ซึ่งกำเหลงนั้นมีฝีมือเป็นอันมากเมื่อรบครั้งที่แล้วหากมิได้กำเหลงไว้หองจอก็คงไม่รอดเป็นแน่แท้ จากนั้นซุนกวนจึงให้ไปเชิญกำเหลงมาเข้าร่วมก๊ก กำเหลงเห็นซุนกวนดีต่อตนก็ยินดีเป็นอันมาก
กำเหลงจึงขออาสาไปทำศึกกับหองจอ ซุนกวนเห็นดีเห็นชอบด้วยและต้องการลองใจกำเหลงจึงให้กำเหลงไปโดยซุนกวนนั้นจะส่งลิบองให้ไปช่วยกำเหลงอีกแรง กำเหลงและลิบองได้ทำศึกตีเมืองกันแฮอย่างดุเดือด ซุนกวนเป็นทัพเสริมคอยช่วยเหลือ กำเหลงทำศึกกับเมืองกังแฮจนสามารถจับตัวหองจอมาได้และตัดหัวหองจอมาให้แก่ซุนกวน
ซุนกวเห็นกำเหลงนำหัวของหองจอมาได้ก็ยินดีที่ได้ล้างแค้นศัตรูที่ฆ่าซุนเกี๋ยนผู้เป็นบิดาได้แล้ว จากนั้นซุนกวนจึงเรียกที่ปรึกษาว่าเมืองยึดเมืองกังแฮได้แล้วควรจะทำเช่นไร
เตียวเจียวที่ปรึกษาให้ความเห็นว่าไม่ควรนำผู้คนมาอยู่เมืองกังแฮเนื่องจากว่าจะทำให้ทหารเมืองหลักเราเหลือน้อยอีกทั้งเมืองนี้ก็อยู่ไกล้กับเมืองเกงจิ๋วเกรงว่าเล่าเปียวรู้ข่าวจะยกทัพมายืด ซุนกวนเห็นด้วยจึงยกทัพกลับปล่อยให้เมืองกังแฮเป็นเมืองร้างไป
ซุนกวนเห็นดังนั้นจึงรีบเข้ามาห้ามไว้ ซุนกวนจึงเดินไปแจ้งกับเล่งทองว่า "ซึ่งท่านจะคิดแค้นพยาบาทกำเหลงนั้นหาควรไม่ เมื่อกำเหลงฆ่าบิดาเสียนั้นเพราะกำเหลงเป็นทหาร กินข้าวแดงของหองจอ จึงต้องทำเช่นนี้ บัดนี้กำเหลงก็ได้มาอยู่กับเราแล้ว ท่านจงเห็นแก่เรา อย่าคิดพยาบาทกำเหลงสืบไปเลย"
เล่งทองได้ยินซุนกวนถ่อมตัวเช่นนั้นความโกรธก็หายไป จากนั้นซุนกวนก็จัดการความขัดเย้งของลูกน้องโดยการสั่งให้กำเหลงเป็น spy สอดแนมแถวชายแดนและให้เล่งทองทำราชการอยู่ที่เมือง