Monday, December 17, 2012

#185 ขงเบ้งพบซุนกวน




เมื่อขงเบ้งเข้ามายังห้องว่าราชการ ในขณะที่กำลังรอซุนกวน โลซกก็เตือนขงเบ้งเป็นครั้งที่ 3 ความว่า "ท่านอย่าลืมเรื่องที่เราตกลงกันไว้เกี่ยวกับกองทัพโจโฉ ห้ามบอกว่ากองทัพของโจโฉมีจำนวนมากเป็นอันขาด" ขงเบ้งได้ฟังก็ทำทีพยักหน้ารับคำ


หลังจากนั้นซุนกวนก็เดินเข้ามาทุกคนต่างก็คำนับ ขงเบ้งเห็นซุนกวน มีนัยน์ตาดุจเพชร หนวดสีแสด ท่าทางองอาจสง่าผ่าเผยเป็นอย่างยิ่ง เห็นทีต้องพูดยั่วยุให้ซุนกวนโกรธน่าจะเป็นผลกว่าการพูดจาด้วยดีๆ หลังจากทักทายกันอย่างหอมปากหอมคอเสร็จแล้ว ซุนกวนผู้มีเมืองกังตั๋งเป็นเดิมพันครั้งนี้ร้อนอยู่กว่าขงเบ้ง ซุนกวนจึงรุกถามขงเบ้ง


ซุนกวน : "เราได้ยินชื่อเสียงของท่านอีกทั้งโลซกยังยกย่องท่าน โปรดขอให้ท่านได้ชี้แนะด้วย"

ขงเบ้ง : "ตัวเรานั้นมีสติปัญญาอันน้อยนิด มิกล้าชี้แนะท่านผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองกังตั๋งได้"

ซุนกวน : "เมื่อครั้นอยู่เมืองซินเอี๋ย ท่านได้สู้รบกับโจโฉหลายครั้ง ได้เผาทัพของโจโฉถึง 2 ครั้ง และยังไขน้ำแปะโหทำลายทัพโจโฉอันมากมาย ความสามารถของนั้นนี้ก็รู้อยู่แก่ใจ"

เป้าหมายของซุนกวนต้องการรู้ความลึกหนาบางของทัพของโจโฉแต่ขงเบ้งก็พยายมบ่ายเบี่ยงตอบไม่ตรงประเด็น

ขงเบ้ง : "ข้าพเจ้าทำศึกเช่นนั้นก็จริง แต่เมืองซินเอี๋ยนั้นเล็ก ทหารน้อย เสบียงน้อย คนน้อยไหนเลยจะสู้คนมากได้"

ซุนกวนก็ยังไม่รู้อีกว่าทหารของโจโฉนั้นมีมากน้อยเพียงใด อดใจไม่ไหวจึงถามขงเบ้งไปตรงๆ

ซุนกวน : "อันธรรมดาการสงครามน้อยแพ้มากเป็นเรื่องปรกติ แต่ข้าพเจ้าต้องการรู้ว่า ทหารของโจโฉนั้นมีมากน้อยเพียงใด"

ขงเบ้งได้โอกาสรุกเต็มที่จึงใส่เข้าไปเต็มๆโดยไม่สนใจเรื่องที่โลซกเตือนว่าห้ามพูดว่าทหารของโจโฉนั้นมีมาก

ขงเบ้ง : "ทหารโจโฉยกทัพมาทั้งทางบก ทางเรือ ทางอากาศเอ้ยไม่มี!! มีประมาณร้อยหมื่นเศษ!!!!"

