Monday, December 17, 2012

#185 ขงเบ้งพบซุนกวน




เมื่อขงเบ้งเข้ามายังห้องว่าราชการ ในขณะที่กำลังรอซุนกวน โลซกก็เตือนขงเบ้งเป็นครั้งที่ 3 ความว่า "ท่านอย่าลืมเรื่องที่เราตกลงกันไว้เกี่ยวกับกองทัพโจโฉ ห้ามบอกว่ากองทัพของโจโฉมีจำนวนมากเป็นอันขาด" ขงเบ้งได้ฟังก็ทำทีพยักหน้ารับคำ


หลังจากนั้นซุนกวนก็เดินเข้ามาทุกคนต่างก็คำนับ ขงเบ้งเห็นซุนกวน มีนัยน์ตาดุจเพชร หนวดสีแสด ท่าทางองอาจสง่าผ่าเผยเป็นอย่างยิ่ง เห็นทีต้องพูดยั่วยุให้ซุนกวนโกรธน่าจะเป็นผลกว่าการพูดจาด้วยดีๆ หลังจากทักทายกันอย่างหอมปากหอมคอเสร็จแล้ว ซุนกวนผู้มีเมืองกังตั๋งเป็นเดิมพันครั้งนี้ร้อนอยู่กว่าขงเบ้ง ซุนกวนจึงรุกถามขงเบ้ง


ซุนกวน : "เราได้ยินชื่อเสียงของท่านอีกทั้งโลซกยังยกย่องท่าน โปรดขอให้ท่านได้ชี้แนะด้วย"

ขงเบ้ง : "ตัวเรานั้นมีสติปัญญาอันน้อยนิด มิกล้าชี้แนะท่านผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองกังตั๋งได้"

ซุนกวน : "เมื่อครั้นอยู่เมืองซินเอี๋ย ท่านได้สู้รบกับโจโฉหลายครั้ง ได้เผาทัพของโจโฉถึง 2 ครั้ง และยังไขน้ำแปะโหทำลายทัพโจโฉอันมากมาย ความสามารถของนั้นนี้ก็รู้อยู่แก่ใจ"

เป้าหมายของซุนกวนต้องการรู้ความลึกหนาบางของทัพของโจโฉแต่ขงเบ้งก็พยายมบ่ายเบี่ยงตอบไม่ตรงประเด็น

ขงเบ้ง : "ข้าพเจ้าทำศึกเช่นนั้นก็จริง แต่เมืองซินเอี๋ยนั้นเล็ก ทหารน้อย เสบียงน้อย คนน้อยไหนเลยจะสู้คนมากได้"

ซุนกวนก็ยังไม่รู้อีกว่าทหารของโจโฉนั้นมีมากน้อยเพียงใด อดใจไม่ไหวจึงถามขงเบ้งไปตรงๆ

ซุนกวน : "อันธรรมดาการสงครามน้อยแพ้มากเป็นเรื่องปรกติ แต่ข้าพเจ้าต้องการรู้ว่า ทหารของโจโฉนั้นมีมากน้อยเพียงใด"

ขงเบ้งได้โอกาสรุกเต็มที่จึงใส่เข้าไปเต็มๆโดยไม่สนใจเรื่องที่โลซกเตือนว่าห้ามพูดว่าทหารของโจโฉนั้นมีมาก

ขงเบ้ง : "ทหารโจโฉยกทัพมาทั้งทางบก ทางเรือ ทางอากาศเอ้ยไม่มี!! มีประมาณร้อยหมื่นเศษ!!!!"

โลซกได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจ จ้องหน้าขงเบ้งแต่ขงเบ้งเบือนหน้าหนีทำทีมองไม่เห็น ซุนกวนได้ยินเช่นนั้นก็รักษาอาการของความเป็น leader ไว้ได้แต่นิ่งไว้

ซุนกวน : "ไม่จริงหรอกมั้ง กองทัพของโจโฉมีมากขนาดเชียวเหรอ"

ขงเบ้ง : "จำนวนที่ข้าพเจ้าได้บอกท่านไปนั้นจะว่าไม่จริงก็หามิได้ โจโฉได้เมืองเฉงจิ๋ว เมืองกุนจิ๋ว มีทหารอยู่อยู่ 20 หมื่น รบชนะอ้วนเสี้ยวได้ทหารอ้วนเสี้ยวเมืองกิจิ๋วไว้อีก 60 หมื่น กลับมาเมืองฮูโต๋เกณทหารได้อีก 40 หมื่น ต่อมายึดเมืองเกงจิ๋วได้อีกมีทหารเพิ่มอีก 30 หมื่น รวมทั้งหมดได้ 150 หมื่น แต่ข้าพเจ้าบอกแค่เพียง 100 หมื่น ทั้งนี้เพื่อที่จะเอาใจชาวเมืองกังตั๋ง "

โลซกยิ่งฟังยิ่งตกใจโดยหวังว่าขงเบ้งจะพูดให้น้อยลงแต่ครั้งนี้ ยิ่งพูดยิ่งมาก ทำให้ทุกคนต่างก็ตกตะลึง ซุนกวนเองก็ตะลึงแต่ก็ยังรักษาฟอร์มผู้นำไว้อยู่ จากนั้นรุกถามข้อมูลจากขงเบ้งต่อไปว่า

ซุนกวน : "ทหารเอกของโจโฉที่มีฝีมือมีมากน้อยเพียงใด"

ขงเบ้ง : "ทหารเอกของโจโฉมีไม่น้อยกว่า 2000 คน"

ซุุนกวน : "เมื่อโจโฉยึดเมืองเกงจิ๋วได้ โจโฉจะทำอย่างไรต่อ"

ขงเบ้ง : "แน่นอน โจโฉยกทัพใหญ่มาเพียงนี้มิได้หวังแค่เมืองเกงจิ๋วแน่นอน บัดนี้โจโฉกำลังเตรียมทัพเรือเพื่อมายึดดินแดนกังตั๋งแน่นอน หมอลักษณ์ฟังธง"

ซุนกวนตกใจพร้อมกับขำมุกของขงเบ้ง แต่ก็ยังนิ่งรักษา image ของตนไว้และถามขงเบ้งกลับไปว่า

ซุนกวน : "โจโฉยกทัพมาครั้งนี้ จะสู้หรือยอมแพ้ดี"

ใจขงเบ้งเองต้องการที่จะเสนอให้ซุนกวนรบกับโจโฉแต่เพื่อไม่ต้องการเปิดเผยเป้าหมายของตนจึงพูดเชิงปัดๆไปว่า

ขงเบ้ง : "ข้าพเจ้าเป็นแค่แขก มิกล้าที่จะแนะนำ แต่หากจะเสนอไปก็เกรงว่าท่านจะระแวงแคลงใจ"

ขงเบ้งไม่ยอทซัดไปตรงๆ โดยวางค่ายกลให้ซุนกวนผู้ร้อนรนยิ่งอยากรู้เพิ่มขึ้นไปอีกมากกว่าเดิม

ซุนกวน : "ถึงแม้ว่าท่านจะเป็นแขก ข้าพเจ้าเห็นว่าท่านนั้นมีสติปัญญา มีความเห็นอย่างตรงไปตรงมาตามความเป็นจริง หากท่านว่าอย่างไรตัวเราก็เห็นอย่างนั้น"

ซุนกวนเปิดทางแถมยังทอดสะพานแบบนี้มาอีก หากเป็นทูตคนอื่นคงจะแนะนำให้ซุนกวนร่วมมือกับเล่าปี่แล้วเป็นแน่แท้ แต่หากขงเบ้งพูดเช่นนั้นไปก็จะเป็นกระเปิดเผยเจตนาออกไปจะเสียเชิงเอา ขงเบ้งจึงรุกด้วยการยั่วยุต่อไป

ขงเบ้ง : "อันโจโฉ เล่าปี่ และซุนเซ็กบิดาของท่าน ก็ได้ตั้งตัวมาพร้อมๆกัน โจโฉนั้นมีความเพียรและความสามารถจึงสามารถยึดดินแดน 2 ใน 3 ไว้ได้ ถ้าเห็นว่ากำลังของตนเองพอจะสู้โจโฉได้ก็ควรสู้ แต่ถ้าเห็นว่าสู้ไม่ได้ก็ควรเชื่อฟังเหล่าที่ปรึกษายอมแพ้แก่โจโฉเสียเถิด"

