จากนั้นโจโฉจึงวางทัพบกได้ดังนี้ ให้ลิกองเป็นทัพหน้า ให้ลิเตียนเป็นปีกขวา ให้งักจิ้นเป็นปีกซ้าย ให้ซิหลงเป็นทัพหลัง และให้แฮหัวเอี๋ยนเป็นทัพหลวง ให้แฮหัวตุ้นและโจหองเป็นทัพหนุน ให้เตียวเลี้ยวกับเคาทูเป็นทัพ free คอยช่วยเหลือ
โจโฉจัดทัพจึงเคลื่อนทัพ ลมแรงพัดจากทิศของทัพโจโฉเข้าสู่ท่าน้ำของจิวยี่ เรือของโจโฉจำนวนมากผูกติดกันตามแผนของบังทอง ทหารของโจโฉก็มิได้เมาเรือแถมยังรบพุ่งได้ถนัด โจโฉจึงสรรเสริญบังทองเป็นอันมาก
เทียหยกเห็นเรือจำนวนมากผูกกันอยู่จึงเสนอความเห็นกับโจโฉว่า
เทียหยก : "หากข้าศึกโจมตีเราด้วยไฟ ทับเราจะแย่ จึงขอให้ท่านโจโฉโปรดระวัง"
โจโฉได้ยินจึงหัวเราะ ซุนฮิวเห็นจึงแปลกใจถามโจโฉกลับไปว่า
ซุนฮิว : "ความเห็นของเทียหยกนั้นมีเหตุผล เหตุใดท่านจึงหัวเราะ"
โจโฉจึงให้เทียหยกไปยืนในทิศของกังตั๋งแล้วโจโฉยืนอยู่ในทิศของเมืองเกงจิ๋ว จากนั้นจึงจุดไฟ ปรากฎว่าไฟนั้นถูกลมพัดจากฝั่งโจโฉไปฝั่งของเทียหยก จึงเปรียบให้เห็นว่า หากจิวยี่ให้ไฟเผาของทัพเมืองหลวง ไฟก็จะกลับไปไหม้ทัพเมืองกังตั๋งเอง โจโฉจึงแจงต่อทหารทุกคนไปว่า
โจโฉ : "ช่วงเทศกาลเดือน 12 อันอาจมีลมสลาตันหลงฤดูมาบ้าง ฝ่ายเราย่อมต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ แต่ฤดูกาลนี้ไม่มีลมสลาตัน ฉะนั้นท่านทั้งปวงอย่าได้ห่วงเลย"
บรรดาทหารจึงสรรเสริญในความรู้ความสามารถของโจโฉ โจโฉนั้นก็มีสติปัญหา มีเหตุมีผล แต่ยังมิลึกซึ้งเท่ากับขงเบ้งที่รู้ว่าจะมีลมสลาตันตีกลับทำให้ทัพโจโฉต้องปราชัย
ส่วนเทียหยกและซุนฮิวก็เกรงกลัวว่าจะมีลมสลาตันหลงฤดูแต่ก็มิกล้าที่จะเตือนโจโฉอีกเพราะเกรงว่าจะเป็นเหมือนดั่งเล่าฮกที่พูดมิถูกที่ถูกเวลาจึงได้สิ้นชีวิตลง เทียหยกและซุนฮิวจึงพากันนิ่งเงียบ
-->