โลซกได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจ จ้องหน้าขงเบ้งแต่ขงเบ้งเบือนหน้าหนีทำทีมองไม่เห็น ซุนกวนได้ยินเช่นนั้นก็รักษาอาการของความเป็น leader ไว้ได้แต่นิ่งไว้

ซุนกวน : "ไม่จริงหรอกมั้ง กองทัพของโจโฉมีมากขนาดเชียวเหรอ"

ขงเบ้ง : "จำนวนที่ข้าพเจ้าได้บอกท่านไปนั้นจะว่าไม่จริงก็หามิได้ โจโฉได้เมืองเฉงจิ๋ว เมืองกุนจิ๋ว มีทหารอยู่อยู่ 20 หมื่น รบชนะอ้วนเสี้ยวได้ทหารอ้วนเสี้ยวเมืองกิจิ๋วไว้อีก 60 หมื่น กลับมาเมืองฮูโต๋เกณทหารได้อีก 40 หมื่น ต่อมายึดเมืองเกงจิ๋วได้อีกมีทหารเพิ่มอีก 30 หมื่น รวมทั้งหมดได้ 150 หมื่น แต่ข้าพเจ้าบอกแค่เพียง 100 หมื่น ทั้งนี้เพื่อที่จะเอาใจชาวเมืองกังตั๋ง "

โลซกยิ่งฟังยิ่งตกใจโดยหวังว่าขงเบ้งจะพูดให้น้อยลงแต่ครั้งนี้ ยิ่งพูดยิ่งมาก ทำให้ทุกคนต่างก็ตกตะลึง ซุนกวนเองก็ตะลึงแต่ก็ยังรักษาฟอร์มผู้นำไว้อยู่ จากนั้นรุกถามข้อมูลจากขงเบ้งต่อไปว่า

ซุนกวน : "ทหารเอกของโจโฉที่มีฝีมือมีมากน้อยเพียงใด"

ขงเบ้ง : "ทหารเอกของโจโฉมีไม่น้อยกว่า 2000 คน"

ซุุนกวน : "เมื่อโจโฉยึดเมืองเกงจิ๋วได้ โจโฉจะทำอย่างไรต่อ"

ขงเบ้ง : "แน่นอน โจโฉยกทัพใหญ่มาเพียงนี้มิได้หวังแค่เมืองเกงจิ๋วแน่นอน บัดนี้โจโฉกำลังเตรียมทัพเรือเพื่อมายึดดินแดนกังตั๋งแน่นอน หมอลักษณ์ฟังธง"

ซุนกวนตกใจพร้อมกับขำมุกของขงเบ้ง แต่ก็ยังนิ่งรักษา image ของตนไว้และถามขงเบ้งกลับไปว่า

ซุนกวน : "โจโฉยกทัพมาครั้งนี้ จะสู้หรือยอมแพ้ดี"

ใจขงเบ้งเองต้องการที่จะเสนอให้ซุนกวนรบกับโจโฉแต่เพื่อไม่ต้องการเปิดเผยเป้าหมายของตนจึงพูดเชิงปัดๆไปว่า

ขงเบ้ง : "ข้าพเจ้าเป็นแค่แขก มิกล้าที่จะแนะนำ แต่หากจะเสนอไปก็เกรงว่าท่านจะระแวงแคลงใจ"

ขงเบ้งไม่ยอทซัดไปตรงๆ โดยวางค่ายกลให้ซุนกวนผู้ร้อนรนยิ่งอยากรู้เพิ่มขึ้นไปอีกมากกว่าเดิม

ซุนกวน : "ถึงแม้ว่าท่านจะเป็นแขก ข้าพเจ้าเห็นว่าท่านนั้นมีสติปัญญา มีความเห็นอย่างตรงไปตรงมาตามความเป็นจริง หากท่านว่าอย่างไรตัวเราก็เห็นอย่างนั้น"

ซุนกวนเปิดทางแถมยังทอดสะพานแบบนี้มาอีก หากเป็นทูตคนอื่นคงจะแนะนำให้ซุนกวนร่วมมือกับเล่าปี่แล้วเป็นแน่แท้ แต่หากขงเบ้งพูดเช่นนั้นไปก็จะเป็นกระเปิดเผยเจตนาออกไปจะเสียเชิงเอา ขงเบ้งจึงรุกด้วยการยั่วยุต่อไป

ขงเบ้ง : "อันโจโฉ เล่าปี่ และซุนเซ็กบิดาของท่าน ก็ได้ตั้งตัวมาพร้อมๆกัน โจโฉนั้นมีความเพียรและความสามารถจึงสามารถยึดดินแดน 2 ใน 3 ไว้ได้ ถ้าเห็นว่ากำลังของตนเองพอจะสู้โจโฉได้ก็ควรสู้ แต่ถ้าเห็นว่าสู้ไม่ได้ก็ควรเชื่อฟังเหล่าที่ปรึกษายอมแพ้แก่โจโฉเสียเถิด"

