ทางด้านขงเบ้งซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวของซุนกวนและเตียวเลี้ยวอย่างไกล้ชิด ต่อมาขงเบ้งได้มองดูดวงดาว เห็นดาวดวงหนึ่งตก พอพินิจวิเคราะห์แล้วเห็นทีจะเป็นเครือญาติของเล่าปี่เสียชีวิตลงเป็นแน่แท้
เล่าปี่ก็สัยอีกทั้งแม่นางลิฮูหยินก็กำลังป่วย ต่อมาไม่ได้ทหารจึงมารายงานว่าบัดนี้เล่ากี๋ได้เสียชีวิตลงแล้ว เล่าปี่ได้ฟังก็ร้องไห้เสียใจเป็นอันมาก ขงเบ้งก็ได้แต่ปลอบโยน
หลังจากนั้นไม่นาน ขงเบ้งจึงว่า อีกไม่นานเมืองกังตั๋งต้องส่งโลซกมาทวงเมืองคืนแน่ ขงเบ้งจึงวางแผนรับมือ วันต่อมาโลซกก็เกิดนทางมาถึงเมืองเกงจิ๋วแสร้งมาคำนับศพเล่ากี๋ แต่แท้จริงแล้วต้องการมาทวงเมืองเกงจิ๋วที่เล่าปี่และขงเบ้งเคยตกลงไว้
โลซกถามเล่าปี่ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เล่าปี่ก็อั้มอึ้งตอบแบบปัดๆ ขงเบ้งเห็นอาการเช่นนั้นก็ทนไม่ได้ จึงพูดออกมาด้วยอารมณ์โมโหไปว่า
ขงเบ้ง : "ตัวท่านเองก็มีสติปัญญา เล่าปี่นายเราเป็นเชื่อพระวงศ์อีกทั้งยังเป็นพระเจ้าอาของพระเจ้าเหี้ยนเต้ จะปกครองเมืองเก๋งจี๋วเพียงเท่านี้ไม่ได้หรอกหรือ ซุนกวนนายท่านเป็นแค่เชื้อสายผู้คุมเมือง บัดนี้พอได้เป็นใหญ่เมืองกังตั๋ง มีเมืองเอก เมืองโท มากกมาย เท่านี้ยังไม่พอใจ อีกทั้งยังมาแย่งเมืองเกงจิ๋วอีก ครั้นโจโฉบุกมากฝ่ายเราก็ยกทัพไปช่วย ตัวเราเองยังช่วยเรียกลมให้ ซุนกวนนายของท่านจึงพ้นอันตราย มิต้องเป็นขี้ข้าโจโฉและภรรยาของท่านก็จะตกเป็นของโจโฉอีกด้วย"
โลซกได้ฟังขงเบ้งพูดก็ได้แต่นิ่งอึ้งมิรู้จะพูดประการใด พอได้สติคิดได้จึงหาข้อโต้แย้ง
โลซก : "เมื่อครั้งเล่าปี่นายของท่านโดนโจโฉตีแตกมาได้ความลำบาก เราเองก็ได้พาท่านไปพบซุนกวนนายเรา แล้วฝ่ายเราก็ช่วยรบกับโจโฉท่านเองก็ได้ประโยชน์ไปด้วย เมื่อครั้งก่อนท่านได้รับปากเราว่าจะคืนเมืองให้แก่เราเมื่อเล่ากี๋ตาย เราก็ได้นำความไปบอกซุนกวนและจิวยี่ ทั้ง 2 ก็ไว้ใจท่านเห็นว่าตัวท่านนั้นมีความสัตย์ หากท่านไม่ยอมคืนเมืองให้ เราเองก็คงโดนซุนกวนตัดหัว และความสัมพันธ์ระหว่างเล่าปี่และซุนกวนก็จะถึงคราวแตกหัก จิวยี่คงต้องยกทัพมาตีท่านแน่ๆ"
ขงเบ้ง : "ฮ่าๆๆๆ เราจะกลัวอะไรกะอีแค่จิวยี่ แม้โจโฉยกทัพมาร้อยหมื่นเรายังไม่กลัว เราเห็นแก่ท่านเราจะเขียนหนักสือยืมเมืองแก่ซุนกวน ให้เล่าปี่นายเราได้ยืมเมืองไว้ก่อน เอาไว้ให้เราตีได้เมืองเสฉวนให้ได้เสียก่อน เราจะย้ายไปอยู่ที่เมืองเสฉวนและคืนเมืองเก่าให้แก่ซุนกวน"
โลซกเองก็จนมุมมิรู้จะทำยังไงจึงยอมรับหนังสือของเล่าปี่ ขงเบ้งจึงเซ็นหนังสือที่เล่าปี่เขียนโดยมีโลซกเซ็นเป็นนายประกันอีกคน
วิเคราะห์
อุบายนี้ได้ถูกใช้กันแพร่หลาย โดยที่ขงเบ้งอ้างว่า "จะคืนเมืองให้ซุนกวนจนกว่าเล่าปี่จะตีเมืองเสฉวนสำเร็จ" แหม แล้วเมื่อไหร่จะยึดได้หล่ะ กี่เดือน กี่วัน กี่ปี?
