เมื่อขงเบ้งเข้ามายังห้องว่าราชการ ในขณะที่กำลังรอซุนกวน โลซกก็เตือนขงเบ้งเป็นครั้งที่ 3 ความว่า "ท่านอย่าลืมเรื่องที่เราตกลงกันไว้เกี่ยวกับกองทัพโจโฉ ห้ามบอกว่ากองทัพของโจโฉมีจำนวนมากเป็นอันขาด" ขงเบ้งได้ฟังก็ทำทีพยักหน้ารับคำ
หลังจากนั้นซุนกวนก็เดินเข้ามาทุกคนต่างก็คำนับ ขงเบ้งเห็นซุนกวน มีนัยน์ตาดุจเพชร หนวดสีแสด ท่าทางองอาจสง่าผ่าเผยเป็นอย่างยิ่ง เห็นทีต้องพูดยั่วยุให้ซุนกวนโกรธน่าจะเป็นผลกว่าการพูดจาด้วยดีๆ หลังจากทักทายกันอย่างหอมปากหอมคอเสร็จแล้ว ซุนกวนผู้มีเมืองกังตั๋งเป็นเดิมพันครั้งนี้ร้อนอยู่กว่าขงเบ้ง ซุนกวนจึงรุกถามขงเบ้ง
ซุนกวน : "เราได้ยินชื่อเสียงของท่านอีกทั้งโลซกยังยกย่องท่าน โปรดขอให้ท่านได้ชี้แนะด้วย"
ขงเบ้ง : "ตัวเรานั้นมีสติปัญญาอันน้อยนิด มิกล้าชี้แนะท่านผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองกังตั๋งได้"
ซุนกวน : "เมื่อครั้นอยู่เมืองซินเอี๋ย ท่านได้สู้รบกับโจโฉหลายครั้ง ได้เผาทัพของโจโฉถึง 2 ครั้ง และยังไขน้ำแปะโหทำลายทัพโจโฉอันมากมาย ความสามารถของนั้นนี้ก็รู้อยู่แก่ใจ"
เป้าหมายของซุนกวนต้องการรู้ความลึกหนาบางของทัพของโจโฉแต่ขงเบ้งก็พยายมบ่ายเบี่ยงตอบไม่ตรงประเด็น
ขงเบ้ง : "ข้าพเจ้าทำศึกเช่นนั้นก็จริง แต่เมืองซินเอี๋ยนั้นเล็ก ทหารน้อย เสบียงน้อย คนน้อยไหนเลยจะสู้คนมากได้"
ซุนกวนก็ยังไม่รู้อีกว่าทหารของโจโฉนั้นมีมากน้อยเพียงใด อดใจไม่ไหวจึงถามขงเบ้งไปตรงๆ
ซุนกวน : "อันธรรมดาการสงครามน้อยแพ้มากเป็นเรื่องปรกติ แต่ข้าพเจ้าต้องการรู้ว่า ทหารของโจโฉนั้นมีมากน้อยเพียงใด"
ขงเบ้งได้โอกาสรุกเต็มที่จึงใส่เข้าไปเต็มๆโดยไม่สนใจเรื่องที่โลซกเตือนว่าห้ามพูดว่าทหารของโจโฉนั้นมีมาก
ขงเบ้ง : "ทหารโจโฉยกทัพมาทั้งทางบก ทางเรือ ทางอากาศเอ้ยไม่มี!! มีประมาณร้อยหมื่นเศษ!!!!"