ขงเบ้งตอบไปแบ่งรับแบ่งสู้ กลางๆไปเพื่อโยนการตัดสินไปกลับไปยังซุนกวน โดยลูกล่อของขงเบ้งนั้น มิได้พูด โจโฉและซุนเซ็ก เพียง 2 คน แต่มีตัวละครเพิ่มขึ้นในประโยคนั่นคือ "เล่าปี่" เพียงเพื่อจะยกเพื่อเปรียบเทียบในประโยคต่อไป ขงเบ้งดูท่าทีซุนกวน ซุนกวนก็เงียบไม่ยอมเผยท่าที ขงเบ้งจึงสุมไฟอีกครั้ง

ขงเบ้ง : "อันฝ่ายที่ปรึกษาของท่านเห็นว่าควรที่จะยอมแพ้แก่โจโฉ ส่วนเหล่าขุนพลของท่านไม่ยอมแพ้และขอสู้ตายเพื่อบ้านเมือง หากท่านไม่ยอมตัดสินใจภัยไกล้มาถึงตัวโดยมิรู้ตัว"

ซุนกวน : "เป็นจริงอย่างที่ท่านกล่าว ว่าข้าพเจ้ายังลังเลว่าจะเลือกข้างไหน แต่ทำไมเล่าปี่นายท่านถึงไม่ยอมแพ้"

แล้วมันก็เป็นไปตามที่ขงเบ้งขาดหมายเข้าล็อกตามแผนที่ขงเบ้งวางไว้ ขงเบ้งจึงปล่อยขอไปเต็มที่

ขงเบ้ง : "อันเล่าปี่นายเรานั้นเป็นถึงพระเจ้าอาเชื้อสายพระเจ้าเหี้ยนเต้ มีสติปัญญาก็พอประมาณ ถึงแม้นจะสู้โจโฉมิได้ก็ไม่มีทางไปอ่อนน้อมแก่โจโฉเป็นอันขาด เกรงว่าจะเป็นที่ติเตียนขายขี้หน้าประชาชี"

ซุนกวนได้ฟังเช่นนั้นก็เข้าใจว่าขงเบ้งพยายามตำหนิซุนกวนทางอ้อมว่าสู้เล่าปี่ก็ไม่ได้ ซุนกวนโกรธสุดขีดแต่ก็รักษาอาการของความเป็นผู้นำ สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินกลับเข้าไปข้างหลัง ฝ่ายขุนนางเห็นไม่เข้าใจอุบายของขงเบ้งก็พากันหัวเราะเยอะเย้อขงเบ้ง โลซกเห็นายของตัวเองโกรธจึงตำหนิขงเบ้ง ขงเบ้งเห็นโลซกโกรธก็หัวเราะแล้วตอบโลซกว่า

ขงเบ้ง : "อันที่เรากล่าวความทั้งนี้ก็เพื่อลองใจซุนกวนนายของท่าน หากซุนกวนนายของท่านมิรู้ดีรู้ชอบ การข้างหน้าก็คงจะไปไม่รอด เห็นซุนกวนนายของท่านโกรธแบบนั้นตัวเราก็จนใจ อันอุบายที่จะกำจัดโจโฉนั้นเราก็คิดไว้อยู่แล้ว ซุนกวนนายท่านไม่ถามเรา เราก็มิกล้าจะบอก"

ขงเบ้งหลอกลวงให้ซุนกวนโกรธจนหนีเข้าไปในถ้ำไปแล้ว ตอนนี้ขงเบ้งกำลังหลอกซุนกวนออกมาจากถ้ำอีกครั้ง เพื่อที่จะบอกให้ซุนกวนว่ากองทัพโจโฉมันมีมากนะ ให้จับมือกับเล่าปี่สู้โจโฉดีกว่า แต่ขงเบ้งจะไม่ยอมเป็นฝ่ายขอร้อง ขงเบ้งต้องการให้ฝ่ายซุนกวนนั้นเป็นฝ่ายขอร้อง หากเป็นเช่นนั้นฝ่ายเล่าปี่ก็มิได้มีศักดิ์เป็นผู้อาศัยอีกต่อไป



