บุนเพ่งไม่กล้ายกทหารรุกไปข้างหน้า เกิดความลังเลคิดจะกลับไปรายงานให้กองทัพหลวงทราบ ครู่หนึ่งโจหยิน ลิเตียน แฮหัวเอี๋ยน งักจิ้น เตียวเลี้ยว เตียวคับ และเคาทู ยกทหารตามมาทัน บุนเพ่งจึงชักม้าเข้าไปปรึกษากับนายทหารเอกทั้งเจ็ดว่าจะดำเนินการประการใด
บรรดานายทหารใหญ่ของกองทัพโจโฉที่มาใหม่ทั้งเจ็ดนายฟังคำบุนเพ่งแล้วหันไปมองที่ป่าด้านข้างเห็นฝุ่นคลีคลุ้งตลบก็เกรงว่าจะเป็นอุบายของขงเบ้ง จึงสั่งม้าเร็วให้ไปรายงานโจโฉ โจโฉฟังรายงานแล้วจึงมาด้วยตัวเอง โจโฉมาพบหน้ากับเตียวหุย เตียวหุยมองหน้าโจโฉและเหล่าทหารเอกของโจโฉและตวาดขึ้นมาว่า
เตียวหุย : "ตัวกูชื่อเตียวหุย ผู้ใดซึ่งมีฝีมือเข้มแข็งจงมาสู้กันให้รู้ดำรู้แดง"
โจโฉได้ยินชื่อเตียวหุยก็ตกใจหวนคิดถึงคำพูดของกวนอู กวนอูเคยสังหารงันเหลียง บุนทิว 2 ทหารเอกผู้เก่งกาจของอ้วนเสี้ยวได้ในพริบตา โจโฉเคยชมเชยกวนอูมาแล้ว แต่กวนอูเคยบอกว่า "ฝีมือข้านั้นเพียงประมาณ น้องเล็กแห่งคำสาบานของสวนท้อที่ชื่อเตียวหุยมีฝีมือล้ำเลิศกว่าใครในแผ่นดิน เตียวหุยสามารถสังหารผู้คนเก่งๆเสมือนหนึ่งหยิบส้มออกจากลังเท่านั้น" ซึ่งเป็นอุบายที่กวนอูเคยขู่กับโจโฉไว้
บัดนี้โจโฉได้มาพบกับเตียวหุยก็ได้สั่งให้ทหารทุกคนห้ามเข้าไกล้เตียวหุยเป็นอันขาด เสียงตวาดของเตียวหุยดังสนั่นประดุจฟ้าถล่มทำให้ทหารผู้นึงของโจโฉถึงกับหน้าซีดตับแตกตายในที่สุด
โจโฉเองเป็นคนขี้ระแวงสงสัยอีกทั้งยังเคยได้ยินชื่อเสียงของขงเบ้งจึงมิกล้าบุกเข้าไปจึงสั่งให้ทหารถอยทัพโดยเร็วเกรงว่าหากอยู่นานอาจจะเสียท่า
เตียวหุยเห็นโจโฉถอยทัพกลับไปจึงสั่งให้ทหารรื้อสะพานแล้วรีบหนีไปหาเล่าปี่แล้วเล่าความให้เล่าปี่ฟังทุกประการ เล่าปี่ได้ฟังเช่นนั้นก็ชมเชยเตียวหุยที่ฉลาดสามารถคิดอุบายหลอกโจโฉได้ แต่สติปัญญาคิดอ่านการสงครามไม่ตลอด เล่าปี่จึงบอกกับเตียวหุยว่า
เล่าปี่ : "ถ้าหากเจ้าไม่รื้อสะพานออกโจโฉก็จะต้องกลอุบายต่อไป"
ฝ่ายเตียวเลี้ยว เตียวคับ และเคาทู เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ที่เชิงสะพานเตียงปัน เห็นเตียวหุยหลบเข้าไปในป่าจึงรีบไปรายงานโจโฉ เมื่อโจโฉรู้ความก็หัวเราะ แล้วว่า "เราหลงกลไอ้เตียวหุยเข้าแล้ว" โจโฉจึงสั่งให้ทหารพักผ่อนพรุ่งนี้ค่อยตามตีทัพเล่าปี่อีกครั้ง