Sunday, July 15, 2012

#158 ซุนกวนรวบรวมพล




ขงเบ้งหลังจากลงเขาโงลังกั๋งมาอยู่กับเล่าปี่ ก็เริ่มงานแรกด้วยการฝึกทหารให้รู้จักวิธีรบด้วยกลศึกต่างๆ  เล่าปี่ก็เอาใจขงเบ้งทุกวี่ทุกวัน ทำให้น้องๆอย่างกวนอูและเตียวหุยเริ่มขุ่นเคือง ขงเบ้งรู้ว่าอีกไม่นานโจโฉจึงยกทัพใหญ่บุกแดนใต้เป็นแน่แท้จึงรีบฝึกทหารเป็นอย่าหนัก


ทางด้านเมืองกังตั๋งหลังจากที่โลซกเสนอยุทธศาสตร์ให้แก่ซุนกวนแล้ว ซุนกวนก็ระดมกำลังผู้มีความรู้ นักปราชญ์ ทหารที่มีฝีมือ เข้าร่วมก๊กเป็นอันมาก และจัดตั้ง "อาคารเสวนาบัณฑิต" ไว้ให้เหล่าที่ปรึกษาใช้แลกเปลี่ยนความรู้กัน





หลังจากซุนกวนติดป้ายประกาศรับสมัครบุคลากรได้ไม่นาน ก็มีคนเก่งๆมาสมัครเป็นอันมาก ไม่ว่าจะเป็น เหยียมจุ้น ขอดเต๊ก ชีจ๋อง เทียเป๋ง ลกเจ๊ก จีห้วน เตียวอุ๋น เล่งทอง ง่อซัน ลิบอง ลกซุน ชีเซ่ง เตงฮอง มาไว้ป็นทหารเอกและที่ปรึกษา


ทางฝ่ายโจโฉก็ตระเตรียมกองกำลังปราบปรามเล่าปี่และเล่าเปียวแต่เกรงว่าซุนกวนจะมาช่วยเหลือ โจโฉจึงเขียนจดหมายไปถึงซุนกวนให้มีไมตรีส่งลูกซุนกวนเข้ามารับราชการที่เมืองหลวง

หนังสือของโจโฉถูกส่งมาถึงมือซุนกวน ซุนกวนจึงเรียกเหล่าขุนนางและที่ปรึกษามาออกความเห็น เตียวเจียวเสนอว่า เป็นธรรมเนียมที่ต้องส่งบุตรไปรับราชการเมืองหลวง หากไม่ส่งไปโจโฉก็อาจจะมองหาว่าฝ่ายเราเป็นกบฎแล้วโจโฉอาจจะยกทัพมารุกรานแดนกังตั๋งได้

ซุนกวนได้ฟังก็ยังนิ่งมิออกความเห็นจากนั้นก็หันไปถามความเห็นของจิวยี่ จิวยี่ให้ความเห็นว่า การที่โจโฉทำเช่นนี้แท้จริงคือต้องการให้ทางเราส่งตัวประกันไปให้โจโฉ แล้วจากนั้นโจโฉก็จะสามารถกดขี่เราต่างๆนาๆได้


เตียวเจียวได้ฟังก็แย้งว่ากองทัพโจโฉนั้นมีทหารเป็นอันมากล้วนแล้วแต่มีที่ปรึกษาและทหารเอกเก่งๆไว้หลายคนอีกทั้งโจโฉยังชำนาญการศึกมีสติปัญญายิ่งนัก ทำสิ่งใดก็อ้างรับสั่งพระเจ้าเหี้ยนเต้หากต้องการปกป้องกังตั๋งให้พ้นจากภัยก็ควรที่จะทำตามโจโฉ

จิวยี่ก็แย้งไปว่า โจโฉนั้นมีกำลังอันมากก็จริงแต่โจโฉนั้นถนัดสงครามทางบก แต่ฝ่ายกังตั๋งนั้นถนัดทางเรือ หากโจโฉจะมาตีดินแดนกังตั๋งก็ต้องข้ามแม่น้ำแยงซีและรบทางเรือกันยังไงฝ่ายกังตั๋งก็ได้เปรียบ

ซุนกวนจึงเห็นด้วยกับความคิดของจิวยี่จึงสั่งให้ตอบจดหมายโจโฉไป โจโฉเมื่อรู้ว่าซุนกวนนั้นแข็งข้อกับตนก็โกรธเป็นอันมาก สั่งให้ทหารฝึกฝนรวบรวมผลบุกแดนใต้กวาดล้างเล่าปี่ เล่าเปียวและซุนกวน

