โจโฉได้จัดแจงเตรียมย้ายเมืองหลวงไปยังเมืองฮูโต๋ ระหว่างทางเจอกองทัพ เอียวฮองและหันเซียมมาสกัดขบวนไว้ โจโฉจึงด่าไปว่าผู้มาสกัดขวางจะเป็นกบฏต่อแผ่นดินหรือ ทางด้านซิหลงทหารของเอียวฮองไม่ฟังคำพุ่งเข้ามายังโจโฉ เคาทูเห็นจึงออกมาสกัด
เคาทูและซิหลงต่อสู้กันอย่างสามารถ สูสีกันมิรู้แพ้รู้ชนะ โจโฉจึงตีระคังให้เคาทูถอยกลับและปรึกษากับเหล่าทหารว่า เอียวฮองและหันเซียมเป็นกบฏต่อแผ่นดิน จำจะจับฆ่าเสียให้ได้ แต่ซิหลงนั้นมีฝีมือกล้าแข็ง โจโฉใคร่อยากได้ตัวคนเก่งคนมีคามสามารถมาไว้กับตัว
หมันทองซึ่งขุนนางเมืองลกเอี๋ยงขออาสาไปเกลี้ยกล่อมซิหลง เพราะเคยอยู่หมู่บ้านเดียวกันและสนิทกันตั้งแต่เด็ก หมันทองจึงเดินทางไปหาซิหลง หมันทองจึงอธิบายถึงคุณสมบัติความเป็นผู้นำของโจโฉให้ซิหลงฟัง อีกทั้งโจโฉยังรักใคร่คนดีมีฝีมือแถมยังมีขุนพลเก่งๆรอบตัว โจโฉเป็นทหารของฮ่องเต้ หากซิหลงเข้าไปอยู่ด้วยโจโฉแล้วน่าจะดีกว่าเอียวฮองที่ไม่มีสติปัญญา ดังนั้นจงให้ซิหลงตัดหัวเอียวฮองแล้วเข้าไปอยู่ด้วยโจโฉซะ
ซิหลงฟังก็เห็นด้วยแต่จะให้ตัดหัวเอียวฮองหัวหน้าเก่านั้นมิควร หมันทองฟังแล้วก็สรรเสริญซิหลงยิ่งนัก จากนั้นซิหลงจึงไปเรียกทหารคนสนิทเพื่อจะเข้าด้วยโจโฉ
เอียวฮองเมื่อรู้ว่าซิหลงไปอยู่ด้วยโจโฉก็โกรธ จึงยกทหารไล่ตีซิหลงแต่ก็ไปเจอทหารของโจโฉดักอยู่จึงสู้รบกัน หันเซียมก็ตามเอียวฮองไปช่วยรบกับโจโฉ ทหารเอียวฮองและหันเซียมล้มตายเป็นจำนวนบ้าง บ้างก็ยอมแพ้ขอเข้าร่วใด้วยโจโฉ เอียวฮองและซิหลันเหลือทหารน้อยแล้วจึงหนีไปอาศัยอยู่กับอ้วนสุดที่เมืองลำหยง
นับแต่นั้นมาซิหลงก็เป็นทหารในสังกัดของโจโฉ กองกำลังโจโฉยิ่งเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากโจโฉนำขบวนเสด็จมาถึงเมืองฮูโต๋ก็จัดแจงสถานที่ต่างๆ พระราชตำหนักท้องพระโรง จากนั้นพระเจ้าเหี้ยนเต้มีราชโองการให้สถาปนาเมืองฮูโต๋เป็นราชธานีจากนั้นเป็นต้นมา
พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็แต่งตั้งโจโฉเป็นอัครมหาเสบาบดี ดังนั้นโจโฉจึงมีอำนาจสิทธิขาดทางการทหารทั้งหมด ถ้าผู้ใดจะว่าข้อราชการสิ่งใด ๆ ก็เอามาแจ้งแก่โจโฉก่อน จึงกราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ได้