ฝ่ายเจียวก้านหลังจากที่เคยอาสาโจโฉไปกล่อมจิวยี่ไม่สำเร็จ คราวนี้เจียวก้านขออาสาโจโฉไปกล่อมจิวยี่อีกทั้งเพื่อสร้างผลงานให้ตนเอง โจโฉเห็นเจียวก้านขยันก็ยินดี
ตัวละคร ฮองซู-บังทอง กำลังปรากฎตัวขึ้น บังทองผู้นี้อยู่เมืองซงหยง เป็นสุดยอดกุนซือที่แฝงกายอยู่เทือกเขาโงลังกั๋ง เป็นเพื่อนก๊วนเดียวกับขงเบ้งและชีซี สุมาเต๊กโชเคยกล่าวไว้ว่า
"ผู้ใดได้ฮกหลง หรือ ฮองซู ผู้ใดผู้หนึ่ง ไปเป็นกุนซือ ก็จะสามารถรวบรวมแผ่นดินไว้ได้" หลังจากที่โจโฉยกทัพเข้าเมืองเกงจิ๋ว บังทองจึงมาลี้ภัยที่เมืองกังตั๋ง หลังจากบังทองมาถึงเมืองกังตั๋งก็ได้พบกับโลซก โลซกรู้ว่าบังทองมีสติปัญญาจึงพาไปหาจิวยี่ แต่จิวยี่รู้ว่าบังทองเป็นเพื่อนกับขงเบ้ง จึงยังมิอยากรับเข้าไปทำงานด้วย เนื่องด้วยจิวยี่กลัวว่าบังทองจะช่วยขงเบ้ง จึงพูดปัดๆไปว่า ไว้เสร็จศึกกับโจโฉจะพิจารณาภายหลัง
แต่บังทองก็ยังอาศัยอยู่ในเมืองกังตั๋ง จิวยี่ โลซกได้ปรึกษาแผนการที่จะเผาทัพเรือโจโฉ บังทองจึงขออาสาทำอุบายเพื่อที่จะผูกมัดเรือโจโฉ ครั้นจิวยี่รู้ว่าเจียวก้านมาพบจึงสั่งให้ ทหารนำบังทองไปพักที่เรือรับรองแล้วจะทำแผนให้เจียวก้านไปพบกับบังทอง
เมื่อเจียวก้านมาถึงจิวยี่จึงต่อว่าเจียวก้านที่ครั้งที่แล้วแอบหนีไปโดยมิได้ลา แอบยังแอบเอาจดหมายลับไปแจ้งกับโจโฉจนโจโฉต้องประหารชัวมอเตียวอุ๋น ว่าแล้วจิวยี่จึงต่อว่าต่างๆนาๆ หาว่าเจียวก้านจะมากล่อมให้ยอมแพ้แก่โจโฉ จากนั้นจิวยี่จึงสั่งให้ทหารนำตัวเจียวก้านไปกังบริเวณ
เจียวก้านถูกกักบริเวณนอนไม่หลับจึงออกมาเดินเล่น ไปพบกับชายผู้หนึ่งได้ท่องบทความปรัชญาอันทรงความรู้ คนผู้นั้นคือบังทอง เจียวก้านรู้ชื่อเสียงบังทองจึงได้พูดคุย
บังทองจึงว่าเราไม่พอใจจิวยี่ที่ใช้อำนาจ บึงทองจึงว่าต้องการที่จะหานายดี เจียวก้านได้ยินจึงอาสาพาบังทองไปรับราชการกับโจโฉ บังทองเห็นเป็นไปตามแผนก็ดีใจ ทางฝ่ายเจียวก้านหารู้ไม่ว่าตนเองนั้นโดนอุบายของบังทองเข้าเสียแล้ว
ครั้งเจียวก้านพาบังทองไปพบโจโฉ โจโฉได้ยินชื่อเสียงบังทองก็ยินดีแม้นจะยังไม่เคยเจอบังทองมาก่อนก็ตาม โจโฉชื่นชมคนดีมีความสามารถ เจียวก้านเห็นโจโฉยินดีเช่นนั้นก็คิดว่าเป็นผลงานของตนก็อมยิ้ม
