ซุนได้ถูกเกาฑัณฑ์ยิงที่ขา จึงรีบถอยทัพกลับค่าย จากนั้นก็ทำอุบายว่าตนได้ตายแล้วและสั่งให้สั่งหารแอบซุ่มโจมตีทำท่าทีว่าจะถอยทัพกลับเมือง
ทหารของเล่าอิ้วรู้ข่าวจึงลอบเข้ามาตีแผนโดนซ้อนกลทำให้ทหารเล่าอิ้วบาดเจ็บล้มตายเป็นอันมาก
จิวยี่เสนอแผนจัดทหารเป็นสามกองเข้าตีเมือง เอาเชือกขึงไว้ดักมาของไทสูจู้ก็จะสามารถจับตัวไทสูจู้ไว้ได้โดยง่าย ซุนเซ็กก็เห็นด้วยกับแผนของจิวยี่
พอทหารบุกเข้าตีเมืองไทสูจู้จึงขี่ม้าหนีมา ไปสะดุดกับเชือกที่ขึงไว้ ทหารของซุนเซ็กจึงจับตัวไทสูจู้ไว้ได้แล้วนำตัวไปมอบกับซุนเซ็ก หลังจากพาตัวไปหาบซุนเซ็ก ซุนเซ็กจึงรีบวิ่งเข้ามาแก้มัดไทสูจู้แล้วจูงมือมานั่งคุยกัน สารภาพว่าต้องการอยากจะได้ไทสูจู้มาไว้ทำราชการด้วย ไทสูจู้เองก็มีใจรักซุนเซ็กตั้งแต่แรกพบแล้วเช่นกันจึงรับปากว่าจะมาทำราชการอยู่ด้วยแล้วขออาสาซุนเซ็กไปเกลี้ยกล่อมทหารมาไว้เป็นพวกเที่ยงตรงวันพรุ่งนี้จะกลับมา ซุนเซ็กก็อนุญาต แต่เหล่าแม่ทัพนายกองต่างก็ตักเตือนซุนเซ็กว่าไม่ควรปล่อยไทสูจู้ไป แต่ซุนเซ็กจึงบอกกับแม่ทัพนายกองทั้งหลายว่าตนนั้นเชื่อในไทสูจู้
เช้าวันต่อมาซุนเซ็กจึงออกมารอไทสูจู้แล้วก็ปักทวนไว้กลางแจ้งเพื่อดูเวลาพระอาทิตย์ พอถึงเวลาเที่ยงไทสูจู้ก็กลับมาตามคำที่บอกไว้ พร้อมทั้งทหารอีกเป็นกองทัพ ซุนเซ็กและนายกองต่างก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง
วิเคราะห์
บัดนี้กองทัพของซุนเซ็กนั้นเติมโตขึ้นเป็นอย่างมาก มีทหารมากกว่าตอนที่ยืมทหารของอ้วนสุดเป็นสิบๆเท่า เพราะการกล้าตัดสินในออกมาทำการ หากยังเป็นลูกน้องของอ้วนสุดก็คงไม่สามารถที่จะเป็นใหญ่ขึ้นมาได้ และยังได้ขุนพลและที่ปรึกษาแก่ๆอีกหลายคนไม่ว่าจะเป็น จิวยี่ เตียวเจียว เตียวเหียน ตันบู เจียวขิม จิวท่าย ไทสูจู้
การตัดสินใจของผู้นำอย่างซุนเซ็กนั้นกล้าได้กล้าเสียจึงสามารถตั้งตัวเป็นใหญ่ได้ในอนาคต
ความเป็นผู้นำอีกข้อหนึ่งของซุนเซ็กคือ การไว้ใจ ที่ไว้ใจและเชื่อใจไทสูจู้จึงปล่อยตัวใจสูจู้ไป แม่ทัพนายกองทั้งหลายต่างก็กลัวไทสูจู้กลับมาสู้รบต่อแต่ซุนเซ็กนั้นกล้าได้กล้าเสีย กล้าปล่อยไป จึงมีผลอย่างที่เห็น ในมุมกลับกัน ไทสูจู้ในสถานการแบบนี้หากกลับไปหาเล่าอิ้วก็คงไม่ได้รับความสนใจและถ้าเลือกที่จะอยู่กับซุนเซ็กก็คงมีอนาคตมากกว่า