Friday, December 14, 2012

#184 ขงเบ้ง vs เทียตก


เทียตกจึงรีบสวนขึ้นมาว่า

เทียตก : "ความอันขงเบ้งท่านเจรจาช่างวางกล้ามใหญ่โตยิ่งนัก ข้าพเจ้าเกรงว่าเวลาทำเข้าจริงจะไม่เหมือนดังที่ปากว่า ถึงแม้ข้าจะเป็นผู้น้อย เอาการงานอันใดมิได้ก็จะพลอยหัวเราะเยาะเอาได้"

เทียตกโจมตีขงเบ้งด้วยคำโบราณขงเบ้งจึงอ้างคำโบราณมาแก้ต่าง

ขงเบ้ง : "อันลักษณะคนเอาการมิได้นั้นมีสองประการ 1 คือเอาการไม่ได้มีความมานะสนองคุณเจ้า เจียมตัว ถึงว่าดี ส่วนเอาการไม่ได้ประการ 2 คือ พูดจาโจกเจกเล่นไปวันๆหาแก่นสาร ทำอะไรไม่เป็นซักอันคนพวกนี้ถือว่าชั่วนัก ซึ่งท่านจะเก็บเอาคำคนโบราณมาเจรจาด้วยเรานั้นจะประโยชน์อันใด"

โลซกเห็นเหล่าขุนนางที่ปรึกษาต่างก็โต้เถียงกับขงเบ้งกลัวว่าจะไปกันใหญ่ โลซกจึงออกมาหาคนมาช่วย ทันใดนั้นได้ไปเจอกับ อุยกาย แม่ทัพใหญ่คนเก่าคนแก่ คนสำคัญคนหนึ่งของกังตั๋ง ซึ่งรับราชการเมืองกังตั๋งตั้งแต่ครั้งซุนเกี๋ยน โลซกจึงเล่าความให้อุยกายฟังทุกประการ จากนั้นอุยกายจึงเดินกลับมาพร้อมกับโลซกพร้อมทั้งตะโกนขึ้นมาว่า

อุยกาย : "เหลวไหลสิ้นดี เหลวไหลสิ้นดี พวกท่านช่างไร้มารยาทต่อแขกเมือง ทำให้เสื่อมเสียเกียรติภูมิของซุนกวนนายเรายิ่งนัก โจโฉกำลังเตรียมจัดเตรียมทัพมาบุก ทุกคนควรคิดอ่านหาทางช่วยเมืองกังตั๋งให้ปลอดภัย ยังมีหน้ามา ตีถ้อยร้อยคำกันด้วยเรื่องเหลวไหลไร้สาระ"

ทุกคนที่ได้ยินอุยกายพูดก็เงียบลง เพราะต่างคนต่างก็เกรงใจขุนพลเก่าแก่ 3 แผ่นดินผู้นี้ จากนั้นอุยกายก็มาคำนับขงเบ้งแล้วพูดกับขงเบ้งว่า



อุุกาย : "แม้ว่าข้าพเจ้าจะได้ยินการสนทนาเพียงบางส่วนแต่ก็ได้สัมผัสถึงภูมิปัญญาอันลึกซึ้งของท่าน ท่านควรจะเก็บวาจาที่เป็นประโยชน์นี้ไปคุยกับซุนกวนนายเราเห็นจะชอบกว่า หาควรที่จะเปลืองน้ำลายโต้เถียงกับคนอื่นไม่"

ขงเบ้ง : "อันที่ปรึกษาเหล่านี้ต่างก็สงสัย เราก็แค่ชี้แจงให้กระจ่างก็เท่านั้นเอง"

ขงเบ้งเดินไปถึงหน้าประตูได้พบกับจูกันกิ๋นพี่ชายตนก็ทักทายกันตามธรรมเนียม



จูกัดกิ๋น : "เจ้าเดินทางมาเมืองกังตั๋งครั้งนี้ เหตุไฉนจึงไม่ไปเยี่ยมเยียนพี่ก่อน"