ขงเบ้งตอบไปแบ่งรับแบ่งสู้ กลางๆไปเพื่อโยนการตัดสินไปกลับไปยังซุนกวน โดยลูกล่อของขงเบ้งนั้น มิได้พูด โจโฉและซุนเซ็ก เพียง 2 คน แต่มีตัวละครเพิ่มขึ้นในประโยคนั่นคือ "เล่าปี่" เพียงเพื่อจะยกเพื่อเปรียบเทียบในประโยคต่อไป ขงเบ้งดูท่าทีซุนกวน ซุนกวนก็เงียบไม่ยอมเผยท่าที ขงเบ้งจึงสุมไฟอีกครั้ง

ขงเบ้ง : "อันฝ่ายที่ปรึกษาของท่านเห็นว่าควรที่จะยอมแพ้แก่โจโฉ ส่วนเหล่าขุนพลของท่านไม่ยอมแพ้และขอสู้ตายเพื่อบ้านเมือง หากท่านไม่ยอมตัดสินใจภัยไกล้มาถึงตัวโดยมิรู้ตัว"

ซุนกวน : "เป็นจริงอย่างที่ท่านกล่าว ว่าข้าพเจ้ายังลังเลว่าจะเลือกข้างไหน แต่ทำไมเล่าปี่นายท่านถึงไม่ยอมแพ้"

แล้วมันก็เป็นไปตามที่ขงเบ้งขาดหมายเข้าล็อกตามแผนที่ขงเบ้งวางไว้ ขงเบ้งจึงปล่อยขอไปเต็มที่

ขงเบ้ง : "อันเล่าปี่นายเรานั้นเป็นถึงพระเจ้าอาเชื้อสายพระเจ้าเหี้ยนเต้ มีสติปัญญาก็พอประมาณ ถึงแม้นจะสู้โจโฉมิได้ก็ไม่มีทางไปอ่อนน้อมแก่โจโฉเป็นอันขาด เกรงว่าจะเป็นที่ติเตียนขายขี้หน้าประชาชี"

ซุนกวนได้ฟังเช่นนั้นก็เข้าใจว่าขงเบ้งพยายามตำหนิซุนกวนทางอ้อมว่าสู้เล่าปี่ก็ไม่ได้ ซุนกวนโกรธสุดขีดแต่ก็รักษาอาการของความเป็นผู้นำ สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินกลับเข้าไปข้างหลัง ฝ่ายขุนนางเห็นไม่เข้าใจอุบายของขงเบ้งก็พากันหัวเราะเยอะเย้อขงเบ้ง โลซกเห็นายของตัวเองโกรธจึงตำหนิขงเบ้ง ขงเบ้งเห็นโลซกโกรธก็หัวเราะแล้วตอบโลซกว่า

ขงเบ้ง : "อันที่เรากล่าวความทั้งนี้ก็เพื่อลองใจซุนกวนนายของท่าน หากซุนกวนนายของท่านมิรู้ดีรู้ชอบ การข้างหน้าก็คงจะไปไม่รอด เห็นซุนกวนนายของท่านโกรธแบบนั้นตัวเราก็จนใจ อันอุบายที่จะกำจัดโจโฉนั้นเราก็คิดไว้อยู่แล้ว ซุนกวนนายท่านไม่ถามเรา เราก็มิกล้าจะบอก"

ขงเบ้งหลอกลวงให้ซุนกวนโกรธจนหนีเข้าไปในถ้ำไปแล้ว ตอนนี้ขงเบ้งกำลังหลอกซุนกวนออกมาจากถ้ำอีกครั้ง เพื่อที่จะบอกให้ซุนกวนว่ากองทัพโจโฉมันมีมากนะ ให้จับมือกับเล่าปี่สู้โจโฉดีกว่า แต่ขงเบ้งจะไม่ยอมเป็นฝ่ายขอร้อง ขงเบ้งต้องการให้ฝ่ายซุนกวนนั้นเป็นฝ่ายขอร้อง หากเป็นเช่นนั้นฝ่ายเล่าปี่ก็มิได้มีศักดิ์เป็นผู้อาศัยอีกต่อไป



Friday, December 14, 2012

#184 ขงเบ้ง vs เทียตก


เทียตกจึงรีบสวนขึ้นมาว่า

เทียตก : "ความอันขงเบ้งท่านเจรจาช่างวางกล้ามใหญ่โตยิ่งนัก ข้าพเจ้าเกรงว่าเวลาทำเข้าจริงจะไม่เหมือนดังที่ปากว่า ถึงแม้ข้าจะเป็นผู้น้อย เอาการงานอันใดมิได้ก็จะพลอยหัวเราะเยาะเอาได้"

เทียตกโจมตีขงเบ้งด้วยคำโบราณขงเบ้งจึงอ้างคำโบราณมาแก้ต่าง

ขงเบ้ง : "อันลักษณะคนเอาการมิได้นั้นมีสองประการ 1 คือเอาการไม่ได้มีความมานะสนองคุณเจ้า เจียมตัว ถึงว่าดี ส่วนเอาการไม่ได้ประการ 2 คือ พูดจาโจกเจกเล่นไปวันๆหาแก่นสาร ทำอะไรไม่เป็นซักอันคนพวกนี้ถือว่าชั่วนัก ซึ่งท่านจะเก็บเอาคำคนโบราณมาเจรจาด้วยเรานั้นจะประโยชน์อันใด"

โลซกเห็นเหล่าขุนนางที่ปรึกษาต่างก็โต้เถียงกับขงเบ้งกลัวว่าจะไปกันใหญ่ โลซกจึงออกมาหาคนมาช่วย ทันใดนั้นได้ไปเจอกับ อุยกาย แม่ทัพใหญ่คนเก่าคนแก่ คนสำคัญคนหนึ่งของกังตั๋ง ซึ่งรับราชการเมืองกังตั๋งตั้งแต่ครั้งซุนเกี๋ยน โลซกจึงเล่าความให้อุยกายฟังทุกประการ จากนั้นอุยกายจึงเดินกลับมาพร้อมกับโลซกพร้อมทั้งตะโกนขึ้นมาว่า

อุยกาย : "เหลวไหลสิ้นดี เหลวไหลสิ้นดี พวกท่านช่างไร้มารยาทต่อแขกเมือง ทำให้เสื่อมเสียเกียรติภูมิของซุนกวนนายเรายิ่งนัก โจโฉกำลังเตรียมจัดเตรียมทัพมาบุก ทุกคนควรคิดอ่านหาทางช่วยเมืองกังตั๋งให้ปลอดภัย ยังมีหน้ามา ตีถ้อยร้อยคำกันด้วยเรื่องเหลวไหลไร้สาระ"

ทุกคนที่ได้ยินอุยกายพูดก็เงียบลง เพราะต่างคนต่างก็เกรงใจขุนพลเก่าแก่ 3 แผ่นดินผู้นี้ จากนั้นอุยกายก็มาคำนับขงเบ้งแล้วพูดกับขงเบ้งว่า



อุุกาย : "แม้ว่าข้าพเจ้าจะได้ยินการสนทนาเพียงบางส่วนแต่ก็ได้สัมผัสถึงภูมิปัญญาอันลึกซึ้งของท่าน ท่านควรจะเก็บวาจาที่เป็นประโยชน์นี้ไปคุยกับซุนกวนนายเราเห็นจะชอบกว่า หาควรที่จะเปลืองน้ำลายโต้เถียงกับคนอื่นไม่"

ขงเบ้ง : "อันที่ปรึกษาเหล่านี้ต่างก็สงสัย เราก็แค่ชี้แจงให้กระจ่างก็เท่านั้นเอง"

ขงเบ้งเดินไปถึงหน้าประตูได้พบกับจูกันกิ๋นพี่ชายตนก็ทักทายกันตามธรรมเนียม



จูกัดกิ๋น : "เจ้าเดินทางมาเมืองกังตั๋งครั้งนี้ เหตุไฉนจึงไม่ไปเยี่ยมเยียนพี่ก่อน"

ขงเบ้ง : "ข้าพเจ้าเดินทางมาเมืองกังตั๋งครั้งนี้เป็นด้วยราชการในเล่าปี่นายเรา ซึ่งชอบที่จะทำหน้าที่ให้เสร็จเสียก่อนค่อยไปเยี่ยมพี่ ยังไงขอให้ท่านพี่จงอภัยให้แก่เราด้วย"

