หลังจากโจโฉประหารโกสุ้้นแ้ล้ว ซิหลงได้คุมตัวตันก๋งเข้ามาอีกคนหนึ่ง โจโฉเห็นตันก๋งใจหนึ่งก็คิดถึงบุญคุณที่ตันก๋งสู้เสียสละละทิ้งอำนาจมาเข้าร่วมอุดมการณ์ในตอนเริ่มตั้งตัว แต่ใจหนึ่งก็แค้นตันก๋งที่คิดอ่านวางแผนให้ลิโป้ทำสงครามจนโจโฉต้องเสียทีหลายครั้งหลายหน ความรู้สึกนึกคิด ทั้งบุญคุณและความแค้นเคล้าคละกันดั่งนี้ สีหน้าโจโฉก็บึ้งตึง แต่กล่าวความเป็นทำนองที่ยังอาลัยอาวรณ์ว่า "ตั้งแต่ท่านจากเรามาถึงบัดนี้ยังสบายดีอยู่หรือ?"
ตันก๋งเห็นสีหน้าและน้ำคำของโจโฉก็แจ้งในความรู้สึกนึกคิด จึงตอบกลับไปว่า
"ตัวท่านเป็นคนอาสัตย์ ไม่สำนึกถึงบุญคุณคน มีจิตใจดำอำมหิต เราจึงทิ้งท่าน"
โจโฉจึงว่า "ท่านกล่าวหาเราว่าเป็นคนไร้คุณธรรม แต่เหตุใดเมื่อหนีจากเราแล้วจึงไม่ไปอยู่ด้วยผู้มีคุณธรรม กลับไปอยู่กับลิโป้ซึ่งเป็นปิตุฆาต ยิ่งกว่าไร้คุณธรรมเสียอีก"
ตันก๋งแก้ว่า "ถึงลิโป้เป็นคนไร้คุณธรรม หาสติปัญญามิได้ แต่มิได้เป็นคนล่อลวงปลิ้นปล้อนเหมือนกับตัวท่าน เราจึงมาอยู่ทำการด้วย"
โจโฉโต้ว่า "ตัวว่าลิโป้ไร้สติปัญญา แต่อ้างตัวว่ามีสติปัญญาความคิดอ่าน ดังนี้เหตุใดลิโป้จึงเสียทีแก่เราเล่า"
ตันก๋งได้ฟังคำถามที่หนักหน่วงดังนี้จึงเหลียวหน้ามาทางลิโป้ แล้วกล่าวไปทางลิโป้ว่า
"หลายปีที่ผ่านมานี้ ท่านเชื่อฟังคำเราจึงสามารถตั้งตัวขึ้นเป็นใหญ่ได้ แต่มาระยะหลังกลับลุ่มหลงอยู่กับคำสรรเสริญเยินยอของตันกุ๋ย ตันเต๋ง ไส้ศึกสองพ่อลูก และถือเอาแต่คำภรรยามาบริหารราชการ และการสงคราม จึงได้เสียทีถึงเพียงนี้ การครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน หากท่านเชื่อฟังคำเรา ที่ไหนเลยจะได้รับความอัปยศแก่คนทั้งปวง"
โจโฉจึงเยาะว่า "ก็แลเมื่อลิโป้ไม่ฟังตัวจึงเสียทีแก่เรา บัดนี้เมื่อตกอยู่ในเงื้อมมือเราแล้ว จะคิดอ่านประการใดสืบไป"
ตันก๋งและโจโฉโต้วาทีกันมาจนถึงจุดที่ตันก๋งเห็นว่าขืนต่อปากต่อคำกันต่อไปก็มิได้ประโยชน์อันใด เพราะที่ไหนจะมีฐานะที่เป็นต่อขึ้นมาได้ ดังนั้นจึงกล่าวขึ้นว่าเมื่อตัวเราตกอยู่ในเงื้อมมือท่าน จะมาซักไซร้หาเหตุผลไปทำไมกัน
โจโฉตีสีหน้าเป็นปกติลง ทั้งน้ำใจก็นึกเห็นการที่ตันก๋งได้กระทำมาเป็นการควรแก่หน้าที่ ประกอบทั้งมีน้ำใจรักใฝ่ได้คนดีมีสติปัญญามาร่วมงาน จึงคิดที่จะเกลี้ยกล่อมตันก๋งให้กลับเข้ารับราชการด้วย ปฏิบัติการทางจิตวิทยาจึงได้เริ่มขึ้น
โจโฉจึงถามตันก๋งว่า "ที่ท่านกล่าวมาทั้งนี้ก็ต้องด้วยเหตุและผล แต่มารดากับภรรยาของท่านเล่า สิ้นท่านเสียแล้วคนข้างหลังจะว่าอย่างไร"
ตันก๋งจึงว่า "วิสัยคนที่คิดทำการใหญ่ย่อมจำแนกแจกแจงมิตร ศัตรู คุณและโทษแจ่มแจ้ง ถึงจะจับศัตรูคู่อาฆาตได้ ก็ย่อมเอาโทษเฉพาะแต่ตัวผู้นั้น ไม่คิดอ่านเป็นพาลกลั่นแกล้งผู้อื่นที่มิได้เกี่ยวข้องด้วย บัดนี้ตัวเราแม้ถึงที่ตายแล้วก็หาได้อาลัยแก่ชีวิตไม่จะขอฝากมารดากับภรรยาไว้กับท่านช่วยดูแลตามควรด้วย"
โจโฉได้ฟังตันก๋งดั่งนั้นก็เห็นว่าตันก๋งมีจิตใจมั่นคงเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก ยังมิทันจะได้ว่ากล่าวประการใด ตันก๋งก็เดินลากผู้คุมจะลงจากศาลาบัญชาการบนเชิงเทิน เร่งให้เอาตัวเองไปประหาร โจโฉยังคงอาลัยอาวรณ์อยู่ จึงสั่งทหารให้หยุดยั้งไว้ แต่ตันก๋งก็มิฟัง โจโฉจึงเดินตามไปทำทีเป็นร้องไห้อาลัยอาวรณ์แล้วว่า "ในเมื่อตัวท่านไม่พอใจที่จะอยู่กับเราก็ตามใจเถิด มารดาและภรรยาของท่านอยู่ข้างหลัง เราจะดูแลมิได้อนาทร"
ตันก๋งเดินลากทหารผู้คุมมาจนถึงประตูเมืองก็เร่งให้ทหารประหารตัวเองเสีย ทหารผู้คุมจึงประหารชีวิตตันก๋ง โจโฉทราบว่าตันก๋งถูกประหารแล้วก็สั่งทหารให้แต่งการศพตันก๋งอย่างสมเกียรติแล้วนำไปฝังอย่างธรรมเนียม และให้นำมารดาและภรรยาตันก๋งไปอาศัยอยูที่เมืองฮูโต๋ จัดทหารและคนรับใช้ดูแลอารักขาตามคำที่รับรองไว้กับตันก๋งนั้น
ก็เป็นจุดจบของตั๋งก๋ง ในตัวเจ้าของ blog เองก็เสียดายคนเก่งมีฝีมือแต่มาตายต้นเรื่องซะังั้น..