ขงเบ้ง : "ข้าพเจ้าเดินทางมาเมืองกังตั๋งครั้งนี้เป็นด้วยราชการในเล่าปี่นายเรา ซึ่งชอบที่จะทำหน้าที่ให้เสร็จเสียก่อนค่อยไปเยี่ยมพี่ ยังไงขอให้ท่านพี่จงอภัยให้แก่เราด้วย"

จูกัดกิ๋น : "ถ้าเช่นนั้นก็ดีแล้ว เมื่อเสร็จการแล้วค่อยมาสนทนากันให้เป็นที่สบายใจ"

จากนั้นอุยกายจึงพาขงเบ้งเข้าไปพบกับซุนกวน นับเป็นว่า ขงเบ้งชนะศึกสงครามทูตยกที่ 2 กับเหล่าขุนนางเมืองกังตั๋งแล้ว ต่อไปยกที่ 3 ต้องไปพบกับพญาพยัคฆ์แห่งแยงซีรุ่นที่ 3 ซุนกวน


Tuesday, December 11, 2012

#183 ขงเบ้ง vs ลกเจ๊ก & เหยียมจุ้น


ฝ่ายลกเจ๊กที่ปรึกษาของซุนกวนอีกคนถือโอกาสแจ้งเกิดบ้าง

ลกเจ็ก : "อันโจโฉนั้นเห็นว่าหยาบช้า แอบรับสั่งพระเจ้าเหี้ยนเต้ เที่ยวปราบปรามบ้านเมืองทั้งปวงให้แผ่นดินเดือดร้อนก็จริง แต่โจโฉนั้นเป็นถึงเชื้อสายขุนนางมาแต่ก่อน อันเล่าปี่นี้อ้างว่าเป็นเชื้อราชวงศ์ แท้จริงแล้วเป็นแค่คนทอเสื่อขาย ควรหรือไม่ที่จะไปสู้กับโจโฉ"

ขงเบ้งจับ keyword ของลกเจ๊กได้ว่า ลกเจ๊กนั้นโจมตีเล่าปี่ในด้านฐานนะและตระกูล ก็เลยคิดจะแก้เผ็ดลกเจ็ก

ขงเบ้ง : "ท่านนี้หรือชื่อว่าลกเจ๊ก เมื่อยังเป็นเด็กเคยไปลักส้มงานเลี้ยงของอ้วนสุดไปให้มารดา นั่งลงเถิดเราจะเจรจาด้วย"

ลกเจ็กรู้สึกเสียหน้าที่โดนขงเบ้งขุดประวัติขึ้นมาแฉ เพราะเมื่อครั้งยังเด็กลกเจ็กเองก็มิได้มีฐานะดีเท่าไหร่

ขงเบ้ง : "ซึ่งท่านนับถือโจโฉว่าเป็นเชื้อสายของโจฉำก็จริง ตระกูลของโจโฉมีความดีความชอบเป็นอันมาก แต่โจโฉนั้นเป็นคนเสียชาติเสียตระกูล มิได้ประพฤติตามประเพณี ส่วนเล่าปี่นั้น พระเจ้าเหี้ยนเต้ตรวจพงศาวดารเล่าปี่จริงแถมนับถือเล่าปี่เป็นพระเจ้าอา แต่ก่อนพระเจ้าฮั่นโกโจก็มิได้เป็นตระกูลใหญ่แต่มีความเพียรจะได้เห็นฮ่องเต้ ตัวท่านทำตัวเป็นเด็กอย่ามาพูดเลย"

ฝ่ายเหยียมจุ้นซึ่งเป็นปรึกษาของซุนกวนอีกคนถือโอกาสดับเอ้ยแจ้งเกิดบ้างอีกคน

เหยียมจุ้น : "อันวาจาที่ท่านกล่าวทั้งนี้ล้วนเป็นเรื่องที่โต้เถียงกัน ไร้สาระ ซึ่งหาแก่นสารมิได้ ซึ่งในการปกครองบ้านเมืองนั้นท่านอาศัยคัมภีร์บทกฎหมายเล่ใด"