ข้ออ้างนี้ถูกผู้บริหารส่วนมากนำเอาไปใช้เช่น "จำให้โบนัสแก่พนักงานจนกว่าเศรฐกิจจะดี" เอ๊ะว่าแต่เมื่อไหร่จะเศรฐกิจจะดีหล่ะ พนักงานต่างก็รอคอยความหวังว่าวันหนึ่งเศรฐกิจจะดี เป็นอุบายประวิงเวลา
หลายคนคงสงสัยว่าแท้จริงแล้ว เมืองเกงจิ๋วควรเป็นสิทธิ์ของใคร? ซุนกวนหรือเล่าปี่? คนไหนมีความชอบธรรมในการครองเมืองมากที่สุด
ผมวิเคราะห์ว่า
1.คนที่มาก่อนยึดก่อน ย่อมมีสิทธิ์ครอบครองทรัพยาการ เมืองเกงจิ๋วนั้นมิได้เป็นของซุนกวนแต่ก่อน เมื่อเล่าปี่ยึดได้ก่อนก็ควรเป็นของเล่าปี่
2.ขงเบ้งนั้นฉวยโอกาสช่องโหว่ที่จิวยี่แกล้งตาย ซึ่งเงื่อนไขข้างต้นคือ ให้จิวยี่ยึดก่อนหากจิวยี่ยึดไม่ได้ขงเบ้งจะไปยึด จิวยี่ควรเพิ่ม condition อีก 1 อย่างคือ ห้ามให้ขงเบ้งมายึดภายในเวลา 1 ปีไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หากจิวยี่ยึดไม่ได้ภายใน 1 ปี ให้ขงเบ้งมายึดได้ หากตกลงอย่างนี้แล้วขงเบ้งมาแอบยึดไปก่อน ฝ่ายขงเบ้งก็จะเป็นฝ่ายมิชอบธรรม
3.ขงเบ้งยึดได้แล้วกลับหลอกว่าจะคืนเมืองเกงจิ๋วให้เมื่อเล่ากี๋ตาย แต่เมื่อเล่ากี๋ตายแล้วขงเบ้งก็ยังไม่ยอมคืนเมืองอีก อันนี้ความชอบธรรมก็ต้องตกเป็นของจิวยี่ หากขงเบ้งยืนยันว่าจะไม่คืน ก็ต้องไม่คืนตั้งแต่แรก
ตีความกันไปกันมาก็ยากเหมือนกันนะครับ แล้วแต่มุมมอง ใจนึงก็สงสารซุนวน ใจนึงก็สงสารเล่าปี่ แต่แท้จริงแล้วคนที่มีความชอบธรรมที่สุด อาจจะเป็นโจโฉก็ได้ใครจะไปรู้ ในเมืองโจโฉครองอำนาจเมืองหลวงอยู่ ทุกเมืองก็ควรที่จะตกเป็นของพระเจ้าเหี้ยนเต้โดยมีโจโฉเป็นผู้ช่วยสิ
ท้ายสุดแล้วผมก็จะพูดงง แบบกลางๆ หลายมุมของทั้งด้านของเล่าปี่ และ ซุนกวน มาให้ฟัง แฟนๆสามก๊กคิดว่า เมืองเกงจิ๋วควรเป็นสิทธิ์ของใครกัน ?