โลซกได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจ จ้องหน้าขงเบ้งแต่ขงเบ้งเบือนหน้าหนีทำทีมองไม่เห็น ซุนกวนได้ยินเช่นนั้นก็รักษาอาการของความเป็น leader ไว้ได้แต่นิ่งไว้
ซุนกวน : "ไม่จริงหรอกมั้ง กองทัพของโจโฉมีมากขนาดเชียวเหรอ"
ขงเบ้ง : "จำนวนที่ข้าพเจ้าได้บอกท่านไปนั้นจะว่าไม่จริงก็หามิได้ โจโฉได้เมืองเฉงจิ๋ว เมืองกุนจิ๋ว มีทหารอยู่อยู่ 20 หมื่น รบชนะอ้วนเสี้ยวได้ทหารอ้วนเสี้ยวเมืองกิจิ๋วไว้อีก 60 หมื่น กลับมาเมืองฮูโต๋เกณทหารได้อีก 40 หมื่น ต่อมายึดเมืองเกงจิ๋วได้อีกมีทหารเพิ่มอีก 30 หมื่น รวมทั้งหมดได้ 150 หมื่น แต่ข้าพเจ้าบอกแค่เพียง 100 หมื่น ทั้งนี้เพื่อที่จะเอาใจชาวเมืองกังตั๋ง "
โลซกยิ่งฟังยิ่งตกใจโดยหวังว่าขงเบ้งจะพูดให้น้อยลงแต่ครั้งนี้ ยิ่งพูดยิ่งมาก ทำให้ทุกคนต่างก็ตกตะลึง ซุนกวนเองก็ตะลึงแต่ก็ยังรักษาฟอร์มผู้นำไว้อยู่ จากนั้นรุกถามข้อมูลจากขงเบ้งต่อไปว่า
ซุนกวน : "ทหารเอกของโจโฉที่มีฝีมือมีมากน้อยเพียงใด"
ขงเบ้ง : "ทหารเอกของโจโฉมีไม่น้อยกว่า 2000 คน"
ซุุนกวน : "เมื่อโจโฉยึดเมืองเกงจิ๋วได้ โจโฉจะทำอย่างไรต่อ"
ขงเบ้ง : "แน่นอน โจโฉยกทัพใหญ่มาเพียงนี้มิได้หวังแค่เมืองเกงจิ๋วแน่นอน บัดนี้โจโฉกำลังเตรียมทัพเรือเพื่อมายึดดินแดนกังตั๋งแน่นอน หมอลักษณ์ฟังธง"
ซุนกวนตกใจพร้อมกับขำมุกของขงเบ้ง แต่ก็ยังนิ่งรักษา image ของตนไว้และถามขงเบ้งกลับไปว่า
ซุนกวน : "โจโฉยกทัพมาครั้งนี้ จะสู้หรือยอมแพ้ดี"
ใจขงเบ้งเองต้องการที่จะเสนอให้ซุนกวนรบกับโจโฉแต่เพื่อไม่ต้องการเปิดเผยเป้าหมายของตนจึงพูดเชิงปัดๆไปว่า
ขงเบ้ง : "ข้าพเจ้าเป็นแค่แขก มิกล้าที่จะแนะนำ แต่หากจะเสนอไปก็เกรงว่าท่านจะระแวงแคลงใจ"
ขงเบ้งไม่ยอทซัดไปตรงๆ โดยวางค่ายกลให้ซุนกวนผู้ร้อนรนยิ่งอยากรู้เพิ่มขึ้นไปอีกมากกว่าเดิม
ซุนกวน : "ถึงแม้ว่าท่านจะเป็นแขก ข้าพเจ้าเห็นว่าท่านนั้นมีสติปัญญา มีความเห็นอย่างตรงไปตรงมาตามความเป็นจริง หากท่านว่าอย่างไรตัวเราก็เห็นอย่างนั้น"
ซุนกวนเปิดทางแถมยังทอดสะพานแบบนี้มาอีก หากเป็นทูตคนอื่นคงจะแนะนำให้ซุนกวนร่วมมือกับเล่าปี่แล้วเป็นแน่แท้ แต่หากขงเบ้งพูดเช่นนั้นไปก็จะเป็นกระเปิดเผยเจตนาออกไปจะเสียเชิงเอา ขงเบ้งจึงรุกด้วยการยั่วยุต่อไป
