Monday, March 7, 2011

#4 คำสาบานแห่งสวนท้อ

เมื่อหัวเมืองตางๆ ไดรับตราพระบรมราชโองการของพระเจาเลนเตทวา"ถาผู้ใดมีฝมือกลาหาญ ใหชวยกันจับโจรโพกผาเหลอง
ไดแลวจะปนบําเหน็จใหเปนขุนนาง"

เมืองตุนกวนเปนเมืองหนึ่งที่ไดออกประกาศรับสมัครผู้มีฝมือกลาหาญตามพระบรมราชโองการนั้น เมื่อประกาศรับอาสาสมัคร ติดตามที่สาธารณะทั่วไปแลว ชาวเมืองก็พากันไปหอมลอมมุงดูประกาศนั้นทั่วทุก แหงใน จํานวนนั้นมีชายผู้หนึ่ง

"ลักษณะรูปใหญสมบูรณ สูงประมาณหาศอกเศษ หูยานถึงบา มือยาวถึงเขา หนาขาวดังสีหยก สีปากแดงดังชาดแตม จักษุชําเลืองไปเห็นหู" ไดยืนในฝูงจีนมงุ ดูประกาศดังกลาวดวย ดูไปแลวก็ ถอนใจใหญ


บุรุษนี้นาม "เลาป" เปนเชื้อพระวงศพระเจาฮั่น เกงเต ซึ่งเปน กษัตริย ในวงศของพระเจาฮั่นโกโจ เลาปจึงนับเนื่องเปนเชื้อพระวงศ เมื่อเด็กมีสตืปญญาและน้ำใจงาม ความโกรธ ความยินดีมิไดปรากฏออกมาภายนอก มีความเอื้ออารี มีเพื่อนฝูงมาก จิตใจ กวางขวาง เลาปมีใจกตัญู เลี้ยงดูมารดามิใหอนาทร แตเปนคนเข็ญ ใจไรทรัพย ทอเสื่อขายเลี้ยงชีวต เมื่ออายุได 15 ปก็ไดสํานักเรียนวิชากับอาจารยมีชื่อในถิ่นนั้น ชื่อวา "เตเหยน" มีเพื่อนสนิทสองคน คนหนึ่งชื่อ "โลติด" ซึ่ง ตอมาพระเจาเลนเตโปรดใหเปนแมทัพปราบโจรโพกผาเหลืองดังที่ไดกลาวแลวในตอนก่อน สวนอีกคนหนึ่ง ชื่อวา "กองซุนจาน" ตอมาได้รับราชการเปนขุนนางและเปนเจาเมืองเล็กๆ อีกเมืองหนึ่ง เลาปในวัยเด็กไมคอย สนใจการศึกษาเลาเรียน เพราะมัวเอาแต่คบหาเพื่อนฝูง และประพฤติตนเปนหัวหนามาตั้งแตอายยังเด็ก ทําการสิ่งใดก็จะไดรับการยกยองจากเพื่อนฝูงใหเปนหัวหนา ตลอดมา

สิ้นเสียงถอนหายใจของเลาปก็มีเสียงชายคนหนึ่งดังมาจากขางหลังวา "เปนผูชายไมช่วยทำนุบํารุงแผ่นดินแลวยังมาทอดใจใหญ" เลาปหันหลังเหลียวไปดู เห็นผูนั้น "สูงประมาณห้าศอก ศีรษะ เหมือนเสือ จักษุกลม ใหญ คางพองโต เสียงดั่งฟารอง กิริยาดั่งมาควบ เห็นผิดประหลาด" จึงถามวาท่านนี้ชื่อใด ชายนั้นตอบวาเรา ชื่อ "เตียวหุย" บานอยูตุนกวน มีทรัพยสินเงินทอง ไรนาเปนอันมาก มีรานขายสุกรสรุาและอาหาร "เราพอใจคบเพื่อนฝูงซึ่งมีสติปญญา" เห็นทานดูประกาศรับอาสาสมัครแล้วทอดใจใหญ จึงทักเพื่อจะไดรูความในใจ


