Tuesday, October 8, 2013

#215 ซุนกวนพ่ายศึกหับป๋า อาลัยไทสูจู้



ในช่วงที่โจโฉกลับไปพื้นตัวที่เมืองหลวง และซุนกวนกำลังยกทัพไปตีเมืองหับป๋าที่เตียวเลี้ยวคุมอยู่ จิวยี่เองก็รักษาอาการพิษเกาทัณฑ์ ทำให้เล่าปี่ไม่ต้องพะวงอะไรอีกแล้ว จึงถือโอกาสบุกยึดหัวเมืองในแคว้นเกงจิ๋วได้สำเร็จ

เมื่อก่อนเล่าปี่เป็นคนแร่ร่อนไม่มีเมืองอยู่ ต้องอาศัยซุนกวนช่วยเหลือจากภัยของโจโฉ บัดนนี้เล่าปี่สามารถหายใจได้ด้วยตนเอง มีเมืองเกงจิ๋วซึ่งเป็นหัวเมืองใหญ่เป็นที่มั่น มีเสบียงพร้อม มีกำลังทหารเพิ่มขึ้น จากที่เคยเป็นรองในทุกๆก๊กบัดนี้เล่าปี่ได้ยกความยิ่งใหญ่เทียบเท่าก๊กซุนกวนได้แล้ว แต่ก็ยังคงมิอาจชนะโจโฉได้ ยังไงก็ตามก็ยังสามารถตั้งรับสู้กับโจโฉได้

สถานการณ์เล่าปี่ตอนนี้ก็คือ "ผู้ไม่แพ้ แต่ก็ยังไม่ชนะ" ยังคงต้องอาศัยก๊กซุนกวนมาช่วยเหลือ แต่ทางฝ่ายจิวยี่นั้นยังคอยหาโอกาสแย่งชิงเมืองเกงจิ๋วกลับคืน




ทางด้านซุนกวนนั้นยกทัพไปรบกับเตียวเลี้ยวยังมิรู้แพ้หรือชนะ จิวยี่เห็นว่าศึกติดพันมานานจึงส่งให้เทียเภาและโลซกยกทัพไปช่วยซุนกวน เตียวเลี้ยวซึ่งเป็นแม่ทัพยกทัพมาพร้อมกับ ลิเตียนและงักจิ้นมาเผชิญหน้ากับทัพของซุนกวน


ไทสูจู้จึงขออาสาออกไปรบกับเตียวเลี้ยว ไทสูจู้นั้นเป็นทหารที่มีฝีมือสามารถรบกับเตียวเลี้ยวได้อย่างสูสี อีกด้านกองทัพของลิเตียนและงักจิ้นก็เข้ารบกับเทียเภาและซุนกวน


ไทสูจู้ปะทะกับเตียวเลี้ยวอยู่นานแต่เห็นกองทัพของซุนกวนเสียทึจึงรีบไปช่วยซุนกวน หนีออกมาได้ ซุนกวนนั้นสุญเสียทหารเป็นอันมาก จึงเรียกแม่ทัพเข้ามาประชุม ทางด้านไทสูจู้นั้นบอกว่าบัดนี้มีคนเลี้ยงม้าของเตียวเลี้ยวโดนโบยเป็นอย่างหนักโดยไม่มีความผิด ซึ่งเพื่อนของคนเลี้ยงม้านั้นหนีออกมาได้จึงมาแจ้งแก่ไทสูจู้ ให้ยกทัพไปกำจัดเตียวเลี้ยวโดยมีพรรคพวกคนเลี้ยงม้าคอยเป็นไส้ศึก



ซุนกวนเห็นไม่มีทางใดแล้วจึงเห็นตรงกับความเห็นของไทสูจู้ จูกัดกิ๋นจึงทัดท้วงว่า อย่าประมาท เพราะเตียวเลี้ยวนั้นมีสติปัญญา แต่ไทสูจู้ได้ฟังก็ไม่พอใจจูกัดกิ๋นที่ดูถูกตน

ฝ่ายเตียวเลี้ยวเมื่อชนะศึกสงครามแต่ก็มิได้นิ่งนอนใจ พร้อมทั้งประกาศให้ทหารทุกคนฟังว่า