Tuesday, July 10, 2012

#157 ยุทธศาสตร์สามก๊กของขงเบ้ง



เล่าปี่ได้พบขงเบ้งจะคำนับขงเบ้งแล้วว่า "ด้วยแผ่นดินทุกวันนี้เป็นจลาจล ตัวข้าพเจ้านี้เป็นเชื้อวงศ์พระเจ้าเหี้ยนเต้ ตัวข้านั้นมีสติปัญญาอันน้อยนิดมิอาจจะทำการใหญ่ได้ ข้าพเจ้าตั้งใจมาหาท่านจึงใคร่ขอสติปัญญาของท่านมาช่วยเราด้วยเถิด"

ขงเบ้งจึงว่า "ตัวข้าพเจ้ายังหนุ่มอ่อนวัยนัก แถมยังเป็นชาวบ้านนอกมิอาจช่วยท่านได้หรอก"

เล่าปี่จึงว่า "ท่านอาจารย์อย่าได้ถ่อมตัวเลย อันสุมาเต็กโชและชีซีทั้ง 2 ต่างก็ได้เล่าถึงเชื่อเสียงของท่าน ขอท่านได้เมตตาช่วยเหลือข้าพเจ้าด้วยเถิด"

ขงเบ้งจึงเล่าสถาณ์การตอนนี้และวิเคราะห์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 2 คนคือ โจโฉและซุนกวน


ขงเบ้งจึงว่า "อันโจโฉนั้นได้ครองเมืองหลวงได้ซึ่งมีสติปัญญายิ่งนัก ขนาดมีท่านน้อยกว่าอ้วนเสี้ยวถึง 10 เท่ายังสามารถเอาชนะอ้วนเสี้ยวได้ อีกทั้งโจโฉยังมีที่ปรึกษาคนเก่งๆอยู่มากและยังมีทหารเอกคนเก่งๆอีกหลายคนเช่นกัน เห็นทีว่าฝ่ายเรานั้นจะเอาชนะโจโฉยากยิ่งนัก ส่วนซุนกวนนั้นเจ้าเมืองหนุ่มได้ครองดินแดนกังตั๋ง แม้ซุนกวนจะมีกำลังน้อยแต่ก็ยังมีเหล่าที่ปรึกษาเป็นจำนวนมาก ดินแดนกังตั๋งมีน้ำใจเป็นหนึ่ง กำลังน้อยเปรียบดั่งกำลังมาก ทั้งภูมิประเทศยังมีแม่น้ำแยงซีเป็นเกราะป้องกันภัยคุกคามจากข้าศึกได้ ดังนั้นฝ่ายเราควรที่จะผูกมิตรกับซุนกวนไว้"

ต่อจากนั้นขงเบ้งจึงวิเคราะห์ยุทธศาตร์ให้แก่เล่าปี่ความว่า

ขงเบ้ง : "อันเมืองเกงจิ๋วนั้นเป็นเมืองใหญ่ อยู่หน้าศึก มีศัตรูรายล้อมทุกด้าน ถ้าไม่เก่งจริงรักษาไว้มิได้ เมืองเกงจิ๋วนี้ต่อไปจะตกเป็นจองท่าน ส่วนเมืองเสฉวนนั้นเป็นเมืองใหญ่เสบียงมั่นคง บัดนี้เล่าเจี้ยงเจ้าเมืองเป็นคนไร้สติปัญญา โลเล ซึ่งชาวบ้านก็มิได้รักใคร่ อันเมืองเสฉวนภายภาคหน้าก็เป็นของท่านเช่นกัน หลังจากได้ดินแดนเสฉวนแล้วก็ตั้งตัวได้ จากนั้นก็บุกยึดดินแดนตงง้วนของก๊กโจโฉรวมแผ่นดินเป็นหนึ่ง หลังจากโจโฉพ่ายแล้วก็เหมือนได้กังตั๋งเช่นเดียวกัน"


หลังจากที่ขงเบ้งวางแผนยุทธศาสตร์ให้แก่เล่าปี่แล้วเช้าวันรุ่งขึ้นขงเบ้งก็จัดแจงของออกเดินทางไปกับเล่าปี่ ขงเบ้งได้บอกน้องตัวเองว่า "เจ้าจงดูแลไร่สวนให้ดี เหมือนใดพี่ทำการสำเร็จแล้วจะกลับมาทำไร่ ทำสวนเช่นเคย"


