โจโฉทำศึกกับเล่าปี่ที่เขาเตงกุนสัน โจโฉพ่ายแพ้กลับมา กองทัพโจเจียง ผู้ซึ่งเป็นบุตรคนที่สองของโจโฉ ได้ยกทัพมาช่วยโจโฉ ทันทีที่โจโฉเห็นโจเจียงก็อุทานขึ้นมาว่า "เจ้าหนวดเหลืองบุตรเรามาถึงแล้ว การซึ่งจะสู้รบกับเล่าปี่เห็นจะไม่เป็นไรนัก"
โจเจียงผู้นี้เป็นคนที่มีฝีมือการรบมาที่สุดในบรรดาบุตรทั้งสี่ของโจโฉ ชอบขี่ม้า ยิงธนู มีฝีมือกล้าแกร่ง โจโฉเห็นเช่นนั้นจึงสอนบุตรคนนี้ไปว่า
โจโฉ : "เจ้าไม่สนใจอ่านหนังสือ เอาแต่ขี่ม้ายิงเกาทัณฑ์ อันฝีมืออาวุธนั้น แม้จะฝึกปรือจนแข็งกล้าสักปานไหน ก็เอาชนะคนได้เพียงสิบคน ยี่สิบคน หรือร้อยคน ไม่อาจบัญชาคนเรือนแสนเรือนล้านได้ ไม่อาจครองใจอาณาประชาราษฎรทั้งปวงได้ หากแม้นคิดจะสร้างชื่อลือชาให้ปรากฏก็จำต้องศึกษาศิลปศาสตร์ การปกครอง และพิชัยสงคราม แต่ถ้าคิดจะเป็นเพียงทหารมีฝีมือก็จงฝึกปรือเกาทัณฑ์หอกทวนต่อไปเถิด"
(ถอดบทความมาจากสามก๊กฉบับแปลใหม่ และ สามก๊กฉบับคนขายชาติ)
โจเจียง : "อันเกิดเป็นชายชาตทหารนั้น ควรเอาตัวอย่างเว่ยชิงกับคว้อชี่ปิง (ยอดขุนพลในสมัยพระเจ้าฮั่นบู๊เต้) สามารถคุมพลนับแสน วิชาต่อสู้สำหรับตัวลูกผู้ชายก็ต้องหมายศึกษาให้แกร่งกล้าเสมอกัน จึงจะนำคนทั้งปวงให้ยำเกรงได้"
นี่ก็เป็นอีกตอนที่มีบรรยากาศพ่อสอนลูกในวรรณกรรมสามก๊ก ซึ่งบรรยากาศแบบนี้ก็มักจะเห็นที่ตัวละครของโจโฉและสุมาอี้ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องการสอนลูก
อย่าลืมว่าลูกคือชีวิตนึงที่ไม่ใช่ชีวิตเรา ลูกก็มีทางของเขา มีความฝันของเขา มีความชอบของเขา อย่าเลี้ยงลูกด้วยปมของตัวเอง ผู้เป็นพ่อเป็นแม่นั้นเป็นเพียงผู้เสนอแนะแนวทาง คอยสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ คอยส่งเสริมในส่งที่เขารัก พ่อแม่หลายคนแนะนำแต่สิ่งดีๆให้ลูก แต่ไม่เคยถามว่าลูกอยากได้ไหม จริงอยู่ที่ว่าพ่อแม่คือครูของลูก แต่ครูที่ดีที่สุดนั้นก็คือ "ตัวลูกเอง"