จูกัดกิ๋น : "ถ้าเช่นนั้นก็ดีแล้ว เมื่อเสร็จการแล้วค่อยมาสนทนากันให้เป็นที่สบายใจ"

จากนั้นอุยกายจึงพาขงเบ้งเข้าไปพบกับซุนกวน นับเป็นว่า ขงเบ้งชนะศึกสงครามทูตยกที่ 2 กับเหล่าขุนนางเมืองกังตั๋งแล้ว ต่อไปยกที่ 3 ต้องไปพบกับพญาพยัคฆ์แห่งแยงซีรุ่นที่ 3 ซุนกวน


Tuesday, December 11, 2012

#183 ขงเบ้ง vs ลกเจ๊ก & เหยียมจุ้น


ฝ่ายลกเจ๊กที่ปรึกษาของซุนกวนอีกคนถือโอกาสแจ้งเกิดบ้าง

ลกเจ็ก : "อันโจโฉนั้นเห็นว่าหยาบช้า แอบรับสั่งพระเจ้าเหี้ยนเต้ เที่ยวปราบปรามบ้านเมืองทั้งปวงให้แผ่นดินเดือดร้อนก็จริง แต่โจโฉนั้นเป็นถึงเชื้อสายขุนนางมาแต่ก่อน อันเล่าปี่นี้อ้างว่าเป็นเชื้อราชวงศ์ แท้จริงแล้วเป็นแค่คนทอเสื่อขาย ควรหรือไม่ที่จะไปสู้กับโจโฉ"

ขงเบ้งจับ keyword ของลกเจ๊กได้ว่า ลกเจ๊กนั้นโจมตีเล่าปี่ในด้านฐานนะและตระกูล ก็เลยคิดจะแก้เผ็ดลกเจ็ก

ขงเบ้ง : "ท่านนี้หรือชื่อว่าลกเจ๊ก เมื่อยังเป็นเด็กเคยไปลักส้มงานเลี้ยงของอ้วนสุดไปให้มารดา นั่งลงเถิดเราจะเจรจาด้วย"

ลกเจ็กรู้สึกเสียหน้าที่โดนขงเบ้งขุดประวัติขึ้นมาแฉ เพราะเมื่อครั้งยังเด็กลกเจ็กเองก็มิได้มีฐานะดีเท่าไหร่

ขงเบ้ง : "ซึ่งท่านนับถือโจโฉว่าเป็นเชื้อสายของโจฉำก็จริง ตระกูลของโจโฉมีความดีความชอบเป็นอันมาก แต่โจโฉนั้นเป็นคนเสียชาติเสียตระกูล มิได้ประพฤติตามประเพณี ส่วนเล่าปี่นั้น พระเจ้าเหี้ยนเต้ตรวจพงศาวดารเล่าปี่จริงแถมนับถือเล่าปี่เป็นพระเจ้าอา แต่ก่อนพระเจ้าฮั่นโกโจก็มิได้เป็นตระกูลใหญ่แต่มีความเพียรจะได้เห็นฮ่องเต้ ตัวท่านทำตัวเป็นเด็กอย่ามาพูดเลย"

ฝ่ายเหยียมจุ้นซึ่งเป็นปรึกษาของซุนกวนอีกคนถือโอกาสดับเอ้ยแจ้งเกิดบ้างอีกคน

เหยียมจุ้น : "อันวาจาที่ท่านกล่าวทั้งนี้ล้วนเป็นเรื่องที่โต้เถียงกัน ไร้สาระ ซึ่งหาแก่นสารมิได้ ซึ่งในการปกครองบ้านเมืองนั้นท่านอาศัยคัมภีร์บทกฎหมายเล่ใด"

ขงเบ้งจับ keyword ของเหยียมจุ้นได้ว่า เหยียมจุ้นกำลังอ้างคำภีร์ตำราเนื่องจากว่าตัวเหยียมจุ้นเองเป็นผู้รู้ตำราเป็นอันมาก ขงเบ้งจำต้องจัดการเสียให้เข็ด

ขงเบ้ง : "ซึ่งท่านจะถือเอาถ้อยคำอันคนโบราณตกแต่งไว้หาเชื่อถือมิได้ พวกหนอนหนังสือ ลอกกากตำราเอามาพูด หากแม้นภัยมาไกล้ตัวก็ไม่มีปัญญาเอาตัวรอด ดีแต่อยู่กับกระดาษและภู่กันไปวันๆ ท่านอย่ามาพูดเลยเสียดีกว่า"

เหยียมจุ้นได้ยินก็จำนวนต่อคำขงเบ้ง


Friday, December 7, 2012

#182 ขงเบ้ง vs โปเจ๋า & ซีหอง



ฝ่ายโปเจ๋าที่ปรึกษาของซุนกวนอีกคนหนึ่งเห็น เตียวเจียวและหยีหวน จำนวนจึงอยากแสดงฝีมือ(ปาก) บ้าง

โปเจ๋า : "ตัวท่านนี้คิดจะเลียนแบบ โซจิ๋น เตียวยี่ หวังจะเกลี้ยกล่อมชาวเมืองกังตั๋งอย่างนั้นหรือ"

ขงเบ้งพยายามจะจับ keyword ของโปเจ๋าแล้วก็ได้ความว่าโปเจ๋านั้นกำลังที่บอกว่าขงเบ้งนั้นเก่งแต่พูดเหมือน โซจิ๋น เตียวยี่ โดยอ้างคนในประวัติศาสตร์ขึ้นมาโจมตี ขงเบ้งจึงคิดว่าโปเจ๋านั้นคงรู้จัก โซจิ๋น เตียวยี่ แบบผิวเผิน จะได้ส่วนเรื่อง โซจิ๋น เตียวยี่ และประวัติศาสตร์กลับไป

ขงเบ้ง : "อันโซจิ๋น เตียวยี่นั้น เป็นปราชญ์ ที่พูดเก่งยุคเลี๊ยดก๊ก ทั้ง 2 คนนี้มิได้เก่งแต่พูดและเรื่องการทูตเพียงอย่างเดียว 2 คนนี้ยังมีความสามารถด้านการบริหาร การปกครอง และทางการทหาร ตัวท่านเองท่านรู้แต่ว่าโซจิ๋น เตียวยี่เป็นนักพูด นั้นมิควร อันตัวท่านยังไม่เคยเห็นกองทัพโจโฉเท่านี้ยังกลัวตัวสั่นอยู่ บอกให้นายออกไปยอมแพ้ ยังมีหน้ามาติเตียนผู้อื่นหรือเล่า"

ซีหองที่ปรึกษาของซุนกวนอีกคนจึงพูดขึ้นมาว่า

ซีหอง : "โจโฉนี้เป็นใครท่านรู้หรือไม่?"

ขงเบ้ง : "โจโฉนั้นเป็นศัตรูพระเจ้าเหี้ยนเต้ โจรราชสมบัตรใคร ๆ ก็รู้"

ซีหอง : "ท่านกล่าวมานี้ผิดแล้ว ราชวงศ์ฮั่นนั้นสิ้นไปแล้วตอนนี้โจโฉได้ครองแผ่นดิน 2 ใน 3 แล้ว ผู้คนต่างก็ศรัตธา เล่าปี่เองฝืนชะตาฟ้าดิน เขาไข่ไปกระทบกับหินย่อมแพ้แน่นอน"

ขงเบ้งเริ่มจับ keyword ของซีหองได้ ซีหองพยายามอ้างว่าราชวงศ์ฮั่นนั้นสิ้นแล้ว โจโฉนั้นเก่งกล้าสามารถมีอำนาจมากกว่าฮ่องเต้

ขงเบ้ง : "ทำไมท่านพูดเช่นนี้ คนเราเกิดมาในแผ่นดินต้องจงรักภัคดีกตัญญู นายเราเห็นว่าโจโฉนั้นเป็นศรัตรูแผ่นดินจึงเจ็บร้อนด้วย แลตัวท่านก็เป็นข้าแผ่นดินอยู่ในพระเจ้าเหี้ยนเต้ ไม่มีความภักดีต่อเจ้ากลับเห็นชอบด้วยศัตรูแผ่นดิน คนอย่างนี้ไม่คู่ควร อย่าพูดอีกเลย"

