ครั้งไทสูจู้ทหารของเล่าอิ้วได้มาพบกับซุนเซ็กและยังพูดว่าจะมาจับซุนเซ็ก ซุนเซ็กได้ยินจึงหัวเราะ ทั้งสองจึงพุ่งเข้าหากันสู้รบกันอย่างดูเดือดบนหลังม้า สู้กันจนตกม้าทั้งคู่ อาวุธหลุดจากมือจนได้ใช้มือสู้กัน สู้กันได้อย่างสูสีจนมืดค่ำฝนตก ทั้งสองจึงแยกย้ายกันกลับค่าย
ซุนเซ็กกลับค่ายก็รู้สึกดีใจและประทับใจในฝีมือของไทสูจู้ใคร่อยากได้ตัวมาไว้เป็นพวก เช้าวันต่อมาซุนเซ็กและไทสูจู้ก็ได้ออกมารบกันอีก ซุนเซ็กสั่งให้เทียเภารบด้วยไทสู้จู้ ทั้งสองได้รบกันอย่างสูสี จิ่วยี่แอบลอบเข้าไปตีหลังเมืองได้พบกับ ตันบู ตันบูกล่าวว่าได้ยินกิตติศัพท์ว่าซุนเซ็กมีสติปัญญาและรักทหาร จึงพาพรรคพวกจะมาทำการด้วยซุนเซ็ก และได้เปิดประตูรับจิวยี่เข้าเมือง
จิวยี่ได้ยินเช่นนั้นก็ยินดีและยกทหารเข้าไปในเมืองขยกโอ๋ เล่าอิ้วเมื่อรู้จะสั่งให้ไทสูจู้ถอยทัพ จิวยี่ได้พาตัวตันบูเข้ามาคาราวะซุนเซ็ก ซุนเซ็กดีใจเป็นอันมาก
เตียวเจียวได้เสนอให้ซุนเซ็กไล่ตามตีกองทัพของเล่าอิ้ว ซุนเซ็กจึงสั่งตันบูและทหารไล่ตามตีทัพของเล่าอิ้วจนแตกกระเจิง ในขณะที่ซุนเซ็กไล่ตามอยู่นั้นก็เกาทัณฑ์ยิงที่ขาจนตกจากหลังม้า ทหารต่างก็รีบพาซุนเซ็กกลับค่าย
วิเคราัะห์
คนอย่างเล่าอิ้วนั้นมีทหารที่เก่งกล้าสามารถอย่างไทสูจู้ แต่ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญเลย อีกทั้งเหล่าทหารต่างก็พากันดูถูกว่าไทสูจู้ยังเด็ก ซึ่งจากคนอย่างซุนเซ็กที่มองเห็นทะลุปรุโปร่งว่าไทสูจู้นั้นด้วยรูปร่างและความสามารถ มีแววที่จะเป็นทหารเอกได้เลยซุนเซ็กจึงต้องการไทสูจู้มาไว้เป็นพวก เมื่อเปรียบเทียบวิสัยทัศน์ระหว่างเล่าอิ้วและซุนเซ็กแล้ว ซุนเซ็กกินขาดไปเลย
ดังนั้นผู้นำควรที่จะดูคนอย่างลึกซึ้ง อย่าดูแต่พายนอกมิฉะนั้นอาจจะเสียคนดีๆไป