เมื่อกวนอูได้ข่าวเล่าปี่ กวนอูจึงรีบเดินทางมาลาโจโฉ แต่ผู้เฝ้าประตูตวนโจโฉได้บอกว่า "ท่านมหาอุปราชไม่สบาย อย่าให้ผู้ใดเข้ามาปรึกษาราชการ" กวนอูจึงลากลับไป กวนอูเดินทางไปหาโจโฉหลายเวลาก็ไม่ได้จบกับโจโฉ กวนอูก็รู้ว่านี่เป็นกลวิธีหน่วงเหนี่ยวของโจโฉเพื่อไม่เปิดโอกาสให้กวนอูได้ร่ำลานั่นเอง
กวนอูใช้ความพยายามหลายครั้งหลายหนเพื่อจะบอกลาโจโฉกลับไปหา เล่าปี่ให้ถูกต้องตามอย่างธรรมเนียม แต่ก็ไม่พบโจโฉ กวนอูจึงไปหาเตียวเลี้ยวแทน เตียวเลี้ยวรู้ว่ากวนอูจะมาก็แกล้งป่วย กวนอูมิรู้ทำยังไงจึงเขียนจดหมายถึงโจโฉความว่า
"ข้าพเจ้ากวนอูขอแจ้งเนื้อความไว้แก่มหาอุปราช ด้วยข้าพเจ้ากับเล่าปี่นั้นได้สาบานไว้ต่อกันว่าจะร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน ถ้าผู้ใดตายก็จะตายด้วยกัน คนทั้งปวงก็รู้อยู่สิ้น แลเมื่อท่านยกกองทัพไปรบเมืองแห้ฝือนั้น ข้าพเจ้าก็ได้สัญญาไว้แก่ท่าน ท่านก็ได้รับปฏิญาณ ข้าพเจ้าจึงมาอยู่ด้วยท่าน บัดนี้ข้าพเจ้ารู้ข่าวเล่าปี่แล้ว ข้าพเจ้าจะลาท่านไปหาเล่าปี่ตามคำที่ได้สัญญาไว้ ซึ่งท่านได้มีคุณทำนุบำรุงข้าพเจ้าไว้นั้น ข้าพเจ้าก็คิดถึงคุณอยู่ แต่จะกลบลบคุณเล่าปี่เสียนั้นไม่ได้ ถ้าสืบไปชีวิตข้าพเจ้ายังไม่ตายก็จะขอสนองคุณท่านอีก"
จากนั้นกวนอูก็พาพี่สะใภ้ทั้ง 2 ออกเดินทาง โจโฉรู้ว่ากวนอูกำลังจะไปก็เศร้าใจยิ่งนัก ทหารที่อยู่แถวนั้นเห็นโจโฉเศร้าใจจึงขออาสาไปจับตัวกวนอูกลับมา โจโฉได้ยินดังนั้นก็ด่าว่านายทหารให้หยุดพูดและโจโฉก็พูดออกมาว่า "ซึ่งกวนอูไปทั้งนี้เพราะมีใจกตัญญูต่อเล่าปี่ เราเองก็ได้รับปากกวนอูไว้แล้ว และกวนอูก็เขียนหนังสือลาเรา ท่านทั้งปวงขอให้ได้ดูกวนอูเป็นตัวอย่าง"
เทียหยกจึงติงโจโฉว่า หากกวนอูไปหาเล่าปี่ร่วมกับอ้วนเสี้ยวแล้วเราจะแย่ขอให้ท่านได้ไตร่ตรอง โจโฉจึงพูดถึบเทียหยกว่า "เราได้รับสัญญาเขาไว้แล้วกวนอูนั้นมีความซื่อสัตย์ เห็นว่ากวนอูนั้นจะไม่ทำร้ายเรา"
โจโฉจึงหันไปบอกกับเตียวเลี้ยวว่า "เราได้มอบทุกอย่างแก่กวนอู แต่กวนอูนั้นมีใจซื่อสัตย์ยิ่งนัก " จากนั้นโจโฉจึงสั่งให้เตียวเลี้ยวนำเงินทองพร้อมทั้งไปส่งกวนอู เตียสเลี้ยวก็รับคำ
เตียวเลี้ยวได้เดินทางมาพบกวนอู กวนอูเห็นจึงถามเตียวเลี้ยวว่า "ท่านตามเรามาทั้งนี้คิดจะจับเรากลับไป" เตียวเลี้ยวจึงตอบว่า "ท่านอัครมหาเสนาบดีทราบว่าท่านกำลังจะกลับไปหาเล่าปี่เห็นเป็นทางไกลและกันดารก็มีความเป็นห่วง จึงให้ข้ามาบอกให้เจ้ารอก่อนท่านอัครมหาเสนาบดีจะติดตามมาเพื่อส่งลาท่าน"