Thursday, December 6, 2012

#181 ขงเบ้ง vs ยีหวน



ฝ่ายยีหวนซึ่งเป็นที่ปรึกษาของซุนกวนอีกคน เห็นเตียวเจียวจำนวนจึงคิดที่จะแก้แค้นและต้องการแสดงฝีมือให้คนอื่นได้เห็นจึงลุกขึ้นมาว่า

ยีหวน : "บัดนี้โจโฉยกทัพใหญ่มาร่วมร้อยหมื่นหวังจะเหยียบเมืองกังแฮให้จมไปในพระมหาสมุทร ตัวท่านมีความคิดอ่านประการใด"

ขงเบ้ง : "แม้นว่าโจโฉจะยกทหารถึงร้อยหมื่น ก็ไม่น่ากลัวเพราะทหารของโจโฉนั้นมีทหารที่เคยแพ้ศึกอยู่ด้วย ส่วนหนึ่งเป็นทหารบ้านนอกของอ้วนเสี้ยวไม่เชียวชาญการรบ  ซึ่งโจโฉได้ไว้ในฐานะเป็นเชลยศึก อีกส่วนหนึ่งก็เป็นทหารเมืองเกงจิ๋วของเล่าเปียว ซึ่งเป็นทหารร่อนเร่พเนจร กองทัพโจโฉนั้นมิได้น่ากลัวเลย"

ยีหวน : "ฮ่าๆๆๆๆ ท่านดูหมิ่นดูถูกกองทหารของโจโฉ ไม่ชำนาญการสงคราม หากเป็นเช่นนั้น ไหนเลยเล่าปี่ถึงได้แตกหนีทัพมาอยู่เมืองกังแฮ มิใช่เพราะทหารของโจโฉหรอกหรือ ตัวท่านยังจะมีหน้ามาโอ้อวดว่าตัวเองไม่กลัวกองทัพโจโฉอีกอย่างนั้นหรอกหรือ? ฮ่าๆๆๆ"

ขงเบ้งเห็นหยีหวนโจโฉด้วย keyword ที่ว่า "กลัวทหารโจโฉ" ขงเบ้งจึงใช้ keyword นี้สวนกลับไปในทันที

ขงเบ้ง : "เหอะๆ...อันนายเราเสียทีแตกทัพมาอยู่ที่เมืองกังแฮมีทหารอยู่เพียง 3 พัน ซึ่งเทียบกับทหารของโจโฉมิได้เลย การที่หนีมาอยู่เมืองกังแฮนั้นใช่ว่าจะ กลัว ทหารของโจโฉและไม่คิดที่จะยอมแพ้โจโฉอีกด้วย อันเมืองกังตั๋งนี้ผู้คนก็มาก ทหารก็พร้อม เสบียงก็สมบูรณ์ ทะเลก็ขั้นกลาง ดูดีกว่าเมืองซินเอี๋ยเสียอีก แต่เหตุใดจึงรวมหัวกันให้นายตัวเองยอมแพ้แก่โจโฉ พอมาคิดๆดูแล้ว นายเรานั้นกลัวโจโฉน้อยว่ากว่าพวกท่านเสียอีก...ฮ่าๆ"

ยีหวนโดนจี้จุดด้วย keyword ของตัวเองจึงนิ่งเงียบไปอีกคน อีกทั้งขงเบ้งยังพูดความจริงที่เหล่าขุนนางต่างบอกให้ซุนกวนยอมแพ้แก่โจโฉ

Wednesday, November 28, 2012

#180 ขงเบ้ง vs เตียวเจียว


เช้าวันรุ่งขึ้นขงเบ้งได้ถูกเชิญให้เข้ามานั่งร่วมสนทนากับเหล่าที่ปรึกษาของเมืองกังตั๋ง โดยโลซกได้เตือนขงเบ้งเป็นครั้งที่ 2 ว่า

โลซก : "เมื่อท่านได้พบกับซุนกวนนายเราให้บอกนายเราว่า กองทัพโจโฉนั้นมีจำนวนน้อย"

ขงเบ้งได้ฟังก็หัวเราะ แล้วจึงว่า "ท่านจงวางใจเถิด ข้าพเจ้าย่อมมีวิธีที่จะพูดจากับซุนกวนมิให้เสียการของนายเราทั้งสอง"

หลังจากที่เหล่าที่ปรึกษาเข้านั่งรวมตัวกันเรียบร้อยแล้ว  เตียวเจียวที่ปรึกษาผู้ใหญ่ของซุนกวนจึงได้เปิดฉากสงครามลิ้นเป็นคนแรก

เตียวเจียว : "เดิมที่อาจารย์ฮกหลงอยู่ตำบลเขาโงลังกั๋ง เขาเลื่องลือว่ามีสติปัญญามากเหมือนอาจารย์ขวัญต๋ง งักเย เป็นจริงหรือปล่าว?"

ขงเบ้ง : "จริง...แท้จริงแล้วเป็นการเปรียบเทียบง่ายๆแท้จริงแล้วสติปัญญามีมากเท่าใดนั้นไม่มีใครรู้"

เตียวเจียวเห็นขงเบ้งเริ่มปากดี เตียวเจียวจึงต้องแสดงสติปัญญาของตนเพื่อข่มขงเบ้ง

เตียวเจียว : "ได้ยินมาว่า เล่าปี่ไปเชิญท่านถึง 3 ครั้ง เมื่อได้มาแล้วเล่าปี่เปรียบเสมือนปลาได้น้ำ มีใจกำเริบคิดที่จะแย่งชิงดินแดนเมืองเกงจิ๋ว แต่เหตุใดเมืองเกงจิ่วถึงไปตกอยู่ในมือของโจโฉได้หล่ะ?"

ขงเบ้ง : "ในสายตาของข้าพเจ้าการยึดเมืองเกงจิ๋วนั้น ง่ายเหมือนดั่งพลิ๊กฝ่ายมือ แต่ท่านเล่าปี่ยึดมั่นในคุณธรรมไม่อยากแย่งเมืองของคนแซ่เดียวกันจึงไม่รับเมือง เล่าจ๋องเด็กน้อยหลงเชื่อคนสอพลอให้ยอมแพ้ โจโฉถึงยึดได้ อันเล่าปี่นายเรานั้นตอนนี้อยู่เมืองกังแฮมีแผนล้ำลึก พวกปัญญาน้อยคิดไม่ถึงดอก"

เตียวเจียว : "ดูเหมือนคำพูดกับการกระทำของท่านมันขัดแย้งกัน ท่านเปรียบตนกับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ขวัญต๋ง งักเย ช่วยทำนุบำรุงแผ่นดินพระเจ้าจีฮ้วนก๋ง ปราบปรามศัตรูให้ราบคาบ บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุข นี่สิถึงเรียกว่าเป็นผู้มีสติปัญญาจริง อันเล่าปี่ก่อนที่จะได้ท่านมายังได้ครองเมือง เป็นใหญ่ไม่น้อยแต่เมื่อได้ท่านมาเป็นกุนซือช่วยเหลือ โจโฉบุกมาจำต้องหนีหัวซุกหัวซุนไม่มีแผ่นดินจะอยู่ ท่านยังจะเปรียบกับขวัญต๋ง งักเย อย่างนั้นหรือ"

ขงเบ้ง : "ความคิดของพญาครุฑกระจอกย่อมไม่รู้.....การคิดทำการใหญ่นั้น อุปมาเหมือนคนไข้หนัก ต้องให้ยาที่มีฤทธิ์น้อยเสียก่อน ถึงจะให้ยาที่มีฤทธิ์มาก เพื่อที่จะให้คนไข้นั้นได้ปรับตัว ซึ่งการที่เล่าปี่นายเราแพ้แก่โจโฉนั้น มีทหารเอกแต่กวนอู เตียวหุย จูล่งสามคนนี้มีทหารไม่กี่พัน เปรียบเหมือนดั่งคนไข้หนัก เราก็ได้เผาทหารโจโฉเสียที่ทุ่งพกบ๋องก็ครั้งหนึ่ง ที่แม่น้ำแปะโหเราก็ได้ไขน้ำให้ท่วมทหารโจโฉให้ตายเป็นอันมาก แม้นทหารใหญ่อย่างโจหยินและแฮหัวตุ้นยังกลัว ซึ่งท่านว่าขวัญต๋ง งักเย นั้นได้มีอุบายเช่นนี้หรือไม่ก็ไม่รู้ การที่เล่าจ๋องเสียเมืองเกงจิ๋วนั้นทางฝ่ายเราก็ไม่รู้เห็นด้วย หากนายเราได้ครองเมืองเกงจิ๋วมีเหรอเมืองเกงจิ๋วจะตกอยู่ในมือของโจโฉ เล่าปี่นายเราห่วงประชาชน ประชาชนจึงขอติดตามมานายเราจะทิ้งประชาชนก็มิได้ จึงโดนโจโฉไล่ตามตี อันกองทัพโจโฉนั้นมาก มากชนะน้อย นั้นเป็นเรื่องธรรมดามิใช่หรือ? สมัยพระเจ้าฮั่นโกโจยังแพ้พระเจ้าฌ้อปาอ๋องตั้งหลายครั้ง แต่ยังกลับมาชนะได้ แลดูตัวท่านนี้มีแต่ยกตนข่มท่านคิดว่าตัวเองดี แม้นภัยเข้ามาถึงตัวกลัวจะทำได้ไม่เหมือนปาก"