สรุปคือขงเบ้งกำลังจะบอกว่า ภายภาคหน้านั้นจะมีผู้ยิ่งใหญ่อยู่ 3 ก๊ก คือ ก๊กของโจโฉ ก๊กของซุนกวน และก๊กของเล่าปี่ โดยแผนการคร่าวๆก็คือต้องจับมือกับซุนกวนต้านทัพโจโฉและเล่าปี่ต้องเริ่มต้นที่เมืองเกงจิ๋วจากนั้นค่อยขยายอาณาเขตไปยังดินแดนเมืองเสฉวนจากนั้นค่อยยึดแผ่นดินใหญ่


Monday, July 9, 2012

#156 เล่าปี่เยือนโงลังกั๋งครั้งที่ 3




เมื่อฤดูหนาวผ่านไป เล่าปี่ก็จัดเตรียมของเพื่อที่จะเดินทางไปหาขงเบ้งอีกครั้ง กวนอูเห็นเล่าปี่สาละวนกับขงเบ้งก็รู้สึกเซ็ง จักบอกกับเล่าปี่ว่า "คนผู้นี้จะเป็นใคร มีความรู้และสติปัญญาก็ยังไม่เคยเห็นไฉนพี่ใหญ่จึงหลงเชื่อคำคนเพียงนี้" เตียวหุยเห็นกวนอูพี่รองพูดก็สมทบไปว่า "หากพี่ใหญ่ต้องการพบขงเบ้งจริงเดี๋ยวข้าจะสั่งทหารไปเรียกตัวขงเบ้งมา หากขงเบ้งไม่ยอมมา เดี๋ยวข้าจะใช้เชื่อเส้นเดียวไปจับขงเบ้งมาให้ท่านจงได้"




เล่าปี่ได้ฟังน้องทั้ง 2 ก็วีนแตกจึงตะหวาดน้องทั้ง 2 ไปว่า "พวกเจ้าทั้ง 2 พูดจาหยาบช้าล่วงเกินขงเบ้งมากเกินไปแล้ว พวกเจ้านี้ไม่ล่วงรู้ความคิดของเรา อันเราหากต้องการคนเก่งมาความสามารถจำต้องไปเชิญด้วยตนเอง หากเจ้าไม่เต็มใจไปก็อยู่นนี่เสีย" กวนอูเตียวหุยถูกเล่าปี่บ่นจึงเงียบความแล้วก็ขอตามเล่าปี่ไปเช่นเคย

เล่าปี่เดินทางไปยังเขาโงลังกั๋งครั้งที่ 3 ไปถึงบ้านขงเบ้ง พบเด็กรับใช้ เด็กรับใช้จึงว่า "ท่านมาคราวนี้ไม่เสียเที่ยว บัดนี้อาจารย์ข้านอนอยู่ข้างใน ข้ามิกล้ารบกวน" เล่าปี่ก็ได้ยินก็ดีใจ จึงสั่งให้กวนอูเ ตียวหุย เฝ้ารออยู่ข้างนอก เล่าปี่จึงเข้าไปนั่งรอขงเบ้งที่ข้างใน

กวนอูและเตียวหุย รอเล่าปี่มาช้านาน เตียวหุยก็รู้สึกหงุดหงิด จึงบอกกับกวนอูว่าตัวเองจะไปจุดไฟเผาหลังบ้านขงเบ้งที่ขงเบ้งเกรงให้เล่าปี่รออยู่ช้านาน กวนอูเห็นดังนั้นจึงรีบเข้าไปห้ามและบอกกับเตียวหุยว่า พี่ใหญ่อุส่าห์เดินทางมาถึง 3 ครั้งอย่าให้เสียความพยายามของพี่ใหญ่ เตียวหุยจึงเย็นลง

เด็กน้อยเห็นเล่าปี่รออยู่นานจึงไปกระซิบบอกเล่าปี่ว่า "เดี๋ยวข้าพเจ้าจะปลุกท่านอาจารย์ให้" เล่าปี่จึงรีบบอกว่า "อย่าเลย ปล่อยให้อาจารย์ท่านนอนหลับให้สบายเถิด"



ขงเบ้งเองก็วางแผนหลอกดูน้ำใจเล่าปี่มาถึง 3 ครั้ง มาครั้งนี้ก็หลอกดูเชิงเสียอีก แกล้งนอนให้เล่าปี่นั่งรอเพื่อดูท่าที แต่เมื่อเห็นประจักษ์แท้จริงแล้วขงเบ้งจึงตื่นขึ้น  สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ได้พูดถึงความขงเบ้งเมื่อตื่นขึ้นว่า