บังทองจึงว่า : "เราได้ยินชื่อเสียงท่านมหาอุปราชว่ารอบรู้ในพิชัยสงคราม ข้าพเจ้าอยากจะขอดูการจัดทัพของท่านเสียหน่อย"
ว่าแล้วโจโฉก็พาบังทองขี่มาดูค่ายและกองทัพเรือ เมื่อบังทองไปดูค่ายโจโฉก็ช่วยวิจารณ์กองทัพโจโฉต่างๆนาๆ โจโฉได้ฟังก็เห็นว่าบังทองนี้ช่างรอบรู้ไปเสียจริง
บังทอง : "ท่านมหาอุปราชจัดแจงตั้งขบวนทัพบก ทัพเรือนี้ถูกต้องยิ่งนัก สมกับคำเลื่องลือ อันจิวยี่ครั้งนี้เห็นจะตายอยู่ในเงื้อมมือมหาอุปราชเป็นแน่แท้"
โจโฉได้ฟังก็หลงระเริงกับคำหวานที่บังทองใช้จนบดบังสติปัญญาทั้งหมด ซึ่งเป็นจุดอ่อนสำคัญของโจโฉ เดิมทีโจโฉนั้นเป็นคนขี้ระแวงสงสัย แต่เมื่อมีคนเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ มีความรู้สติปัญญาถ่อนตน เหล่านี้จะทำให้โจโฉหลงเชื่อได้โดยง่าย
จากนั้นโจโฉจึงเชิญบังทองไปดิ่มสุราในค่ายพร้อมทั้งปรึกษาการสงคราม บังทองจึงเริ่มต้นอุบายนะบัดนั้น
บังทอง : "ท่านยกทัพมาครั้งนี้ มีหมอมาด้วยหรือไม่? เนื่องจากว่าการยกทัพมาครั้งนี้ทหารของท่านเป็นชาวดอนไม่ชินต่อสภาพอากาศย่อมอาจเกิดเจ็บป่วยเป็นได้"
โจโฉ : "เป็นอย่างที่ท่านบอก ทหารของเราเจ็บป่วยเมาคลื่นเรือเป็นอันมาก หมอที่มีก็น้อย รักษาได้ไม่ทั่วถึง"
บังทอง : "เราเห็นท่านจัดทัพได้ดี แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่ท่านยังมิได้ทำ ทหารเรือรบของท่านเป็นชาวป่าชาวดอนไม่สันทัดการทะเล ทหารทั้งปวงก็จะเมาคลื่น เรือรบโคลงเคลง ท่านจงทำตะขอผูกโซ่กัลเรือทุกๆลำ เท่านี้เมือท่านก็จะไม่โคลงเคลง เรือผูกติดกันเป็นแผ่นดินเสมอดั่งรบบนดอน"
โจโฉได้ฟังเช่นนั้นก็ชื่นชมความคิดบังทองเป็นอันมากแล้วสั่งให้อิกิ๋มดำเนินการทำตามความคิดของบังทอง จากนั้นบังทองจึงขออาสาจิวยี่เพื่อไปเกลี้ยกล่อมเหล่าทหารของจิวยี่ให้มาเข้าด้วยโจโฉ โจโฉได้ฟังก็ยินดี
โจโฉ : "เมื่อกลับวังหลวงเราจะทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ให้รางวัลแก่ท่าน"
บังทอง : "เรามิต้องการรางวัลสิ่งใด ต้องการเห็นแค่ประชาชนเมืองกังตั๋งปลอดภัย หากท่านยึดเมืองกังตั๋งได้ อย่าได้ทำร้ายประชาชน"
โจโฉเห็นความเด็ดเดี่ยวของบังทองที่มิต้องการลาภยศชื่อเสียงใดๆก็ยิ่งหลงเชื่อ จากนั้นบังทองก็ขอตัวกลับไปยังเมืองกังตั๋งไปเก็บข้าวของมาอยู่กับโจโฉหลังเสร็จศึก
-->