เตียวเจียวได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งไม่กล้าพูดอะไรออกมา ซึ่งขงเบ้งนั้นตอนแรกโดนเตียวเจียวโจมตี ด้วย keyword ที่ว่า "โอ้อวดตน"  ว่า "ขงเบ้งอวดตนว่าเก่งเปรียบขวัญต๋ง งักเย" ขงเบ้งจึงสวนกลับในเหตุผลเดียวกันว่า "ชาวกังตั๋งนั้นอวดเก่งแต่มิมีปัญญาแก้ไขสถานการณ์"

Tuesday, November 27, 2012

#179 ความร้อนใจของซุนกวน


ข้งเบ้งนั่งเรือน้อยไปเมืองกังตั๋งกับโลซก ในขณะนั่งเรือนั้น โลซกได้ขอให้ขงเบ้งรับปากว่า

โลซก : "เมื่อท่านพบกับซุนกวนแล้วถ้าหากซุนกวนไต่ถามเกี่ยวกับกำลังทหารของโจโฉ ขอร้องท่านอย่าได้บอกความจริงว่าโจโฉมีทหารจำนวนมาก ให้บอกแต่เพียงว่าโจโฉมีทหารจำนวนน้อย ซุนกวนจะได้มีกำลังใจต่อสู้ด้วยโจโฉ"

โลซกเป็นลูกน้องที่รู้ใจนายยิ่งนักแต่การเปิดเผยครั้งนี้เป็นการผิดพลาดยิ่งนัก ทำให้ขงเบ้งเองได้ข้อมูลว่าแท้ที่จริงแล้วตัวซุนกวนเองก็หวั่นเกรงกำลังของโจโฉ ทำให้ขงเบ้งนั้นสามารถคิดอุบายที่จะใช้กับซุนกวน

ขงเบ้ง : "ท่านอย่าได้วิตกเลย ข้าพเจ้ามีวิธีคุยกับซุนกวนนายของท่าน"

ขงเบ้งเองก็พูดเชิงมิได้รับปากกับโลซก พอถึงเมืองชีสองโลซกให้ขงเบ้งกลับไปพักผ่อนรุ่งเช้าจึงนัดขงเบ้งเข้าพบกับซุนกวน ส่วนโลซกเข้าไปรายงานกับซุนกวนว่าบัดนี้ได้พาขงเบ้งมาพบในวันพรุ่งนี้ ซุนกวนได้ยินเช่นนั้นก็ยินดีพร้อมทั้งเอาจดหมายที่โจโฉเขียนมาถึงให้โลซกดู ทั้งโลซกและเตียวเจียวก็ได้อ่าน เตียวเจียวให้ความเห็นว่า



เตียวเจียว : "ข้าพเจ้าจึงเห็นว่าหากจะสู้รบทำสงครามกับโจโฉก็มีแต่จะแพ้ทำให้ชาวเมืองกังตั๋งเดือดร้อนควรที่จะยอมแพ้โจโฉ อีกทั้งโจโฉยังอ้างรับราชโองการฮ่องเต้ไหนเลยฝ่ายเราจะกล้าขัด"

บรรดาเหล่าที่ปรึกษาต่างก็เห็นด้วยกับความคิดของเตียวเจียวทั้งสิ้น ซุนกวนได้ฟังก็มิได้พูดประการใดและจึงบอกให้เลิกประชุมค่อยคุยกันพรุ่งนี้ หลังจากเลิกประชุมเสร็จโลซกเดินมาคุยกับซุนกวนและให้ความเห็นว่า

โลซก : "ข้าพเจ้าว่าท่านไม่ควรยอมแพ้ เพราะเมืองกังตั๋งนั้นสืบทอดมา 3 รุ่น สมัยซุนเกี๋ยน ซุนเซ็ก แล้วก็ซุนกวน จะให้ตกไปเป็นของโจโฉนั้นมิได้ พวกเหล่าที่ปรึกษานั้นรักตัวกลัวตาย"

ซุนกวนเองได้ฟังเช่นนั้นก็เห็นชอบแต่ก็ยังยำเกรงกองทัพของโจโฉอยู่ดี พรุ่งนี้ค่อยหารือใหม่แล้วนัดขงเบ้งเข้ามาให้ขอมูลด้านกองทัพของโจโฉ โดยพรุ่งนี้สั่งให้โลซกจัดการเสวนาระหว่างขุนนางเมืองกังตั๋งและขงเบ้ง ให้ได้สนทนากันเสียก่อนค่อยมาคุยกับซุนกวน

ซุนกวนนั้นทำเช่นนี้เพื่อที่จะข่มขวัญขงเบ้งให้ยำเกรงฝ่ายกังตั๋ง โลซกจึงรับคำทุกประการ

Saturday, November 24, 2012

#178 ขงเบ้ง vs โลซก

VS

เมื่อขงเบ้งออกมาเจอโลซกสงครามการทูตก็บังเกิดขึ้น โลซกเป็นฝ่ายรุกก่อน

โลซก : "ข้าพเจ้าได้ยินชื่อเสียงของท่านวันนี้ได้มาพบเป็นบุญจริงๆ"

ขงเบ้ง : "อันชื่อเสียงที่ได้ยินนั้นมันเกินความจริงไปหน่อย สติปัญญาของข้าพเจ้านั้นมีน้อยนิด จึงทำให้เล่าปี่นายข้าต้องลำบาก"  ขงเบ้งพยายามถ่อมตนเพื่อเปิดทางให้โลซกรุกเข้ามาอีก

โลซก : "งั้นข้าพเจ้าขอถามท่านหน่อยว่า ตอนที่ท่านรบกับโจโฉนั้นใช้อุบายอันใด"

ขงเบ้ง : "อันกองทัพของโจโฉนี้มีมากกว่าร้อยหมื่น ยกทัพมาครั้งนี้หวังจะเหยียบแผ่นดินให้จมลงในมหาสมุท ตัวโจโฉนั้นมีสติปัญญาเป็นอันมาก แม้ลิโป้ อ้วนสุด อ้วนเสี้ยว ที่ว่าเข้มแข็ง มีทหารมากกว่าโจโฉ ก็ยังต้องแพ้โจโฉ บัดนี้โจโฉยึดหัวเมืองทางเหนือไว้หมดสิ้น กำลังจะมุ่งสู่ใต้ พร้อมเหล่าขุนพลอันกล้าแกร่งและที่ปรึกษาผู้ชาญฉลาดอันมากมาย ข้าพเจ้าจึงไม่สามารถสู้รบกับโจโฉได้ตลอด กำลังฝั่งเรามีน้อยจึงต้องหนีมายังเมืองกังแฮเพื่อเอาตัวรอด"

ขงเบ้งบรรยายภาพแสนยานุภาพของโจโฉ เพื่อข่มขวัญให้โลซกตกใจ แต่โลซกก็ยังทำท่าทีนิ่งเพื่อมิให้ต้องเผยความกลัวของตนออกมา

โลซก : "ท่านคิดแค่จะหนีเอาตัวรอดมาที่เมืองกังแฮเท่านั้นเองเหรอ? ท่านมีแผนที่จะไปตั้งหลักที่ใดต่อ?"