"ผู้ใดนอนหลับใจก็มิรู้สัญญา จักษุอันหลับอยู่นั้นจะดูสิ่งใดก็มิได้เห็น หอน้อยเรานี้ก็เป็นที่สำราญ ถึงเทศกาลฝนก็นอนอุ่น พระอาทิตย์เจ้าเอ๋ย อย่าเพ่อคล้อยคลับให้ลับหน้าต่าง หยุดส่องแสงอยู่ก่อนจะได้นอนให้สบาย"

จากนั้นขงเบ้งจึงถามเด็กน้อยรับใช้ว่า "วันนี้มีใครมาหาเราบ้าง"

เด็กน้อยจึงตอบไปว่า "เล่าปี่มาหาท่าน มารออยู่ช้านานแล้ว"

ขงเบ้งจึงแสร้งตะหวาดเด็กน้อยไปว่า "มีแขกมาเยือนถึงบ้าน เหตุไฉนไม่ปลุกเราหล่ะ" จากนั้นขงเบ้งจึงเดินออกไปพบกับเล่าปี่


เล่าปี่และขงเบ้ง ในที่สุดก็ได้มาพบหน้ากัน กุนซือผู้ยิ่งใหญ่กำลังจะเดินทางออกจากดินแดนเขาโงลังกั๋ง เพื่อที่จะวางแผนช่วยเล่าปี่เชื้อพระวงศ์ผู้ตกยากได้ครองแผ่นดิน แม้นเส้นทางข้างหน้าขงเบ้งเองก็รู้อยู่ว่าหากไปช่วยเล่าปี่ ตัวเองคงต้องตกระกำลำบากยิ่งนัก แต่ก็คิดว่าสติปัญญาตนนั้นจะสามารถเปลี่ยนลิขิตฟ้าได้

Friday, July 6, 2012

#155 เล่าปี่เยือนโงลังกั๋งครั้งที่ 2


 


หลังจากที่เล่าปี่ไปเยือนโงลังกั๋งครั้งแรกแล้วไม่พบขงเบ้งเล่าปี่จึงส่ง spy ไปสืบข่าวขงเบ้ง ได้ความว่าบัดนี้ขงเบ้งกลับมาอยู่ที่บ้านแล้วเล่าปี่จึงจัดเตรียมของไปหาขงเบ้งอีกครั้ง


เตียวหุยเห็นเล่าปี่คิดแต่เรื่องขงเบ้งก็ขุนเคือง ว่ากล่าวขงเบ้งในทางที่ไม่ดีต่างๆนาๆ เตียวหุยจึงอาสาไปจับตัวขงเบ้งมาให้เล่าปี่ เล่าปี่ได้ยินเช่นนั้นก็โกรธดุเตียวหุย ความว่า "ตัวเจ้าและกวนอูแม้นไม่พอใจจะไปหาขงเบ้งก็จงอยู่รักษาเมืองซินเอี๋ยเถิด พี่จะไปเองคนเดียว"

ตื่นเช้ามากวนอูและเตียวหุยก็เตรียมตัวออกไปพร้อมเล่าปี่เช่นเคย ในช่วงนั้นเป็นฤดูหนาว เตียวหุยทนไม่ไหวจึงบ่นออกมาอีกครั้งว่า "ช่วงนี้ฤดูหนาว แม้นสงครามยังไม่มี ควรแล้วหรือที่ต้องไปคำนับขงเบ้งชาวบ้านนอก" เล่าปี่ได้ยินจึงว่า "ตัวเรานั้นมีความเพียรที่จะได้คนเก่งและคนดี หากตัวเจ้ากลัวความลำบากจงกลับไปเถิด" เตียวหุยเงียบความแล้วก็เดินทางไปด้วยเช่นเคย


เล่าปี่เดินทางผ่านโรงเตียม เห็นชาวบ้านคุยกันเป็นบทกวีที่โรงเตี๋ยมข้างทาง เล่าปี่จึงหยุดฟังว่าแล้วก็เข้าไปหาชาวบ้านกลุ่มนั้น เล่าปี่จึงถามว่า "พวกท่านผู้ใดคืออาจารย์ฮกหลง" ชาวบ้านจึงตอบว่า "พวกเรามิใช่อาจารย์ฮกหลง พวกเราเป็นเพื่อนของอาจารย์ฮกหลง" เล่าปี่ได้ยินเช่นนั้นก็ละอายลากลับไป

เล่าปี่เดินทางมาถึงบ้านขงเบ้ง เห็นเด็กน้อยคนใช้มารับที่หน้าประตู เล่าปี่จึงถามว่า "วันนี้อาจารย์ท่านอยู่บ้านหรือไม่?"

