้รับอาสาสมัครเชาบ้านหลายคนเข้าร่วมกองทัพเพื่อไปปราบโจรโพกผ้าเหลือง ได้ไปขออาศัยคนแซ่เดียวกันที่ชื่อเล่าเอี๋ยน 


การออกไปทำศึกกับโจรโพกผ้าเหลืองทำให้เล่าปี่ได้พบกับโลติด เพื่อนร่วมสำนักเก่า โลติดจึงชวนให้เล่าไปเข้าไปอยู่ประจำกองทัพด้วย

เล่าปี่ได้ปราบโจรโพกผ้าเหลืองสร้างความดีความชอบไว้เป็นอันมากแต่ก็ไม่มีใครเห็น ได้มีขุนนางคนหนึ่งทุลต่อพระเจ้าเลนเต้ให้ตำแหน่งได้เป็นเจ้าเมืองอันห้อก้วน

หลังจากที่เล่าปี่ได้เป็นเจ้าเมืองอันห้อก้วนก็ได้ทำนุบำรุงจนสงบสุขแต่มิได้จ่ายส่วยสินบนให้ขันทีแต่อย่างใดทำให้ขันทีนั้นโกรธต้องมาเรียกสินบนถึงเมืองและทำหยาบช้าแก่เล่าปี่ เล่าปี่ทนไม่ได้กับระบบราชการแบบนี้จึงลาออกจากการเป็นเจ้าเมืองและไปอาศัยอยู่กับเล่าหงี

เล่าปี่ได้สร้างความดีความชอบปราบปรามโจรโพกผ้าเหลืองอีกครั้ง กองซุนจ้านจึงเสนอพระเจ้าเลนเต้ให้แต่งตั้งเล่าปี่ให้ไปเป็นเจ้าเมืองเพงง้วนก๋วนจากนั้นเป็นต้นมา



ประวัติเล่าปี่ตอน 2: http://isamkok.blogspot.com/2011/07/2.html


Wednesday, July 27, 2011

#ประวัติโฮจิ๋น



โฮจิ๋นนั้นเป็นขุนนางผู้ใหญ่ในสมัยปลายของราชวงศ์ฮั่น เป็นพี่ชายของแม่นางโฮเฮา ซึ่งแม่นางโฮเฮานั้นเป็นมเหสีของพระเจ้าเลนเต้ ต่อมาแม่นางโฮเฮานั้นได้มีราชบุตรชื่อ หองจูเปียน ที่มีฐานะเป็นรัชทายาทฮ่องเต้นั่นเอง ดังนั้นโอจิ๋นจึงเป็นลุงของรัชทายาท
โฮจิ๋นนั้นเคยเป็นพ่อค้าขายเนื้อได้เข้ามามีตำแหต่งในเมืองหลวงก็เพราะน้องสาวของตัวเอง ดังนั้นอำนาจทางการทหารจึงอยู่ในมือของโฮจิ๋นทั้งหมด หลังจากพระเจ้าเลนเต้สิ้นพระชน โฮจิ๋นจึงได้แต่ตั้งหองจูเปียนเป็นฮ่องเต้ อำนาจของโฮจิ๋นก็ยิ่งมากขึ้นๆ



โฮจิ๋นมีลูกน้องที่เป็นตัวละครสำคัญในเรื่องสามก๊กอยู่ 2 คนก็คือ โจโฉ และ อ้วนเสี้ยว แม้ว่าโฮจิ๋นนั้นจุมกุมอำนาจทั้งหมดแต่ก็หามีปัญญาในการใช้อำนาจนั้นไม่ ใช้อำนาจไม่เป็น แม้กระทั่งการปราบขันทีกินบ้านกินเมืองในวัง จึงมีความคิดเรียนกตัวกองทัพหัวเมืองดัง ตั๋งโต๊ะ เข้ามาปราบ แต่ก็มีหลายคนให้ความเห็นแก่การกระทำของโฮจิ๋นว่า

ตันหลิม: ตัวท่านวันนี้ราชการเมืองก็เป็นสิทธิ์ขาดแก่ท่าน ขุนนางทั้งปวงก็อยู่ในเงื้อมือท่าน อันขันทีสิบคนเหมือนหนี่งแมลงเม่า ตัวท่านเหมือนกองเพลิงอันใหญ่ แมลงเม่าหรือจะสู้เพลิงได้ ถ้าท่านจะคิดประการใดก็สมดังปรารถนา อันหัวเมืองทั้่งปวงจะยกทหารเข้ามา ถ้าได้ตัวสิบขันทีแล้ว เห็นหัวเมืองต่างๆจะกำเริบ เกิดศึกกลางเมือง

โจโฉ : อันขันทีที่หยาบช้านั้น มีสติปัญญาเป็นใหญ่อยู่คนสองคนดอก ถ้าจะคิดจับเอาแต่นายใหญ่นั้นฆ่าเสียก็จะได้โดยง่าย ทำไมจะให้ร้อนถึงหัวเมืองนกเป็นกระบวนทัพเอิกเกริกมาเล่า