โลซกพยายามเปิดทางให้ขงเบ้งออกปากต้องขออาศัยใบบุญของเมืองกังตั๋ง แม้ขงเบ้งเองซึ่งต้องการอาศัยความช่วยเหลือของซุนกวนแต่ขงเบ้งต้องการถือไพ่ที่เหนือกว่าจึงมิยอมออกปากขอก่อน ขงเบ้งจึงทำท่าทีล่อลวงโลซกต่อไป

ขงเบ้ง : "อาวสิ้วเจ้าเมืองซังงาวเป็นคนชอบกันกับเล่าปี่นายเรา เราคิดที่จะเสนอให้นายเราไปอาศัยอยู่ด้วย"

โลซกเห็นขงเบ้งไม่ยอมขอตนอาศัยก็ผิดหวัง จึงพยายามพูดปิดทางมิให้ขงเบ้งต้องไปอาศัยกับอาวสิ้ว

โลซก : "อันเมืองซังงาวนั้นผู้คนก็น้อย เสบียงก็น้อย แต่ตัวอาวสิ้วเองก็ยังรักษาดูแลตัวเองมิได้ เหตุใดจึงจะอาจรักษาผู้อื่นได้เล่า เรามิเห็นด้วย"

หลังจากโลซกปิดทางอาวสิ้วแล้ว โลซกคิดว่าขงเบ้งคงเหลือที่พึ่งสุดท้ายก็คือเมืองกังตั๋ง ซึ่งเป็นเมืองใหญ่พร้อมด้วยทั้งคนและเสบียง จึงพยายามบีบให้ขงเบ้งต้องเอ่ยปากขอ อาศัยซุนกวนอยู่ที่เมืองกังตั๋ง ถ้าเป็นเช่นนี้ฝ่ายเล่าปี่เองก็จะตกเป็นฝ่ายผู้อาศัย

หากมองว่าระหว่างโลซกและขงเบ้งกำลังเล่น casino กันอยู่ เงินเดินมพันของทั้ง 2 ฝ่ายต่างกันมาก ฝ่ายเล่าปี่มีเงินเดิมพันอันน้อยนิด เนื่องจากว่าเงินในตัวก็ไม่ได้มีมาก ส่วนเงินเดิมพันของซุนกวนนั้นมีมากกว่ามาก นั่นคือเมืองกังตั๋งทั้งเมือง จึงทำให้โลซกนั้นร้อนรนกว่าและอยากจะรีบปิดฉากการเดิมพันโดยเร็วที่สุด

ขงเบ้ง : "ที่ท่านพูดมามันก็ถูก แต่ข้าพเจ้านั้นหมดที่พึ่งแล้วจริงๆ นายเรากับซุนกวนนั้นก็มิได้ชอบคอกันไหนเลยซุนกวนจะให้อาศัยอยู่ จำต้องไปอาศัยอยู่กับอาวสิ่วเสียก่อนค่อยหาทางคิดอ่านต่อไป"

โลซกหมดหนทางเกรงว่าการใหญ่ของนายตนจะเสียไปจึงจึงคว่ำไพ่ของตนยอมเสียเงินเดิมพันเล็กน้อยเพื่อที่รักษาเงินก้อนโตยังคงไว้

โลซก : "ถ้าเป็นแบบนี้ เหตุใดเล่าปี่จึงไม่ลองส่งทูตไปเจรจากันซุนกวนเสียก่อน ค่อยไปอาศัยกับอาวสิ้วก็ยังไม่สาย"

ก็เป็นอันว่าบรรลุเป้าหมายขงเบ้งแล้ว เหลือแต่ให้โลซกนั้นเอ่ยปากวานขงเบ้งให้ไปเมืองกังตั๋งด้วยเท่านั้น

ขงเบ้ง : "กองทัพเราพึ่งหนีมา ดังนั้นเราจึงไม่มีทูตที่จะไปเจรจาว่าด้วยซุนกวน"

โลซก : "บัดนี้จูกัดกิ๋นพี่ชายของท่านรับราชการอยู่ด้วยซุนกวนที่เมืองกังตั๋ง หากเป็นคนอื่นเป็นทูตไปก็ไม่สนิทใจเท่ากับตัวท่านไปเอง ข้าพเจ้าเห็นว่าตัวท่านนั่นแหละที่ชอบจะเป็นทูตไปกังตั๋งในครั้งนี้"

ก็เป็นอันว่าสงครามการทูตยกแรกระหว่าง ขงเบ้งกับโลซกนั้น ขงเบ้งได้บรรลุเป้าหมายทุกประการ ขงเบ้งต้องเดินทางไปยังเมืองกังตั๋งเพื่อทำสงครามทูตกับอีกหลายๆเกม ไม่ว่าจะเป็นเหล่าที่ปรึกษาแห่งเมืองกังตั๋ง ซุนกวนเจ้าเมืองกังตั๋ง และจิวยี่เสนาธิการใหญ่

Friday, November 23, 2012

#177 โลซกมาคำนับศพเล่าเปียว



โลซกเดินทางมาครั้งนี้มีเป้าหมายต้องการที่จะสืบข้อมูลการทหารของโจโฉอีกทั้งยังต้องการเกลี้ยกล่อมเล่าปี่ไว้เป็นพวกช่วยรบกับโจโฉ ช่วยให้ซุนกวนได้เป็นใหญ่

ส่วนด้านขงเบ้งนั้นมีเป้าต้องการเดินทางไปยังเมืองกังตั๋งเพื่อไปยั่วยุให้ซุนกวนรบกับโจโฉและหากโจโฉแพ้ก็คอยหาโอกาสยึดเมืองเกงจิ๋ว หรือซุนกวนแพ้ก็หาโอกาศยึดเมืองกังตั๋ง

ฟังดู 2 เป้าหมายนี้เหมือนจะไปในทิศทางเดียวกันแต่ก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในด้านที่ "ใครเป็นฝ่ายออกปากขอเป็นพันธมิตรด้วยก่อนคนนั้นแพ้" พูดง่ายๆคือฝ่ายในออกปากขอความช่วยเหลือก่อนฝ่านนั้นเสียเปรียบ

ซึ่งสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นั้นคือสงครามทางการทูตของสามก๊ก ขงเบ้งเห็นโลซกมาแต่ก็สอบถามกับเล่ากี๋เพื่อความแน่ใจว่า "เมื่อครั้งที่ซุนเกี๋ยนและซุนเซ็กผู้เป็นบิดาและพี่ของซุนกวนถึงแก่ความตายนั้น ทางเมืองเกงจิ๋วได้ส่งผู้ใดเป็นทูตไปคำนับศพบ้างหรือไม่?"


เล่ากี๋จึงว่า "เมื่อก่อนเมืองกังตั๋งกับเมืองกังแฮในสมัยของซุนเกี๋ยนนั้น ทั้งสองเมืองมีมิตรไมตรีที่ดีต่อกัน หลังจากซุนเกี๋ยนเข้าร่วมกองทัพปฏิวัติเพื่อล้มล้างอำนาจของตั๋งโต๊ะแล้ว ในครั้งนั้นซุนเกี๋ยนได้ตราหยกไว้ในครอบครอง จึงเลิกทัพกลับเมืองกังตั๋ง เล่าเปียวได้รับคำสั่งจากอ้วนเสี้ยวซึ่งเป็นผู้บัญชาการกองทัพปฏิวัติให้สกัดจับซุนเกี๋ยนเพื่อยึดเอาตรายกคืนเมืองหลวง จึงเกิดการต่อสู้กัน หลังจากครั้งนั้นแล้วซุนเกี๋ยนจึงผูกพยาบาทและได้ยกกองทัพมาตีเมืองกังแฮ แต่ในที่สุดซุนเกี๋ยนถึงแก่ความตายจากการศึกครั้งนั้น จึงทำให้ทั้งสองเมืองเป็นศัตรูแก่กันแต่นั้นมา เพราะเหตุนี้เมื่อครั้งที่ซุนเกี๋ยนและซุนเซ็กถึงแก่ความตาย ทางฝ่ายเมืองเกงจิ๋วก็ไม่กล้าไปคำนับศพ"

ขงเบ้งฟังเช่นนั้นก็มั่นใจของเป้าหมายการมาครั้งนี้ของโลซกเท่ากับว่าขงเบ้งได้เปรียบและนำหน้าโลซกไป 1 ก้าว จากนั้นขงเบ้งจึงซ้อมการพูดกับเล่าปี่เพื่อรับมือกับโลซก

หลังจากโลซกคำรับศพเล่าเปียวเสร็จก็เข้ามาในจวนทักทายกับเล่าปี่และเล่ากี๋ ต่างฝ่ายต่างยังไม่ปริปากพูดถึงเรื่องสงครามอันใดเลย ทางฝ่ายโลซกนั้นร้อนกว่าจึงเปิดคำถามไปก่อน จึงเป็นการเผยเจตนารมของฝ่ายตนอันชัดเจน


โลซก : "ข้าพเจ้าได้ยินกิตติศัพท์ว่าท่านกับโจโฉได้รบกันหลายต่อหลายครั้ง มิทราบว่าโจโฉนั้นมีทหารมากน้อยเพียงใด?"

