พระเจ้าเหี้ยนเต้ได้รับสั่งเรียกกองทัพโจโฉเข้าเมืองหลวง เมื่อโจโฉได้รับสารจึงเรียกเหล่าทหารและที่ปรึกษาเข้ามาประชุม ทั้งๆที่โจโฉเองก็รู้ว่าเป็นโอกาสดีแต่ต้องการให้ผู้ใต้บังคับบัญชานั้นได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
ซุนฮกให้ความเห็นว่านี่เป็นโอกาสที่ฟ้าประทานมาอยากให้โจโฉรีบยกทหารไปช่วยโดยเร็วก่อนที่จะตกไปอยู่แก่หัวเมืองอื่น บรรดาแม่ทัพและที่ปรึกษาทุกคนต่างก็เห็นด้วยกับความคิดของซุนฮก จัดเตรียมทหารรีบเร่งเดินทางทั้งกลางวันและกลางคืน
หลังจากนั้นไม่นานกองทัพหน้าของโจโฉก็ได้ยกทัพมาถึงด้านตะวันออกของเมืองลกเอี๋ยง พระเจ้าเหี้ยนเต้ยินดีสั่งเรียกแม่ทัพเข้าเฝ้า โดยนำทัพด้วยแฮหัวตุ้น เคาทูและเตียนอุย คุมทหารม้า 50,000 เป็นกองหน้ารีบยกมาถวายอารักขาพระเจ้าเหี้ยนเต้ก่อน เดี๋ยวโจโฉจะเตรียมกองทัพใหญ่ยกมาสมทบภายหลัง
จากนั้นไม่นานกองทัพกองที่สองของโจโฉก็มาถึงนำโดย โจหอง ลิเตียน และงักจิ้น พระเจ้าเหี้ยนเต้จึงคลายใจแล้วกล่าวว่า "โจโฉมีสติปัญญารอบคอบมาก มีความจงรักภักดี เห็นแก่ราชการเป็นการด่วน สมควรจะได้ช่วยทำนุบำรุงแผ่นดิน"
กองทัพลิฉุยกุยกีได้ยกมาถึง แฮหัวตุ้นและโจหอง ได้ยกทัพไปตีจนกองทัพของลิฉุยกุยกีแตกพ่าย รุ่งเช้าวันต่อมาโจโฉได้ยกทัพมาถึงและได้เข้าเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ แต่ตั้งโจโฉเป็นผู้บัญชากองกำลังรักษาพระนคร มีอำนาจบังคับบัญชาฝ่ายทหารทั้งหมด
ฝ่ายลิฉุยกุยกีปรึกษากันว่าต้องรีบนำทัพไปจัดการโจโฉอย่างเร่งด่วนแต่กาเซี่ยงได้แย้งเพราะโจโฉนั้นมีทหารเอก ทหารรองและมีทหารอันมากมายยากที่จะต่อกรจึงเสนอให้ยอมแพ้ดีกว่า ลิฉุยกุยกีได้ยินก็โกรธคิดว่ากาเซี่ยงมีใจออกห่างจึงชักกระบี่จะฆ่ากาเซี่ยง แต่หทารนายกองได้ร้องขอชีวิตให้กาเซี่ยง กาเซี่ยงน้อยใจจึงหนีกลับภูมิลำเนาเดิม
วิเคราัห์
กาเซี่ยงนั้นได้ออกอุบายช่วยให้ลิฉุยกุยกีได้ครองอำนาจรัฐแต่ช่วงหลังลิฉุยกุยกีไม่ได้เชื่อฟังกาเซี่ยงแถมยังจะฆ่ากาเซี่ยงเสียอีก กาเซี่ยงนั้นเป็นคนฉลาดแต่ดันไปคบนายผิดทำให้ตัวเองแทบจะเอาชีวิตไม่รอด
พระเจ้าเหี้ยนเต้ได้รับสั่งให้โจโฉเข้ามาในวังหลวงถวายอารักขาเพราะความได้เปรียบกว่าทุกก๊กอยู่ 2 ข้อหลักๆคือ
1.โจโฉเคยเป็นขุนนางเก่าในราชสำนักและค่อนข้างจะเป็นคนดังในยุึคนั้น
2.โจโฉมีกองกำลังที่พร้อมกว่าก๊กอื่นๆ มีทั้งฝ่ายบุ๋นฝ่ายบู้ครบครัน