แต่โฮจิ๋นก็ด่ว่าโจโฉเป็นพวกเดียวกับสิบขันทีเสียอีก เฮ้ออออเป็นงั้นไป

โจโฉถึงกับตะโกนออกมาว่า: แผ่นดินจะชิบหายก็เพราะโฮจิ๋น แล้วมันก็เป็นจริงดั่งคำของโจโฉ

จากนั้นสิบขันทีก็วางแผนฆ่าโฮจิ๋นจึงอ้างรับสั่งของแม่นางโฮเฮาเรียกโฮจิ๋นเข้าไปหา โจโฉและอ้วนเสี้ยวได้ห้ามปรามว่ามันเป็นอุบายของสิบขันทีหลอกไปฆ่าแต่โฮจิ๋นก็ไม่เชื่อฟัง
โจโฉจึงเตือนว่า ถ้าจะเข้าไปต้องบอกให้สิบขันทีออกมาข้างนอกก่อนค่อยเข้าไป แต่โฮจิ๋นก็ไม่ฟัง หลังจากผ่านประตูเข้าไป โฮจิ๋นก็โดนสิบขันทีเอามีดกระบี่มาทิ่งแทงจนตาย จากนั้นก็โยนหัวโฮจิ๋นออกมานอกกำแพง โจโฉและอ้วนเสี้ยวเห็นจึงเข้าไปฆ่าสิบขันทีจนเกลี้ยง

ก็จะเห็นได้ว่า โฮจิ๋นนั้นแทบจะมีอำนาจล้นฟ้า แต่ใช้ไม่เป็นไร้ซึ่งสติปัญญาชีวิตตัวเองก็เอาตัวไม่รอด มีทั้งลูกน้องมือดีแต่ก็ไม่เชื่อฟัง อำนาจนั้นได้หลุดหายจากมือไปอย่างน่าเสียดาย...


Thursday, July 21, 2011

#57 ความเชื่อใจของซุนเซ็ก





ซุนได้ถูกเกาฑัณฑ์ยิงที่ขา จึงรีบถอยทัพกลับค่าย จากนั้นก็ทำอุบายว่าตนได้ตายแล้วและสั่งให้สั่งหารแอบซุ่มโจมตีทำท่าทีว่าจะถอยทัพกลับเมือง


ทหารของเล่าอิ้วรู้ข่าวจึงลอบเข้ามาตีแผนโดนซ้อนกลทำให้ทหารเล่าอิ้วบาดเจ็บล้มตายเป็นอันมาก
จิวยี่เสนอแผนจัดทหารเป็นสามกองเข้าตีเมือง เอาเชือกขึงไว้ดักมาของไทสูจู้ก็จะสามารถจับตัวไทสูจู้ไว้ได้โดยง่าย ซุนเซ็กก็เห็นด้วยกับแผนของจิวยี่



พอทหารบุกเข้าตีเมืองไทสูจู้จึงขี่ม้าหนีมา ไปสะดุดกับเชือกที่ขึงไว้ ทหารของซุนเซ็กจึงจับตัวไทสูจู้ไว้ได้แล้วนำตัวไปมอบกับซุนเซ็ก หลังจากพาตัวไปหาบซุนเซ็ก ซุนเซ็กจึงรีบวิ่งเข้ามาแก้มัดไทสูจู้แล้วจูงมือมานั่งคุยกัน สารภาพว่าต้องการอยากจะได้ไทสูจู้มาไว้ทำราชการด้วย ไทสูจู้เองก็มีใจรักซุนเซ็กตั้งแต่แรกพบแล้วเช่นกันจึงรับปากว่าจะมาทำราชการอยู่ด้วยแล้วขออาสาซุนเซ็กไปเกลี้ยกล่อมทหารมาไว้เป็นพวกเที่ยงตรงวันพรุ่งนี้จะกลับมา ซุนเซ็กก็อนุญาต แต่เหล่าแม่ทัพนายกองต่างก็ตักเตือนซุนเซ็กว่าไม่ควรปล่อยไทสูจู้ไป แต่ซุนเซ็กจึงบอกกับแม่ทัพนายกองทั้งหลายว่าตนนั้นเชื่อในไทสูจู้

เช้าวันต่อมาซุนเซ็กจึงออกมารอไทสูจู้แล้วก็ปักทวนไว้กลางแจ้งเพื่อดูเวลาพระอาทิตย์ พอถึงเวลาเที่ยงไทสูจู้ก็กลับมาตามคำที่บอกไว้ พร้อมทั้งทหารอีกเป็นกองทัพ ซุนเซ็กและนายกองต่างก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง

วิเคราะห์
บัดนี้กองทัพของซุนเซ็กนั้นเติมโตขึ้นเป็นอย่างมาก มีทหารมากกว่าตอนที่ยืมทหารของอ้วนสุดเป็นสิบๆเท่า เพราะการกล้าตัดสินในออกมาทำการ หากยังเป็นลูกน้องของอ้วนสุดก็คงไม่สามารถที่จะเป็นใหญ่ขึ้นมาได้ และยังได้ขุนพลและที่ปรึกษาแก่ๆอีกหลายคนไม่ว่าจะเป็น จิวยี่ เตียวเจียว เตียวเหียน ตันบู เจียวขิม จิวท่าย ไทสูจู้

การตัดสินใจของผู้นำอย่างซุนเซ็กนั้นกล้าได้กล้าเสียจึงสามารถตั้งตัวเป็นใหญ่ได้ในอนาคต
ความเป็นผู้นำอีกข้อหนึ่งของซุนเซ็กคือ การไว้ใจ ที่ไว้ใจและเชื่อใจไทสูจู้จึงปล่อยตัวใจสูจู้ไป แม่ทัพนายกองทั้งหลายต่างก็กลัวไทสูจู้กลับมาสู้รบต่อแต่ซุนเซ็กนั้นกล้าได้กล้าเสีย กล้าปล่อยไป จึงมีผลอย่างที่เห็น ในมุมกลับกัน ไทสูจู้ในสถานการแบบนี้หากกลับไปหาเล่าอิ้วก็คงไม่ได้รับความสนใจและถ้าเลือกที่จะอยู่กับซุนเซ็กก็คงมีอนาคตมากกว่า


Tuesday, July 19, 2011

#56 ซุนเซ็ก ปะทะ ไทสูจู้

VS



ครั้งไทสูจู้ทหารของเล่าอิ้วได้มาพบกับซุนเซ็กและยังพูดว่าจะมาจับซุนเซ็ก ซุนเซ็กได้ยินจึงหัวเราะ ทั้งสองจึงพุ่งเข้าหากันสู้รบกันอย่างดูเดือดบนหลังม้า สู้กันจนตกม้าทั้งคู่ อาวุธหลุดจากมือจนได้ใช้มือสู้กัน สู้กันได้อย่างสูสีจนมืดค่ำฝนตก ทั้งสองจึงแยกย้ายกันกลับค่าย

ซุนเซ็กกลับค่ายก็รู้สึกดีใจและประทับใจในฝีมือของไทสูจู้ใคร่อยากได้ตัวมาไว้เป็นพวก เช้าวันต่อมาซุนเซ็กและไทสูจู้ก็ได้ออกมารบกันอีก ซุนเซ็กสั่งให้เทียเภารบด้วยไทสู้จู้ ทั้งสองได้รบกันอย่างสูสี จิ่วยี่แอบลอบเข้าไปตีหลังเมืองได้พบกับ ตันบู ตันบูกล่าวว่าได้ยินกิตติศัพท์ว่าซุนเซ็กมีสติปัญญาและรักทหาร จึงพาพรรคพวกจะมาทำการด้วยซุนเซ็ก และได้เปิดประตูรับจิวยี่เข้าเมือง




จิวยี่ได้ยินเช่นนั้นก็ยินดีและยกทหารเข้าไปในเมืองขยกโอ๋ เล่าอิ้วเมื่อรู้จะสั่งให้ไทสูจู้ถอยทัพ จิวยี่ได้พาตัวตันบูเข้ามาคาราวะซุนเซ็ก ซุนเซ็กดีใจเป็นอันมาก

เตียวเจียวได้เสนอให้ซุนเซ็กไล่ตามตีกองทัพของเล่าอิ้ว ซุนเซ็กจึงสั่งตันบูและทหารไล่ตามตีทัพของเล่าอิ้วจนแตกกระเจิง ในขณะที่ซุนเซ็กไล่ตามอยู่นั้นก็เกาทัณฑ์ยิงที่ขาจนตกจากหลังม้า ทหารต่างก็รีบพาซุนเซ็กกลับค่าย



วิเคราัะห์
คนอย่างเล่าอิ้วนั้นมีทหารที่เก่งกล้าสามารถอย่างไทสูจู้ แต่ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญเลย อีกทั้งเหล่าทหารต่างก็พากันดูถูกว่าไทสูจู้ยังเด็ก ซึ่งจากคนอย่างซุนเซ็กที่มองเห็นทะลุปรุโปร่งว่าไทสูจู้นั้นด้วยรูปร่างและความสามารถ มีแววที่จะเป็นทหารเอกได้เลยซุนเซ็กจึงต้องการไทสูจู้มาไว้เป็นพวก เมื่อเปรียบเทียบวิสัยทัศน์ระหว่างเล่าอิ้วและซุนเซ็กแล้ว ซุนเซ็กกินขาดไปเลย

ดังนั้นผู้นำควรที่จะดูคนอย่างลึกซึ้ง อย่าดูแต่พายนอกมิฉะนั้นอาจจะเสียคนดีๆไป