เล่าปี่พยายามบ่ายเบี่ยงว่า "ไม่รู้" ตามที่ซักซ้อมบทพูดกับขงเบ้งไว้ เพื่อให้ต้องเชิญขงเบ้งออกมาคุย แต่โลซกเห็นเล่าปี่ตอบไม่ตรงคำถามก็พยายามถามรุกต่อเข้าไปอีก

โลซก : "ข้าพเจ้าได้ยินชื่อเสียงของขงเบ้งที่ได้คิดกลอุบายลวงเผาทหารเสียถึงสองครั้ง ทำไมว่าไม่รู้อีกเล่า?"

เล่าปี่ : "ถ้าท่านต้องการที่จะรู้ ขอให้ท่านจงคุยกับขงเบ้งโดยตรงเถิด"


ซึ่่งเป็นไปตามแผนการที่ขงเบ้งวางไว้ ขงเบ้งต้องการออกมาพูดคุยกับโลซกเอง แต่ยังหาเหตุมิได้ แต่ทั้งนี้โลซกกำลังตกลงในอุบายของขงเบ้งแล้ว เล่าปี่ขึงเชิญขงเบ้งออกมาคุยกับโลซก

สงครามการทูตครั้งสำคัญโดยมีเมืองกังตั๋งเป็นเดิมพันกำลังจะเกิดขึ้นณ.บัดนี้....

Thursday, November 22, 2012

#176 ซุนกวนหวั่นไหวกับแสนยานุภาพโจโฉ


โจโฉยกทัพใหญ่จากเมืองหลวงมีสำแดงอานุภาพอันมากข่มขวัญจนแผ่นดินกังตั๋งเริ่มสั่นไหวทั้งลุ่มแม่น้ำแยงซี โจโฉได้ตั้งค่ายฝ่ายกองทัพบกเรียงรายเป็นจำนวนมาก ในส่วนกองทัพเรือได้จอดเรือทอดสมอรายเรียงยาวเหยียด "แลเรือรบซึ่งทอดอยู่ชายทะเลนั้นดังหนึ่งจะเต็มไปทั้งมหาสมุทร"

สถานการณ์ตอนนี้จึงเป็นว่า


ฝ่ายโจโฉ
ต้องการแสดงแสนยานุภาพของกองทัพเพื่อข่มขวัญชาวกังตั๋งให้มิกล้าต่อกรและดึงซุนกวนมาเป็นพันธมิตรร่วมกันกำจัดเล่าปี่ จากนั้นก็แบ่งแผ่นดินกันอยู่

ฝ่ายเล่าปี่
ขงเบ้งต้องการให้โจโฉรุกล้ำเข้ามายังดินแดงกังตั๋งเพื่อให้ซุนกวนนั้นต้องรบกับโจโฉ ขงเบ้งจึงต้องเป็นฑูตไปหาซุนกวนเพื่อเป็นพันธมิตรกับซุนกวนร่วมรบกับโจโฉ

ฝ่ายซุนกวน
ลังเลว่าจะทำเช่นไรกับสถาณการครั้งนี้ จะเข้าด้วยเล่าปี่หรือเข้าด้วยโจโฉ ก็ยังไม่แน่ชัด ใจจริงต้องการเข้าด้วยเล่าปี่แต่เกรงกลัวกองทัพอันมหึมาของโจโฉ

การเปลี่ยนแปลงสถานการณ์การสงครามที่ใช้กำลังทหารไปสู่ขั้นสงครามทางการทูตจึงเกิดขึ้น โจโฉเองก็หยุดไล่ตามตีเล่าปี่แล้วเช่นกัน ซุนกวนได้เรียกที่ปรึกษามาหารือกัน โลซกจึงว่าตัวโลซกเองจะต้องไปสืบข่าวกองทัพโจโฉเพื่อมาประเมิณสถานการณ์อีกที และในกรณีนี้เล่าปี่ได้สู้รบกับโจโฉมาเป็นเวลานานยาวนาน รู้ตื้นลึกหนาบางด้านกองทัพของโจโฉเป็นอย่างดี และยังรู้อีกว่าขงเบ้งได้วางแผนเผากองทัพโจโฉวอดวายที่ทุ่งพกบ๋อง รวมทั้งการไขน้ำท่วมทหารโจโฉที่ลำน้ำแปะโห ได้ทำให้ชื่อเสียงของขงเบ้งโด่งดังมากยิ่งขึ้น


โลซกจึงว่า "บัดนี้เล่าเปียวเจ้าเมืองเกงจิ๋วได้สิ้นบุญแล้ว เล่ากี๋บุตรผู้ใหญ่เป็นเจ้าเมืองกังแฮ ดังนั้นข้าพเจ้าจะทำทีไปเซ่นไหว้คำนับป้ายวิญญาณเล่าเปียว และจะถือโอกาสนี้สืบทราบข่าวคราวทางการทหาร"

ซุนกวนได้ฟังเช่นนั้นก็เห็นชอบ ซุนกวนนั้นแม้นยังลังเลแต่ก็มิได้นิ่งเฉยอีกทั้งยังหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อช่วยในการตัดสินใจ


ทางฝ่ายเล่าปี่ก็ปรึกษาขงเบ้งว่าจะทำเช่นใดต่อไป ขงเบ้งจึงว่า "การที่โจโฉยึดเมืองกังเหลง แสนยานุภาพของกองทัพโจโฉประดุจฟ้าถล่มแผ่นดินทะลายไหนเลยซุนกวนจะนอนหลับสนิท ซุนกวนคงต้องส่งใครสักคนมาสืบข่าวถ้าเป็นเช่นนั้นข้าพเจ้าจะหาคนทางไปยังเมืองกังตั๋งยุซันกวนทำสงครามกับโจโฉ หากซุนกวนกับโจโฉรบกัน เราก็จะอยู่หว่างกลาง ถ้าใครเพลี่ยงพล้ำลงเห็นได้ที เราก็จะซ้ำที่ฝ่ายนั้น"

เล่าปี่ได้ฟังก็สรรเสริญสติปัญญาขงเบ้งยิ่งนัก ทหารรักษาการณ์ได้วิ่งเข้ามารายงานว่า "บัดนี้ซุนกวนได้แต่งให้โลซกเป็นทูตมาเมืองกังแฮเพื่อจะขอสักการะป้ายวิญญาณของเล่าเปียว"

ขงเบ้งได้ฟังดังนั้นก็ปรบมือหัวเราะ แล้วว่า "การที่ข้าพเจ้าคาดหมายไว้จะสมคะเนในครั้งเป็นแน่แท้ อีกทั้งยังมิต้องเสียแรงวางแผนไปเมืองกังตั๋ง โลซกมาครั้งนี้เห็นทีข้าพเจ้าจะได้ติดตามไปเป็นมั่นคง"

Wednesday, November 21, 2012

#175 ไฟสงครามลามสู่แดนกังตั๋ง



รุ่งเช้าโจโฉสั่งให้ทหารต่อสะพานเตียงปันเพื่อข้ามไป โจโฉรีบยกทัพตามเล่าปี่ไปติดๆ เล่าปี่เห็นฝุ่นตลบและทหารจำนานมากตามมาก็คิดว่าคงหนีไม่รอด แต่ทหารที่ตามมานั้นมีธงชื่อ "กวนอู" เล่าปี่เห็นเช่นนั้นก็ดีใจที่กวนอูได้นำทหารมาช่วย โจโฉยกทัพมาชนหน้ากับกองทัพของกวนอู โจโฉเห็นกวนอูก็ตกใจทหารต่างหนีกระเจิงไปคนละทาง