เตียวเลี้ยว : "อันธรรมดาการสงคราม ถ้าแพ้ก็อย่ามัวแต่เสียใจ แม้ได้ชัยชนะก็อย่าทะนงตน เวลาวันนี้เราได้ชัยชนะแก่ซุนกวนก่อน ครั้นประมาทซุนกวนมีใจเจ็บแค้นคิดเห็นว่าคงหาโอกาสโจมตีเรา"

จากนั้นเตียวเลี้ยวจึงตักเตือนทหารให้อยู่ในวินัยอย่าประมาท ทางด้านคนเลี้ยงมาดำเนินตามแผนสังหารเตียวเลี้ยวแต่ก็มิสำเร็จ จึงโดนเตียวเลี้ยวสังหาร ทางด้านไทสูจู้เห็นกองไฟเป็นสัญญาณคิดว่าเป็นแผนของคนเลี้ยงม้า จึงยกทัพเข้าไปแต่โดนทหารของเตียวเลี้ยวล้อม ระดมยิงเกาทัณฑ์ จำนวนมากใส่ ไทสูจู้พยายามปัด แต่เกาทัณฑ์นั้นพุ่งเข้ามามาก ทำให้ไทสูจู้โดนเกาทัณฑ์ยิงเข้าไปหลายดอก



ไทสูจู้ตีแหวกวงล้อมออกมา แต่ลินเตียนงักจิ้นก็ไล่ตามตีไม่หยุด ซุนกวนเห็นไทสูจู้เสียทีจึงสั่งให้ ตังสิดและลกซุนไปช่วย ไทสูจู้กลับมาไว้ได้


ซุนกวนเห็นไทสูจู้มีบาดแผลสาหัสนักก็รู้สึกเสียใจ เตียวเจียวเห็นสถานการณ์ไม่ดี จึงแจ้งว่า บัดนี้กองทัพเราสูญเสียทหารเป็นอันมาก ทั้งไทสูจู้ก็บาดเจ็บ ควรชอบที่จะยกทัพกลับเมืองกังตั๋งเสียก่อน ซุนกวนจึงเห็นด้วยและยกทัพกลับทันที

ไทสูจู้เมื่อกลับมาถึงเมืองหลวงอาการก็ไม่ดีขึ้นโดนพิษเกาทัณฑ์ ซุนกวนจึงมาพบกับไทสูจู้โดยด่วน ไทสูจู้เห็นว่าตัวเองจะไม่รอดจึงรำพันกับเตียวเจียวว่า

ไทสูจู้ : "อันชายชาติทหารจะตายในสนามรบนั้นก็ไม่เสียดายชีวิต แต่ไหนเลยตัวเราถึงสิ้นอายุไขเสียยังหนุ่ม"

แล้วไทสูจู้ก็สิ้นใจ... ซุนกวนเสียใจเป็นอันมากที่ยอดขุนพลที่ซุนเซ็กพี่ชายได้ฝากไว้ให้นั้นต้องจบชีวิตลง



วิเคราะห์
ซุนกวนผู้นำหนุ่มนั้น ยังอ่อนประสบการณ์การสงครามยิ่งนัก เมื่อเทียบกับโจโฉและเล่าปี่แล้ว ยังถึงว่าห่างชั้นกันมาก แต่กระนั้นเองซุนกวนนั้นมีลูกน้องฝึมือดีหลายคนทั้งบุ๋นและบู้ ตัวไทสูจู้เองก็เป็นทหารที่มีฝีมือดี เคยรบสูสีกับซุนเซ็กพี่ชายซุนกวนมาแล้ว แต่อย่างไรก็ตามไทสูจู้นั้นมีฝีมือเก่ง แต่สติปัญญาในการทำสงครามนั้นยังห่างชั้นกับจิวยี่เป็นอันมาก จูกัดจิ๋นที่พอมีสติปัญญาอยู่บ้างคอยตักเตือนแต่ก็ไม่ฟัง แต่จูกัดกิ๋นก็มิได้แนะนำทางออกแต่อย่างใด ทำให้ซุนกวนนั้นหมดที่พึ่งจึงรับฟังความเห็นของไทสูจู้ ตัวไทสูจู้เองก็มิได้โชคโชนสงครามเมื่อเทียบกับเตียวเลี้ยวจึงทำให้เตียวเลี้ยวนั้นมีชัยชนะ จนทำให้ไทสูจู้ต้องจบชีวิตลง..