เด็กน้อยตอบว่า "อาจารย์ข้าพเจ้านอนอ่านหนังสืออยู่"



เล่าปี่ได้ฟังก็ดีใจจึงขอให้เด็กน้อยพาไปหา พอเล่าปี่มาถึงก็คิดว่าผู้ที่นอนอ่านหนังสืออยู่นั้นคือขงเบ้ง แท้จริงแล้วไม่ใช่ ชายผู้นั้นจึงตอบว่า "ตัวเราชื่อจูกัดจุ้น เรามีพี่น้องกันอยู่ 3 คนคนโตชื่อจูกัดกิ๋นตอนนี้ไปทำราชการกับซุนกวน ส่วนอีกคนชื่อจูกัดเหลียงตอนนี้ไม่อยู่ เพื่อนชวนออกไปเที่ยวเมื่อเช้านี้"

เล่าปี่ได้ยินก็เสียใจจึงเขียนหนังสือฝากไว้ให้แก่ขงเบ้ง พอเขียนเสร็จ เด็กน้อยคนใช้จึงร้องเสียงดังว่า "นั่นไงอาจารย์ผู้เฒ่ามานั่นแล้ว"


พอเล่าปี่ได้ยินก็ยินดีนึกว่าได้พบกับขงเบ้ง แท้จริงแล้วคนผู้นั้นคือ อุยสิง่าน ซึ่งเป็นพ่อตาของขงเบ้ง เล่าปี่ผิดหวังอีกครั้ง พอพูดคุยกันได้ชั่วครู่ เล่าปี่จึงลากลับไป




Thursday, July 5, 2012

#154 เล่าปี่เยือนโงลังกั๋งครั้งที่ 1


เข้าสู่หน้าหนาว เหล่าขุนพลต่างก็งดศึกเก็บตัวกัน แต่เล่าปี่ก็มุ่งมั่นเดินทางไปยังเทือกเขาโงลังกั๋งเพื่อไปเชิญอาจารย์ขงเบ้งปราชญ์ผู้พลิ๊กแผ่นดิน โดยมีกวนอูและเตียวหุยเดินทางไปด้วย



เล่าปี่เดินทางเข้าสู่งเทือกเขาโงลังกั๋ง เจอผู้คนร้องเพลงพื้นบ้าน ความหมายลึกซึ้งยิ่งนักสมกับเป็นดินแดนแห่งนักปราชญ์ เล่าปี่ได้ฟังชาวไร่ร้องเพลงอันมีความหมายจึงเดินเข้าไปถามว่าผู้ใดเป็นผู้แต่งเพลงนี้ ชาวไร่จึงตอบไปว่า อาจารย์ฮกหลงเป็นผู้แต่งเพลงนี้ขึ้น เล่าปี่ได้ยินก็เกิดความยินดียิ่งนัก



จากนั้นเล่าปี่จึงถามว่าบ้านอาจารย์ฮกหลงไปทางไหน ชาวไร่จึงบอกว่า "หน้าบ้านมีต้นไม้ใหญ่ บ้านเป็นกระท่อมดิน ประตูทำด้วยไม้ไผ่ หลังคามุงด้วยฟาง" เล่าปี่จึงเดินทางไปหาขงเบ้ง

บ้านขงเบ้งนั้น ภูมิฐานบ้านเรือนเห็นสะอาดสะอ้านชอบมาพากล แม้เทศกาลร้อนก็มิได้ร้อนเพราะลมพัดมาได้ เมื่อถึงฤดูฝนก็เป็นที่ร่มปิดหยาดฝนมิได้ถูกต้อง หน้าฤดูหนาวก็มิได้เย็นด้วยละอองน้ำค้าง สมควรเป็นที่อยู่ผู้มีสติปัญญาจริง

เล่าปี่เดินทางมาถึงบ้านขงเบ้งแล้ว ขงเบ้งอ่านหนังสืออยู่กระท่อมน้อย มองเห็นเล่าปี่มาเยือน ขงเบ้งจึงคิดว่า "เขาเล่าลืออยู่ว่าเล่าปี่มีสติปัญญา มีความเพียรเป็นอันมาก จริงเท็จประการใดยังมิรู้ ซึ่งเราจะไปอยู่ด้วยนั้นใหญ่หลวงนัก สำควรหรือไม่ต้องลองใจเล่าปี่เสียก่อน"