กวนอูจึงได้รีบพาเล่าปี่ขึ้นเรือหนีไปได้ เล่ากี๋และขงเบ้งได้พาทหารขึ้นเรือมารับเล่าปี่ เล่าปี่เห็นเช่นนั้นก็ดีใจและรู้สึกปลอดภัยขึ้นมา หลังจากหนีรอดมาได้เล่าปี่จึงเรียกทหารเอกทุกคนพร้อมทั้งขงเบ้ง มาหารือวางแผนรับมือกับโจโฉ ขงเบ้งเสนอว่าให้ตั้งกองทัพรับมือที่เมืองแฮเค้า จากนั้นค่อยย้ายไปอยู่เมืองกังแฮเป็นที่มั่น เล่าปี่ก็เห็นด้วยทุกประการ

บทวิเคราะห์เล็กๆ ขงเบ้งนั้นหลังจากมาอยู่กับเล่าปี่แล้วนั้นก็วางแผนให้เล่าปี่ยึดเมืองเกงจิ๋ว แต่หากไม่สำเร็จขงเบ้งจึงมีแผนสำรองที่เคยแนะนำให้เล่ากี๋ไปครองเมืองกังแฺฮซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ไกล้ชายแดนเมืองกังตั๋ง เพราะว่าขงเบ้งรู้ว่าโจโฉนั้นต้องยกทัพตามตีเล่าปี่จนถึงที่สุด ขงเบ้งจึงต้องการล่อโจโฉยกทัพเข้าถึงเขตกังตั๋ง หากเป็นเช่นนั้นแล้วซุนกวนเองก็คงนั่งไม่ติดเป็นแน่แท้ จากนั้นขงเบ้งจะดึงซุนกวนเข้ามาเป็นพันธมิตรกับเล่าปี่ สู้รบกับโจโฉ

ซุนฮิวที่ปรึกษาคนสำคัญของโจโฉได้เสนอให้โจโฉรีบเขียนหนังสือเชิญชวนซุนกวนมาล่าสัตว์ทำข้อตกลงจะไม่รุกรานกันและร่วมมือกำจัดเล่าปี่เสีย จากนั้นก็สาบานกันเป็นพี่น้องแบ่งแผ่นดินกันอยู่ โจโฉได้ยินเช่นนั้นก็เห็นด้วยจึงรีบแต่งหนังสือไปให้แก่ซุนกวน


จากนั้นซุนฮิวก็เสนอให้โจโฉสร้างข่าวลือถึงความเกรงขามของกองทัพอันมหาศาลของโจโฉเพื่อที่จะข่มซุนกวนให้ซุนกวนนั้นยำเกรง

โจโฉและเล่าปี่ ต่างก็พากันกลัวว่าซุนกวนจะเข้าร่วมด้วยกับอีกฝั่งจึงต่างก็วางแผนชิงไหวชิงพริบกัน ดึงซุนกวนให้เป็นพันธมิตรของตนเอง


ครั้นซุนกวนได้ทราบข่าวว่าบัดนี้โจโฉกรีฑาทัพหลวงและสามารถยึดเมืองซงหยง เมืองเกงจิ๋ว เมืองกังเหลง จากนั้นคงต้องยกทัพมายึดเมืองกังตั๋งเป็นแน่แท้ จึงเรียกที่ปรึกษามาหารือวางแผนยกใหญ่กับสถานการเช่นนี้

ขงเบ้งเองก็รู้ว่าซุนกวนคงนั่งไม่ติดและอีกไม่นานสงครามการฑูตก็จะเกิดขึ้น...

Tuesday, November 20, 2012

#174 เตียวหุย ณ.สะพานเตียงปัน



หลังจากที่จูล่งหนีข้ามสะพานเตียงปันเข้าค่ายไปหาเล่าปี่แล้ว บุนเพ่งผู้ซึ่งเคยเป็นทหารของเล่าเปียว บัดนี้เข้าด้วยโจโฉยกทหารมาถึงสะพานเตียงปัน  เห็นแต่เตียวหุยยืนม้าเป็นสง่าอยู่ที่เชิงสะพานอีกฟากหนึ่งแต่ผู้เดียว แต่ในป่าด้านข้างนั้นเห็นฝุ่นคลีฟุ้งตลบเป็นบริเวณกว้าง เนื่องจากเตียวหุยได้วางอุบายสั่งให้ทหารนำกิ่งไม้ใส่หางม้าแล้ววิ่งสลับซ้ายขวาให้เกิดฝุ่น เสมือนว่ามีทหารเยอะ



 บุนเพ่งไม่กล้ายกทหารรุกไปข้างหน้า เกิดความลังเลคิดจะกลับไปรายงานให้กองทัพหลวงทราบ ครู่หนึ่งโจหยิน ลิเตียน แฮหัวเอี๋ยน งักจิ้น เตียวเลี้ยว เตียวคับ และเคาทู ยกทหารตามมาทัน บุนเพ่งจึงชักม้าเข้าไปปรึกษากับนายทหารเอกทั้งเจ็ดว่าจะดำเนินการประการใด


บรรดานายทหารใหญ่ของกองทัพโจโฉที่มาใหม่ทั้งเจ็ดนายฟังคำบุนเพ่งแล้วหันไปมองที่ป่าด้านข้างเห็นฝุ่นคลีคลุ้งตลบก็เกรงว่าจะเป็นอุบายของขงเบ้ง จึงสั่งม้าเร็วให้ไปรายงานโจโฉ โจโฉฟังรายงานแล้วจึงมาด้วยตัวเอง โจโฉมาพบหน้ากับเตียวหุย เตียวหุยมองหน้าโจโฉและเหล่าทหารเอกของโจโฉและตวาดขึ้นมาว่า


เตียวหุย : "ตัวกูชื่อเตียวหุย ผู้ใดซึ่งมีฝีมือเข้มแข็งจงมาสู้กันให้รู้ดำรู้แดง"


โจโฉได้ยินชื่อเตียวหุยก็ตกใจหวนคิดถึงคำพูดของกวนอู กวนอูเคยสังหารงันเหลียง บุนทิว 2 ทหารเอกผู้เก่งกาจของอ้วนเสี้ยวได้ในพริบตา โจโฉเคยชมเชยกวนอูมาแล้ว แต่กวนอูเคยบอกว่า "ฝีมือข้านั้นเพียงประมาณ น้องเล็กแห่งคำสาบานของสวนท้อที่ชื่อเตียวหุยมีฝีมือล้ำเลิศกว่าใครในแผ่นดิน เตียวหุยสามารถสังหารผู้คนเก่งๆเสมือนหนึ่งหยิบส้มออกจากลังเท่านั้น" ซึ่งเป็นอุบายที่กวนอูเคยขู่กับโจโฉไว้

บัดนี้โจโฉได้มาพบกับเตียวหุยก็ได้สั่งให้ทหารทุกคนห้ามเข้าไกล้เตียวหุยเป็นอันขาด  เสียงตวาดของเตียวหุยดังสนั่นประดุจฟ้าถล่มทำให้ทหารผู้นึงของโจโฉถึงกับหน้าซีดตับแตกตายในที่สุด

โจโฉเองเป็นคนขี้ระแวงสงสัยอีกทั้งยังเคยได้ยินชื่อเสียงของขงเบ้งจึงมิกล้าบุกเข้าไปจึงสั่งให้ทหารถอยทัพโดยเร็วเกรงว่าหากอยู่นานอาจจะเสียท่า

เตียวหุยเห็นโจโฉถอยทัพกลับไปจึงสั่งให้ทหารรื้อสะพานแล้วรีบหนีไปหาเล่าปี่แล้วเล่าความให้เล่าปี่ฟังทุกประการ เล่าปี่ได้ฟังเช่นนั้นก็ชมเชยเตียวหุยที่ฉลาดสามารถคิดอุบายหลอกโจโฉได้ แต่สติปัญญาคิดอ่านการสงครามไม่ตลอด เล่าปี่จึงบอกกับเตียวหุยว่า


เล่าปี่ : "ถ้าหากเจ้าไม่รื้อสะพานออกโจโฉก็จะต้องกลอุบายต่อไป"

ฝ่ายเตียวเลี้ยว เตียวคับ และเคาทู เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ที่เชิงสะพานเตียงปัน เห็นเตียวหุยหลบเข้าไปในป่าจึงรีบไปรายงานโจโฉ เมื่อโจโฉรู้ความก็หัวเราะ แล้วว่า "เราหลงกลไอ้เตียวหุยเข้าแล้ว" โจโฉจึงสั่งให้ทหารพักผ่อนพรุ่งนี้ค่อยตามตีทัพเล่าปี่อีกครั้ง