ขงเบ้งจับ keyword ของเหยียมจุ้นได้ว่า เหยียมจุ้นกำลังอ้างคำภีร์ตำราเนื่องจากว่าตัวเหยียมจุ้นเองเป็นผู้รู้ตำราเป็นอันมาก ขงเบ้งจำต้องจัดการเสียให้เข็ด

ขงเบ้ง : "ซึ่งท่านจะถือเอาถ้อยคำอันคนโบราณตกแต่งไว้หาเชื่อถือมิได้ พวกหนอนหนังสือ ลอกกากตำราเอามาพูด หากแม้นภัยมาไกล้ตัวก็ไม่มีปัญญาเอาตัวรอด ดีแต่อยู่กับกระดาษและภู่กันไปวันๆ ท่านอย่ามาพูดเลยเสียดีกว่า"

เหยียมจุ้นได้ยินก็จำนวนต่อคำขงเบ้ง


Friday, December 7, 2012

#182 ขงเบ้ง vs โปเจ๋า & ซีหอง



ฝ่ายโปเจ๋าที่ปรึกษาของซุนกวนอีกคนหนึ่งเห็น เตียวเจียวและหยีหวน จำนวนจึงอยากแสดงฝีมือ(ปาก) บ้าง

โปเจ๋า : "ตัวท่านนี้คิดจะเลียนแบบ โซจิ๋น เตียวยี่ หวังจะเกลี้ยกล่อมชาวเมืองกังตั๋งอย่างนั้นหรือ"

ขงเบ้งพยายามจะจับ keyword ของโปเจ๋าแล้วก็ได้ความว่าโปเจ๋านั้นกำลังที่บอกว่าขงเบ้งนั้นเก่งแต่พูดเหมือน โซจิ๋น เตียวยี่ โดยอ้างคนในประวัติศาสตร์ขึ้นมาโจมตี ขงเบ้งจึงคิดว่าโปเจ๋านั้นคงรู้จัก โซจิ๋น เตียวยี่ แบบผิวเผิน จะได้ส่วนเรื่อง โซจิ๋น เตียวยี่ และประวัติศาสตร์กลับไป

ขงเบ้ง : "อันโซจิ๋น เตียวยี่นั้น เป็นปราชญ์ ที่พูดเก่งยุคเลี๊ยดก๊ก ทั้ง 2 คนนี้มิได้เก่งแต่พูดและเรื่องการทูตเพียงอย่างเดียว 2 คนนี้ยังมีความสามารถด้านการบริหาร การปกครอง และทางการทหาร ตัวท่านเองท่านรู้แต่ว่าโซจิ๋น เตียวยี่เป็นนักพูด นั้นมิควร อันตัวท่านยังไม่เคยเห็นกองทัพโจโฉเท่านี้ยังกลัวตัวสั่นอยู่ บอกให้นายออกไปยอมแพ้ ยังมีหน้ามาติเตียนผู้อื่นหรือเล่า"

ซีหองที่ปรึกษาของซุนกวนอีกคนจึงพูดขึ้นมาว่า

ซีหอง : "โจโฉนี้เป็นใครท่านรู้หรือไม่?"

ขงเบ้ง : "โจโฉนั้นเป็นศัตรูพระเจ้าเหี้ยนเต้ โจรราชสมบัตรใคร ๆ ก็รู้"

ซีหอง : "ท่านกล่าวมานี้ผิดแล้ว ราชวงศ์ฮั่นนั้นสิ้นไปแล้วตอนนี้โจโฉได้ครองแผ่นดิน 2 ใน 3 แล้ว ผู้คนต่างก็ศรัตธา เล่าปี่เองฝืนชะตาฟ้าดิน เขาไข่ไปกระทบกับหินย่อมแพ้แน่นอน"

ขงเบ้งเริ่มจับ keyword ของซีหองได้ ซีหองพยายามอ้างว่าราชวงศ์ฮั่นนั้นสิ้นแล้ว โจโฉนั้นเก่งกล้าสามารถมีอำนาจมากกว่าฮ่องเต้