ไม่ทันนานโจโฉก็เดินทัพมาถึงกวนอู กวนอูขี่ม้าเซ็กเธาว์อยู่ จึงน้อมตัวบนหลังม้าเป็นทีคำนับแล้วว่า "เดิมข้าพเจ้าได้สัญญาไว้ต่อท่าน ท่านก็รับปฏิญาณไว้ ครั้นข้าพเจ้ารู้ข่าวเล่าปี่แล้วเข้าไปจะลาท่านถึงสองครั้ง สามครั้งก็ไม่ถึงท่าน ข้าพเจ้าก็วิตกอยู่ถึงเล่าปี่ จึงเขียนหนังสือคำนับลาท่านให้ไว้กับนายประตู แลสิ่งของซึ่งท่านให้ข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้ามอบให้แก่หญิงคนใช้ไว้สิ้น ข้าพเจ้าจึงรีบมาหวังจะไปหาเล่าปี่ มหาอุปราชจงคิดถึงคำซึ่งรับสัญญาไว้นั้น จงเมตตาให้ข้าพเจ้าไปเถิด"
โจโฉ : "เราทำการทุกวันนี้ก็ตั้งใจปรารถนาหาผู้รักษาสัตย์ ตัวท่านมีกตัญญูต่อเล่าปี่เราก็มีความยินดีด้วย ซึ่งเรารับสัญญาท่านไว้เราก็รักษาวาจาอยู่ มิให้คำนั้นเป็นสองได้ ท่านจะไปเราก็ไม่ห้าม แต่เกรงอยู่ว่าเป็นทางกันดาร กลัวจะขาดเสบียงอาหารเราจึงตามมาส่ง หวังจะให้ทรัพย์สินไว้เป็นเสบียง"
กวนอู : "เบี้ยหวัดอันได้รับพระราชทานนั้นนับเป็นอันเพียงพอต่อความชอบในหน้าที่แล้ว"
โจโฉ : "ท่านเป็นทหารมีฝีมือเข้มแข็ง แล้วก็มีความสัตย์แลกตัญญูหาผู้เสมอมิได้ แต่เราเป็นคนบุญน้อยจึงมิได้ท่านไว้สมความปรารถนา ซึ่งทองนี้ท่านมิรับแล้วก็ตามเถิด จงรับเอาเสื้อนี้แต่พออย่าให้เสียทีซึ่งตามมาส่งท่าน"
จากนั้นโจโฉจึงสั่งทหารให้เอาผ้าแพรอย่างดีไปมอบให้กวนอู นัยว่าขอให้กวนอูถือว่าเสื้อนี้เป็นที่ระลึก กวนอูจึงไม่อาจปฏิเสธคำขอร้องของโจโฉประการนี้ได้
กวนอูจึงน้อมตัวลงแล้วยื่นง้าวไปรับเอาเสื้อที่ระลึกของโจโฉมาสวมไว้กับตัว แล้วว่า "คุณของมหาอุปราชก็มีอยู่แก่ข้าพเจ้าเป็นอันมาก แล้วยังเอาเสื้อมาให้อีกเล่า แม้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ก็จะแทนคุณมหาอุปราช"
ในขณะนั้นเคาทูได้กล่าวกับโจโฉว่า การที่กวนอูไม่ยอมลงจากหลังม้ามารับเสื้อที่ระลึกแต่กลับใช้ง้าวมารับเอาเสื้อไปนั้นเป็นกิริยาอาการที่ดูหมิ่นท่านอัครมหาเสนาบดียิ่งนัก เหตุไฉนท่านจึงไม่เอาโทษต่อคนที่ดูหมิ่นซึ่งหน้าต่อท่านดังนี้
โจโฉ "ซึ่งจะถือโทษกวนอูไม่ได้เพราะเขาตัวผู้เดียว เราพวกมากกว่าเขาจึงไม่ไว้ใจ เราได้ออกปากให้เขาไปแล้วอย่าเอาโทษเขาเลย"
เหตุการที่กวนอูได้มาอยู่กับโจโฉนั้นเป็นที่เล่าขานความซื่อสัตย์ของกวนอู จนกวนอูได้เป็น "เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์"