ขงเบ้งจึงสั่งให้เด็กน้อยรับใช้ไปตอนรับเล่าปี่และให้บอกไปว่าขงเบ้งไม่อยู่บ้าน เล่าปี่มาถึงได้พบเด็กน้อย เล่าปี่จึงแนะนำตัวให้เด็กน้อยได้ฟังความว่า

เล่าปี่ : "เราชื่อห้วนจงกุ๋นยี่เส่งเต็งเฮาเล่าปี่ เป็นเชื้อวงศ์ของพระเจ้าเหี้ยนเต้ จะมาคำนับอาจารย์ของท่าน"

เด็กน้อยได้ฟังดังนั้นก็ส่ายหน้า "ชื่อท่านนี้ยาวนัก ข้าพเจ้าฟังไม่ทันจำไม่ได้ ขอจงบอกชื่อแต่สั้น ๆ เถิด"

เล่าปี่ : "จงบอกอาจารย์ของท่านเถิดว่าข้าพเจ้าเล่าปี่มาคำนับ"

เด็กน้อย : "บัดนี้อาจารย์ข้าพเจ้าไม่อยู่ ไม่รู้ว่าเดินทางไปที่หนใด"

เล่าปี่ : "แล้วอาจารย์ของท่านจะกลับมาเมื่อใด"

เด็กน้อย : "ไม่แน่นอน บางทีก็ 1 วัน บางทีก็ 3 วัน บางทีก็ 5 วัน ซึ่งท่านอาจารย์ก็ไม่ได้บอกว่าจะกลับมาเมื่อใด"

เล่าปี่ได้ฟังก็เสียใจจึงขอลาไว้โอกาสหน้าจะมาใหม่ เล่าปี่จึงฝากบอกเด็กน้อยว่า "ตัวเราชื่อเล่าปี่เป็นเชื้อวงศ์พระเจ้าเหี้ยนเต้มาคำนับแต่ไม่พบ จะมาคำนับใหม่ในวันหน้า"


เล่าปี่เดินทางออกจากบ้านขงเบ้งได้ไม่นาน ก็เห็นชายผู้หนึ่งเดินมาดูท่าทางดีมีความรู้ เล่าปี่จึงเข้าไปทักแล้วก็คำนับชายผู้นั้น

เล่าปี่ : "ท่านนี้ชื่ออาจารย์ฮกหลง?"

ซุยเป๋ง : "ตัวเรานี้มิใช่อาจารย์ฮกหลง เราชื่อซุยเป๋งเป็นเพื่อนของขงเบ้ง แล้วท่านชื่ออะไรและกำลังจะเดินทางไปไหน?"

เล่าปี่ : "ข้าพเจ้าชื่อเล่าปี่ เป็นเชื้อวงศ์ของพระเจ้าเหี้ยนเต้ จะมาคำนับขงเบ้งแต่ไม่พบตัว กำลังจะกลับเป็นบุญที่ได้พบกับเพื่อนของอาจารย์ฮกหลง"

จากนั้นซุยเป๋งก็เชิญเล่าปี่ไปนั่งคุยกัน เล่าปี่จึงเล่าความทั้งปวงให้ซุยเป๋งฟัง ว่าบ้านเมืองตอนนี้เกิดจราจลขุนศึกแก่งแย่งชิงดีกันตั้งตัวเป็นใหญ่ เล่าปี่เองต้องการที่จะกอบกู้ราชวงศ์ฮั่นแต่ไร้ซึ่งปัญญาจึงได้มาเชิญขงเบ้งไปทำการด้วย

ซุยเป๋งได้ฟังจึงพูดว่า : "เป็นธรรมดาแห่งสรรพสิ่ง มีเกิดย่อมมีดับ ไม่มีใครยับยั้งได้ การจะฝืนกฎแห่งฟ้าดินเป็นการใหญ่หลวงนัก ซึ่งท่านมีความมุ่งมั่นปรารถนาแรงกล้าฉะนี้แล้ว ก็จงไปคิดอ่านกับขงเบ้งเถิด"

เล่าปี่ : "ซึ่งท่านได้แนะนำนั้นเป็นคุณยิ่งนัก แต่ตัวข้าพเจ้านั้นมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือ ขอให้ท่านช่วยแนะนำให้ข้าพเจ้าได้พบขงเบ้งด้วยเถิด"

