ด้วยความโชคดีของเล่าปี่ เล่าเพ็กได้ส่งสารมายังเล่าปี่ให้ไปครองเมืองยีหลำ เล่าปี่จึงได้ครองเมืองยีหลำตั้งแต่นั้นมา
ฝ่ายอ้วนเสี้ยวทราบข่าวว่าเล่าปี่บิดพลิ้วไม่ไปเกลี้ยกล่อมเล่าเปียว จึงเรียกที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองมาปรึกษาว่าจะยกกองทัพไปจับตัวเล่าปี่ แต่กัวเต๋าได้ทัดทานว่าศัตรูที่แท้จริงของท่านคือโจโฉไม่ใช่เล่าปี่ กัวเต๋ามองว่ายังไงเสียเล่าปี่ก็ยังเป็นพันธมิตรอยู่ กัวเต๋าจึงเสนอให้ไปเกลี้ยกล่อมซุนเซ็กมาไว้เป็นพันธมิตร อ้วนเสี้ยวได้ยินดังนั้นจึงเ้ห็นด้วย
ซุนเซ็กบุตรของเสือขาวซุนเกี๋ยนสืบสายเลือดกล้าหาญวู่วามจากบิดา จึงได้สมญาว่าพยัคฆ์น้อยแห่งลุ่มน้ำแยงซีได้ครองอำนาจเหนือดินแดนกังตั๋ง อันเป็นดินแดนที่ได้ชื่อว่าง่อก๊ก แม้จะยังไม่สามารถยึดครองหัวเมืองต่าง ๆ ได้หมดสิ้น แต่ก็ต้องนับว่าซุนเซ็กได้แผ่อำนาจอิทธิพลเหนือฝั่งใต้ของแม่น้ำแยงซีอย่างกว้างขวาง จะเป็นรองก็แต่โจโฉ
วันหนึ่งซุนเซ็กไปล่าสัตว์ในป่าโดนลอบทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส เทียเภารู้ข่าวจึงรีบขวบมาไปช่วย ในหนังสือกล่าวว่า "คนหนึ่งเอาทวนแทงถูกเท้าซ้ายซุนเซ็ก คนหนึ่งเอาเกาทัณฑ์ยิงถูกหน้าผากซุนเซ็ก"
ผ่านไปไม่นานซุนเซ็กก็เริ่มหายดีเหลือแต่แผลของเกาทัณฑ์ที่อาบยาพิษ หมอที่รักษาซุนเซ็กได้บอกแก่ซุนเซ็กว่า มิให้เกิดอารมณ์โทสะแต่อย่างใดมิฉะนั้น พิษจะกำเริบอาจจะทำให้ถึงแก่ความตายได้
อ้วนเสี้ยวได้ส่งจดหมายมาให้ซุนเซ็กเพื่อเป็นพันธมิตร ซุนเซ็กเห็นด้วยและต้องการที่จะกำจัดโจโฉด้วยเช่นกัน นัดแนะกับอ้วนเสี้ยวว่าจะยกทัพตีกระหนาบเหนือใต้พร้อมกัน
วันต่อมาซุนเซ็กได้พบกับนักพรตในลัทธิเต๋าหรือเต้าหยินคนหนึ่งชื่อ อิเกียดซึ่งเป็นที่นับถือของชาวเมืองกังตั๋งว่าเป็นผู้วิเศษได้เดินทางเข้ามาในเมืองขณะนี้อยู่ข้างล่างหอรบ คนทั้งปวงทราบข่าวจึงพากันไปกราบอิเกียด