เลาปตอบวาเราเปนเชื้อพระวงศ พระเจาฮั่นเกงเต เห็นประกาศขาว โจรโพกผาเหลืองมาทําอันตรายแผนดินจึง คิดจะอาสาแผ่นดินไปปราบโจร แตขัดสนด้วยกําลังทรัพยนอย คิดการไม่ตลอด จึงทอดใจใหญ เตียวหุยจึงวา เรื่องเพียงเทานี้จะรอนใจไปไย เพราะใจเราเองนั้นก็ตองการอาสาชาติบานเมืองตรงกันวาแลวก็เชิญเล่าปไปนั่งดื่มสุราด้วยกัน ในขณะที่เลาป เตียวหุยนั่งดื่มสรุาด้วยกันนั้น ก็มีชายอีกคนหนึ่งขับเกวียนมาถึงหนารานสุรา เรงใหเจา ของรานรีบเอาสุรามาเสริฟ

บอกวากินแลวจะรีบไปอาสาแผนดิน เลาป เห็นชายผูนี้มีลักษณะดั่ง ดูดใจ
"สูงประมาณหกศอก หนวดยาวประมาณ ศอกเศษ หนาแดงดังผลพุทราสุก ปากแดงดั่งชาดแตม คิ้วดั่งตัวไหม จักษยาวดั่งนกการเวก" จึงเชิญชายผูนั้นรวมวงดื่มสุราด้วยแล้วถามวาทานนี้ชื่อใด ชายนั้นตอบวาเราชื่อ "กวนอู" บานอยูเมืองไกเหลียงที่หมูบานของ เรามีนายทุนทองถิ่นรายกาจข่มเหงคนทั้งปวงจึงฆาเสีย แลวหลบหนีทางการไปเที่ยวอยูหลายหัวเมือง บัดนี้ได ขาวบานเมืองรีบอาสาสมัครไปปราบโจร จึงหวังมาอาสาแผนดิน เลาปจึงแนะนําใหกวนอูรู้จักกับเตียวหุย แลว วาเรากับเตียวนั้นมีใจตรงกันลงกันวาจะรวมกันไปปราบโจรดังนั้นเมื่อทานกับเรามีน้ำใจตอบานเมืองตรงกันแี้ลวจงมารวมมือกันชวยชาติ เพื่อใหเกิดความสงบสุขสืบไป



หลังจากนั้นทั้ง 3 ก็ได้สาบานตกลงกันเป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน ซื่อสัตยตอกันไปจนวันตาย ที่สวนลูกท้อ ก็เลยกลายเป็น"คําสาบานแหงสวนทอ" โดยเชิญเพื่อนบานและชาย ฉกรรจจํานวนมากมารวมงานเลี้ยงในเย็นวันนั้น และไดเกลี้ยกลอมชาวบานซึ่งกลาหาญเพื่อรวมกันไปปราบโจรไดถึง 300 คน จัดเตรียมเครื่องศาสตราวุธพร้อม พอคามาทั้งก็มความยินดีจัดมา 50 ตัว กับเงิน 500 ตําลึง เหล็ก 100 หาบ มอบใหแกเลาป

เลาปมีความพรอมรบมากขึ้น คณะอาสาของเลาปเห็นวาเลาป กวนอู เตียวหย มีบุคลิก ลักษณะประหลาดกวาคนทั้งปวง สมควรจะมีอาวุธคูกายเปนพิเศษ เลาปเห็นชอบดวยจึงไดจัดใหชางเหล็กฝมือดีมาตีเปนกระบี่สองเลมสําหรับตัว

ส่วนของกวนอูนั้นใหชางเหล็กตีเปนงาวยาว 11 ศอก หนัก 82 ชั่ง

สวนของเตียวหยใหตีเป็นทวนยาว 10 ศอก หนัก 85 ชั่ง


เลาปไดเคลื่อนตัวเขาสูกระแสแหงอํานาจเปนครั้งแรกดวยประการฉะนี้