ขงเบ้ง : "ทำไมท่านพูดเช่นนี้ คนเราเกิดมาในแผ่นดินต้องจงรักภัคดีกตัญญู นายเราเห็นว่าโจโฉนั้นเป็นศรัตรูแผ่นดินจึงเจ็บร้อนด้วย แลตัวท่านก็เป็นข้าแผ่นดินอยู่ในพระเจ้าเหี้ยนเต้ ไม่มีความภักดีต่อเจ้ากลับเห็นชอบด้วยศัตรูแผ่นดิน คนอย่างนี้ไม่คู่ควร อย่าพูดอีกเลย"

Thursday, December 6, 2012

#181 ขงเบ้ง vs ยีหวน



ฝ่ายยีหวนซึ่งเป็นที่ปรึกษาของซุนกวนอีกคน เห็นเตียวเจียวจำนวนจึงคิดที่จะแก้แค้นและต้องการแสดงฝีมือให้คนอื่นได้เห็นจึงลุกขึ้นมาว่า

ยีหวน : "บัดนี้โจโฉยกทัพใหญ่มาร่วมร้อยหมื่นหวังจะเหยียบเมืองกังแฮให้จมไปในพระมหาสมุทร ตัวท่านมีความคิดอ่านประการใด"

ขงเบ้ง : "แม้นว่าโจโฉจะยกทหารถึงร้อยหมื่น ก็ไม่น่ากลัวเพราะทหารของโจโฉนั้นมีทหารที่เคยแพ้ศึกอยู่ด้วย ส่วนหนึ่งเป็นทหารบ้านนอกของอ้วนเสี้ยวไม่เชียวชาญการรบ  ซึ่งโจโฉได้ไว้ในฐานะเป็นเชลยศึก อีกส่วนหนึ่งก็เป็นทหารเมืองเกงจิ๋วของเล่าเปียว ซึ่งเป็นทหารร่อนเร่พเนจร กองทัพโจโฉนั้นมิได้น่ากลัวเลย"

ยีหวน : "ฮ่าๆๆๆๆ ท่านดูหมิ่นดูถูกกองทหารของโจโฉ ไม่ชำนาญการสงคราม หากเป็นเช่นนั้น ไหนเลยเล่าปี่ถึงได้แตกหนีทัพมาอยู่เมืองกังแฮ มิใช่เพราะทหารของโจโฉหรอกหรือ ตัวท่านยังจะมีหน้ามาโอ้อวดว่าตัวเองไม่กลัวกองทัพโจโฉอีกอย่างนั้นหรอกหรือ? ฮ่าๆๆๆ"

ขงเบ้งเห็นหยีหวนโจโฉด้วย keyword ที่ว่า "กลัวทหารโจโฉ" ขงเบ้งจึงใช้ keyword นี้สวนกลับไปในทันที

ขงเบ้ง : "เหอะๆ...อันนายเราเสียทีแตกทัพมาอยู่ที่เมืองกังแฮมีทหารอยู่เพียง 3 พัน ซึ่งเทียบกับทหารของโจโฉมิได้เลย การที่หนีมาอยู่เมืองกังแฮนั้นใช่ว่าจะ กลัว ทหารของโจโฉและไม่คิดที่จะยอมแพ้โจโฉอีกด้วย อันเมืองกังตั๋งนี้ผู้คนก็มาก ทหารก็พร้อม เสบียงก็สมบูรณ์ ทะเลก็ขั้นกลาง ดูดีกว่าเมืองซินเอี๋ยเสียอีก แต่เหตุใดจึงรวมหัวกันให้นายตัวเองยอมแพ้แก่โจโฉ พอมาคิดๆดูแล้ว นายเรานั้นกลัวโจโฉน้อยว่ากว่าพวกท่านเสียอีก...ฮ่าๆ"

ยีหวนโดนจี้จุดด้วย keyword ของตัวเองจึงนิ่งเงียบไปอีกคน อีกทั้งขงเบ้งยังพูดความจริงที่เหล่าขุนนางต่างบอกให้ซุนกวนยอมแพ้แก่โจโฉ