ขงเบ้ง : "อันโจโฉ เล่าปี่ และซุนเซ็กบิดาของท่าน ก็ได้ตั้งตัวมาพร้อมๆกัน โจโฉนั้นมีความเพียรและความสามารถจึงสามารถยึดดินแดน 2 ใน 3 ไว้ได้ ถ้าเห็นว่ากำลังของตนเองพอจะสู้โจโฉได้ก็ควรสู้ แต่ถ้าเห็นว่าสู้ไม่ได้ก็ควรเชื่อฟังเหล่าที่ปรึกษายอมแพ้แก่โจโฉเสียเถิด"
ขงเบ้งตอบไปแบ่งรับแบ่งสู้ กลางๆไปเพื่อโยนการตัดสินไปกลับไปยังซุนกวน โดยลูกล่อของขงเบ้งนั้น มิได้พูด โจโฉและซุนเซ็ก เพียง 2 คน แต่มีตัวละครเพิ่มขึ้นในประโยคนั่นคือ "เล่าปี่" เพียงเพื่อจะยกเพื่อเปรียบเทียบในประโยคต่อไป ขงเบ้งดูท่าทีซุนกวน ซุนกวนก็เงียบไม่ยอมเผยท่าที ขงเบ้งจึงสุมไฟอีกครั้ง
ขงเบ้ง : "อันฝ่ายที่ปรึกษาของท่านเห็นว่าควรที่จะยอมแพ้แก่โจโฉ ส่วนเหล่าขุนพลของท่านไม่ยอมแพ้และขอสู้ตายเพื่อบ้านเมือง หากท่านไม่ยอมตัดสินใจภัยไกล้มาถึงตัวโดยมิรู้ตัว"
ซุนกวน : "เป็นจริงอย่างที่ท่านกล่าว ว่าข้าพเจ้ายังลังเลว่าจะเลือกข้างไหน แต่ทำไมเล่าปี่นายท่านถึงไม่ยอมแพ้"
แล้วมันก็เป็นไปตามที่ขงเบ้งขาดหมายเข้าล็อกตามแผนที่ขงเบ้งวางไว้ ขงเบ้งจึงปล่อยขอไปเต็มที่
ขงเบ้ง : "อันเล่าปี่นายเรานั้นเป็นถึงพระเจ้าอาเชื้อสายพระเจ้าเหี้ยนเต้ มีสติปัญญาก็พอประมาณ ถึงแม้นจะสู้โจโฉมิได้ก็ไม่มีทางไปอ่อนน้อมแก่โจโฉเป็นอันขาด เกรงว่าจะเป็นที่ติเตียนขายขี้หน้าประชาชี"
ซุนกวนได้ฟังเช่นนั้นก็เข้าใจว่าขงเบ้งพยายามตำหนิซุนกวนทางอ้อมว่าสู้เล่าปี่ก็ไม่ได้ ซุนกวนโกรธสุดขีดแต่ก็รักษาอาการของความเป็นผู้นำ สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินกลับเข้าไปข้างหลัง ฝ่ายขุนนางเห็นไม่เข้าใจอุบายของขงเบ้งก็พากันหัวเราะเยอะเย้อขงเบ้ง โลซกเห็นายของตัวเองโกรธจึงตำหนิขงเบ้ง ขงเบ้งเห็นโลซกโกรธก็หัวเราะแล้วตอบโลซกว่า
ขงเบ้ง : "อันที่เรากล่าวความทั้งนี้ก็เพื่อลองใจซุนกวนนายของท่าน หากซุนกวนนายของท่านมิรู้ดีรู้ชอบ การข้างหน้าก็คงจะไปไม่รอด เห็นซุนกวนนายของท่านโกรธแบบนั้นตัวเราก็จนใจ อันอุบายที่จะกำจัดโจโฉนั้นเราก็คิดไว้อยู่แล้ว ซุนกวนนายท่านไม่ถามเรา เราก็มิกล้าจะบอก"
ขงเบ้งหลอกลวงให้ซุนกวนโกรธจนหนีเข้าไปในถ้ำไปแล้ว ตอนนี้ขงเบ้งกำลังหลอกซุนกวนออกมาจากถ้ำอีกครั้ง เพื่อที่จะบอกให้ซุนกวนว่ากองทัพโจโฉมันมีมากนะ ให้จับมือกับเล่าปี่สู้โจโฉดีกว่า แต่ขงเบ้งจะไม่ยอมเป็นฝ่ายขอร้อง ขงเบ้งต้องการให้ฝ่ายซุนกวนนั้นเป็นฝ่ายขอร้อง หากเป็นเช่นนั้นฝ่ายเล่าปี่ก็มิได้มีศักดิ์เป็นผู้อาศัยอีกต่อไป