ซุยเป๋ง : "ตัวข้าพเจ้าเองก็กำลังจะไปหาขงเบ้ง แต่เมื่อท่านไปแล้วไม่พบข้าพเจ้าก็คงกลับเช่นกัน"

เล่าปี่ : "ท่านกรุณาไปทำการกับเราด้วยเถิด"

ซุยเป๋ง : "เราเป็นคนชาวป่า ทำไร่ไถนา ตามประสาชาวบ้าน ปรารถนาแต่ความสุขสบายส่วนตัว ไม่ต้องการตำแหน่งใดๆ ขอบใจท่านที่มีน้ำใจชักชวน"

ว่าแล้วซุยเป๋งและเล่าปี่ก็เดินทางแยกย้ายกันกลับ




Monday, July 2, 2012

#153 ความไม่เฉลียวของชีซี


โจโฉรู้ว่าชีซีมาหาก็ยินดีให้ ซุนฮกและเทียหยกออกไปรับ โจโฉได้พบกับชีซีจึงพูดว่า "ท่านเป็นคนมีสติปัญญา ไม่น่าที่จะไปทำการกับเล่าปี่เลย"

ชีซีจึงตอบไปว่า "ข้าพเจ้าไปทำการกับเล่าปี่เพราะหนีอาญาแผ่นดิน บัดนี้ข้าพได้มาอยู่ที่นี่เพราะประสงค์เดียวคือแสดงความกตัญญูต่อมารดา" จากนั้นชีซีก็ลาโจโฉกลับไปหาแม่

แม่ของชีซีเห็นชีซีมาหาก็ประหลาดใจจึงถามชีซีว่า "เจ้ามาที่นี่ทำไม?"


ชีซีจึงตอบแม่ไปว่าได้รับจดหมายที่เป็นลายมือแม่ กลัวแม่เป็นทุกข์และเกิดอันตรายจึงรีบมาเจ้าด้วยโจโฉ

แม่ของชีซีได้ยินเช่นนั้นก็โกรธด่าชีซีว่า "ไอ้ลูกจัญไร กูสอนมึงตั้งแต่เด็ก โตมาก็ได้ศึกษาเล่าเรียน มีความรู้มีสติปัญญา คิดว่ามึงจะฉลาดรู้ทันคน ที่แท้มึงก็โง่สิ้นดี มิรู้จักแยกแยะความจงรักภัคดีกับความกตัญญูให้ออก กูเจ็บแค้นยิ่งนักที่มีลูกโง่ มึงทำลายชื่อเสียงของบรรบุรุษเสียหมด"


ชีซีได้ฟังก็นั่งอึ้งสำนึกผิดแล้วก็เดินออกจากห้องไป ชีซีออกจากห้องไปได้ไม่นานสาวใช้ก็รีบมารายงานว่าแม่ของชีซีผูกคอตาย ชีซีร้องไห้เสียใจยิ่งนัก


โจโฉรู้ข่าวจึงนำสิ่งของมาช่วยทำพิํธีศพและนำข้าวของต่างๆมาซื้อใจชีซี แต่ชีซีก็มิได้รับอะไรจากโจโฉ ชีซีมาอยู่ด้วยกับโจโฉ แต่จิตใจของชีซีนั้นแตกสิ้นเสียแล้วที่ตัวเองทำให้แม่ผิดหวัง ชีซีได้มาทำงานกับโจโฉก็จริงแต่ก็มิได้สร้างผลงานหรือออกความคิดเห็นให้โจโฉเลยแม้แต่น้อย ชีซีทำงานกับโจโฉก็เพียงเพราะเฝ้าหลุมศพมารดาเท่านั้นเอง..


วิเคราะห์
เมื่อตอนสองตอนที่แล้วผู้อ่านคงจะเห็นว่าชีซีนั้นเทพเหลือเกิน จัดทัพคนน้อยสู้คนเยอะกับโจหยินได้ แม้กระทั่งทำลายค่ายกลพายุหะของโจหยินได้ จนโจหยินถึงกลับต้องหนีกลัวเมืองหลวง เรามึงจะเห็นว่าชีซีนั้นมีสติปัญญาเป็นอันมาก แต่เมื่อผู้มีสติปัญญาที่มีความฉลาดบางครั้งก็ขาดความเฉลี่ยวไม่ได้ไตร่ตรองเสียให้ดี ก็มักจะพลาดได้




Saturday, June 30, 2012

#152 เล่าปี่พบสุมาเต๊กโชครั้งที่ 2



เช้าวันรุ่งขึ้นสุมาเต็กโชมาเยือนหาเล่าปี่ สุมาเต๊กโชจึงว่า "มาครั้งนี้เนื่องเพราะได้ยินกิตติศัพท์ว่าชีซีมาอยู่รับราชการด้วยท่านแล้ว มีใจคิดถึงจึงมาเยี่ยม" เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นจึงว่าบัดนี้ชีซีได้เดินทางไปเมืองฮูโต๋แล้ว และได้เล่าความแต่หนหลังให้สุมาเต๊กโชฟังทุกประการ

สุมาเต๊กโชได้ฟังก็พูดว่า "ชีซีมั่นอยู่แต่ความกตัญญู ความคิดแลสติปัญญาจึงถูกบดบัง ไม่เฉลียวใจถึงกลของโจโฉ อันมารดาชีซีนี้มีความซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินและพระราชวงศ์ฮั่นนัก จึงต้องการให้ชีซีรับใช้ข้าราชวงศ์ฮั่น มารดาชีซีนี้ถึงมาตรแม้นว่าโจโฉจะจับกุมลงทัณฑ์ทรมานสักปานใด คงไม่ยินยอมพร้อมใจเรียกชีซีให้ไปทำราชการด้วยโจโฉ คงจะอดทนแม้สาหัสนักก็คงยอมตายเฉพาะตัว การที่มีจดหมายของมารดาชีซีมาครั้งนี้คงเป็นอุบายปลอมจดหมายของโจโฉ ชีซีไปเมืองฮูโต๋ครั้งนี้จึงเท่ากับเป็นการฆ่ามารดาของตัวเอง"

เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ รีบถามขึ้นว่า "ไฉนท่านจึงคาดการณ์ดั่งนี้"

สุมาเต๊กโชจึงว่า "เมื่อเห็นบุตรเสียทีแก่ความคิดของโจโฉย่อมเป็นที่ขัดเคืองใจและได้รับความอัปยศนัก คงจะฆ่าตัวตายเสียเป็นแน่"

เล่าปี่ได้ฟังก็รู้สึกสลดใจ เล่าปี่กล่าวต่อไปว่า "ก่อนที่ชีซีจะจากไปได้แนะนำให้ข้าพเจ้าไปเชิญขงเบ้งมาทำราชการด้วย อันขงเบ้งผู้นี้คือคนที่ชื่อฮกหลงซึ่งท่านได้เคยบอกเล่าแก่ข้าพเจ้าใช่หรือไม่?"

สุมาเต๊กโชจึงว่า "จูกัดเหลียง-ขงเบ้งก็คือฮกหลง คนเดียวกับที่ข้าพเจ้าได้บอกกล่าวแก่ท่าน คนผู้นี้รุ่นราวคราวเดียวกับชีซี บังทอง และยังคบหาเพื่อนสนิทอีกสองคน ล้วนมีสติปัญญาเป็นอันมาก"


จากนั้นสุมาเต๊กโชก็แหงนมองฟ้าแล้วรำพึงว่า "ชีซีเอ๋ย ตัวเจ้าจะจากไปไฉนจึงไม่ไปแต่ตัว จะให้ขงเบ้งได้ความระกำใจ รากโลหิตออกเมื่อภายหลังนี้หาควรไม่"

เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็ประหลาดใจจึงถามไปว่า "เหตุใดท่านถึงกล่าวความดังนี้"

สุมาเต๊กโชจึงแจ้งว่า "เราเห็นขงเบ้งจะมาอยู่ทำราชการด้วยท่านนี้เป็นการใหญ่หลวงนัก ต้องคิดอ่านตลอดเวลา อันขงเบ้งมีสติปัญญาเป็นอันมากเหมือนกับขวัญต๋ง งักเย"


กวนอูได้ฟังก็ไม่ค่อยเข้าหูคิดว่าสุมาเต๊กโชนั้นโม้เกินจริง หลังจากที่สุมาเต๊กโชคุยกับเล่าปี่ได้ไม่นานจึงขอลากลับ พอเดินออกมาถึงประตูจวน สุมาเต๊กโชก็เงยหน้าขึ้นมองฟ้า หัวเราะแล้วว่า "ฮกหลงจะได้นายบัดนี้ก็สมควรอยู่ แต่เราคิดเสียดายด้วยเป็นคนอาภัพหาบุญยิ่งนัก"